ตอนที่ 2 วิวาห์ฟ้าแลบ

1482 Words
แววตาของเจ้าบ่าวที่มองยังเจ้าสาวของตน ในความเป็นจริงแล้วมันควรเต็มไปด้วยความรักใคร่และเสน่หา แต่สำหรับธาดาแล้ว เขามองเจ้าสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉยและดูไม่ได้ตื่นเต้นกับการแต่งงานเลยสักนิด พรพันวาอยู่ในชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บด้วยผ้าพื้นเมืองที่ดูแปลกตา ดวงตากลมโตและสวยละมุนในแบบสาวใต้ตาคม แต่ผิวพรรณนั้นขาวละเอียดราวกับไม่เคยถูกแดดมาก่อน รูปร่างสมส่วนของเธอทำให้เขาอดที่จะยิ้มอย่างประทับใจไม่ได้ อย่างน้อยผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยก็ดูดีกว่าที่คิดเอาไว้ หากจะต้องพาไปไหนมาไหนก็คงไม่อายใคร เพราะคนสวยกว่านี้เขาก็เจอมาเยอะแล้ว จึงไม่ได้ตกตะลึงกับความสวยของเจ้าสาว งานแต่งงานถูกจัดขึ้นง่ายๆ หลังจากเธอตอบตกลงเพียงสามวัน พรพันวาบอกเขาว่าต้องการงานแต่งงานริมหาดทรายที่ประดับประดาไปด้วยซุ้มดอกไม้ เขาก็จัดให้ตามที่เธอขอ เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนยืนเผชิญหน้ากันอยู่ในซุ้มดอกไม้ตรงหน้า โดยมีแขกเหรื่อและครอบครัวของเจ้าสาวที่มาเป็นสักขีพยาน ในขณะที่ฝั่งของเจ้าบ่าวมีคู่ค้าทางธุรกิจและลูกน้องของเขาไม่กี่คนเท่านั้น “ผมจะรักและดูแลพรพันวาตลอดไป” เขาให้คำมั่นแต่งงานด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่น “ฉันจะรักและซื่อสัตย์กับนายหัวธาดาตลอดไป” ทั้งสองให้คำมั่นสัญญาการแต่งงานต่อกัน ก่อนที่จะแลกแหวนแต่งงานตามขั้นตอนที่จัดเตรียมไว้ เจ้าบ่าวใช้มือของเขากอดรวบที่เอวเพรียวบางของเจ้าสาวดึงเข้ามาหาตัว มองสบสายตาที่หวั่นไหวของอีกฝ่ายก่อนที่จะเชยคางมนขึ้นมาจุมพิต เพื่อยืนยันว่าทั้งคู่กลายเป็นสามีภรรยากันเรียบร้อยแล้ว เสียงปรบมือของทุกคนดังขึ้นพร้อมกับพิธีแต่งงานที่ผ่านพ้นไป จากนั้นแขกเหรื่อก็ทยอยกันเดินกลับเข้าไปในตัวรีสอร์ตเพื่อที่จะเข้าไปรับประทานอาหารในห้องอาหารที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคอยเดินไปทักทายแขกที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เสร็จแล้วจึงจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตน “เล่นละครเก่งดีนี่” น้ำเสียงที่เย้ยหยันพูดขึ้นมาขณะที่จิบแชมเปญในมือ ทำให้เจ้าสาวอดตอบโต้ไม่ได้ “คุณเองก็แสดงละครเก่งเหมือนกัน ทำเหมือนว่ารักฉันมาก ทำราวกับว่าเรารู้จักกันมานาน” หญิงสาวพูดโดยไม่มีความยำเกรง พ่อแม่ของเธอต้องพึ่งพาอิทธิพลและเงินจากเขาในการทำธุรกิจ เขาเองก็ต้องพึ่งพาการแต่งงานครั้งนี้เพื่อผลประโยชน์อะไรบางอย่าง เธอมองใบหน้าที่ดูคมเข้มและหล่อเหลานั้น หญิงสาวเคยมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประทับใจในคราแรก จนตัดสินใจตกลงเพียงชั่ววูบ แต่พอได้พูดคุยกันจึงรู้ว่าชายคนนี้หล่อแต่รูปจูบไม่หอมเสียแล้ว และรู้สึกว่าตนเองกำลังคิดผิด งานแต่งงานและงานฉลองสมรสเสร็จสิ้นในตอนบ่าย พิธีง่ายๆ ที่รวบรัดขั้นตอนนี้เป็นการประกาศให้คนในพื้นที่รู้ว่า ธาดาแต่งงานกับพรพันวาเรียบร้อยแล้ว และธุรกิจของฝ่ายหญิงก็อยู่ในการคุ้มครองของเขา “ทำไมเราไม่จดทะเบียนสมรสกันคะ กลัวฉันแบ่งสินสมรสเหรอ” เจ้าสาวหมาดๆ ถามเขาขณะที่กำลังเปลี่ยนชุดในห้องหอ “กลัวทำไมเรื่องแบบนี้มันสลักหลังใบสมรสได้ แต่ไม่จดเพราะเวลาเลิกกันก็จะไม่ได้ต้องยุ่งยาก” น้ำเสียงนั้นพูดเสียงเรียบ สายตาคมกริบจับจ้องยังแผ่นหลังขาวเนียนในชุดเจ้าสาวที่กำลังนั่งแกะเครื่องประดับออกจากผมของเธอ “ก็ดีค่ะ” เธอเองก็พูดอย่างไม่แยแส หญิงสาวไม่หวาดกลัวเขา เพราะครอบครัวเธอก็ไม่ใช่จะไม่มีอำนาจเสียเมื่อไหร่ เพียงแค่เป็นรองจากเขาและธุรกิจกำลังย่ำแย่ลงก็เท่านั้น ธาดาเดินไปยืนด้านหลัง วางฝ่ามืออุ่นลงที่ลาดไหล่เล็กทำให้หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเขา “จะทำอะไรคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ในวัยเพียงยี่สิบสองที่เพิ่งเรียนจบ ก็ต้องกลับบ้านเกิดมาแต่งงานกับนายหัวอายุสามสิบหก ทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่เธอได้เตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้า “แต่งงานกันเสร็จ ส่งตัวเข้าหอ แล้วเขาทำอะไรกัน หรือว่าคิดว่าเป็นเหมือนในนิยายที่แต่งงานกันโดยไม่รักแล้วเจ้าบ่าวเสียสละแยกห้องนอน” เขาพูดแล้วยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย มองท่าทางตื่นกลัวของเจ้าสาวอย่างขำขัน เมื่อครู่เธอยังปากเก่งใส่ตนอยู่แท้ๆ “มันก็ควรเป็นอย่างนั้น เราแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์ คนไม่รักกันจะนอนด้วยกันได้ยังไง” เจ้าสาวหมาดๆ พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง แล้วถอยห่างจากเขาด้วยความประหม่า จริงๆ หากเขาจะทำเธอก็คงไม่ขัดอะไร ก็เขามีเสน่ห์ขนาดนั้นและเป็นสิทธิ์ของเขา แต่เพราะคำพูดที่เย็นชาของเขาทำให้เธอหมั่นไส้เหลือเกิน “เดี๋ยวนะ อ่านนิยายมากไปไหมเด็กน้อย ผู้ชายน่ะไม่ต้องมีความรักหรอก แค่อยากทำก็เอากันได้แล้ว” คำพูดที่หยาบโลนออกมาจากปากเขาทำเอาเธออึ้งไปสักครู่ นี่หรือนายหัวธาดาผู้เคร่งขรึม เขาก็แค่ผู้ชายปากร้ายเท่านั้น “คุณบ้าไปแล้ว ถ้าทำอะไรฉัน ฉันเอาเรื่องคุณแน่ ถ้าไม่เต็มใจยังไงมันก็คือการข่มขืน นายหัวธาดาข่มขืนเมียตัวเอง คนอื่นรู้จะน่าขันแค่ไหน ไม่มีความสามารถทำให้ผู้หญิงยินยอมได้เลยใช้กำลัง” หญิงสาวพูดขู่เขา แม้พยายามทำใจดีสู้เสือ แต่น้ำเสียงก็ยังสั่นอยู่เล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นมากกว่าตื่นกลัว ธาดาหรี่ตาลงมองคนตรงหน้าที่พูดจาฉะฉาน ไม่ยอมอ่อนข้อให้เขา ทั้งชีวิตเขาเจอแต่คนอยากแต่งงานกับเขาจนตัวสั่น แต่เธอได้รับเกียรตินั้นแต่ไม่ต้องการมีสัมพันธ์กับเขา แล้วยังปากเก่งทั้งเถียงทั้งพูดข่มขู่ เรียวขายาวที่แข็งแกร่งเดินไปหาเธอช้าๆ หญิงสาวเบิกตากว้างแล้วร่นถอยไปด้วยความตกใจ ตื่นเต้นมากกว่าตื่นกลัวว่าสิ่งนั้นมันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เมื่อแผ่นหลังชนผนัง พรพันวาก็รู้แล้วว่าไม่มีพื้นที่ให้หลบหนี เธอยืนตัวเกร็งเม้มริมฝีปากแน่นแล้วมองเขาตาไม่กะพริบ นายหัวเจ้าของสัมปทานธุรกิจเดินรถของภาคใต้เดินไปยืนตรงหน้าเจ้าสาวของตนอย่างแนบชิด มุมปากยกยิ้มแล้วเชยคางมนของเจ้าหล่อนขึ้นมา ริมฝีปากหยักหนาประทับจูบที่ริมฝีปากที่เม้มสนิทแล้วบดจูบกลีบปากนั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ใช้มือยื่นไปรั้งท้ายทอยให้เธอรับจูบจากตนได้ถนัด มือของเธอกำกระโปรงตัวเองแน่น ไหล่เล็กสั่นเทาเมื่อปลายลิ้นของธาดาดุนเข้าไปผ่านริมฝีปากที่เม้มแน่น จากนั้นก็ถูกเขาต้อนจูบจนต้องเผลออ้าปากรับแล้วตัวอ่อนลง เริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบจากเจ้าบ่าวที่ตนก็มีใจให้แต่แรก มือเล็กๆ เริ่มคล้องคอรับจูบจากเขาอย่างเต็มใจ ความรู้สึกเร่าร้อนกำเนิดที่ท้องน้อยเหมือนคลื่นที่กำลังม้วนตัวเป็นเกลียวอยู่ด้านใน ห้วงหายใจติดขัดราวกับกำลังจมดิ่งสู่ห้วงมหาสมุทร ธาดาถอนริมฝีปากออกแล้วมองใบหน้าที่งุนงงของเจ้าสาว ริมฝีปากเธอยังคงเผยอเบาๆ เหมือนว่ารอจูบจากเขาอีกครั้ง “เห็นไหมว่าผมไม่ได้ใช้กำลังกับคุณเลย แค่จูบนิดๆ หน่อยๆ คุณก็เคลิ้มตามแล้ว แบบนี้จะเรียกว่าผมใช้กำลังได้เหรอ...คุณภรรยา” พูดจบเขาก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พรพันวาทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ารู้สึกตื่นเต้นหวั่นไหวไปกับรสจูบของเขา เธอสัมผัสที่ริมฝีปากของตนเองเบาๆ นึกตามอย่างที่เขาบอก สุภาพบุรุษมีแค่ในนิยายเท่านั้น แล้วหากเขาจะใช้สิทธิ์ของความเป็นสามีเธอจะขัดขืนได้หรือ แล้วใครล่ะจะอยากขัดขืน แม้จะปากจัดไปหน่อย แต่เขาก็ยังทำให้เธอใจเต้นแรงด้วยอยู่ดี แม้จะอดหมั่นไส้ไม่ได้ก็เถอะ “ยังก่อนหยก ถ้ายอมเขาง่ายๆ ก็ไม่สนุกสิ” เธอพึมพำกับตัวเอง บทบาทที่เธอจะแสดงหลังจากนี้เธอรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD