ตอนที่ 14
เจตนิพัทธ์กลับมาถึงที่ทำงานก็เกือบห้าโมงเย็น เขารีบสั่งให้ลูกน้องไปตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เกี่ยวกับของครัวของจิรพิมนตร์ และครอบครัวของฉายดนัย และรวมไปถึงตัวนภัสสรเลขาฯ คู่ใจของฉายดนัยว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชายคนที่เธอไปเยี่ยมเขาในวันนี้หรือไม่
เจตนิพัทธ์อยากจะช่วยเหลือจิรพิมนตร์ และถ้าเป็นแค่เรื่องหนี้สินเพียงอย่างเดียว เขาพร้อมจะช่วยเหลือเธออยู่แล้ว
หลังจากนั้นพศินเพื่อนสนิทของเขาก็เดินเข้ามา ก่อนจะเอ่ยทักทายเจตนิพัทธ์
“ว่าไงหายไปเฝ้าสาวซะครึ่งค่อนวันเลยเหรอวะ”
“อืม..พอดีเธอไม่สบายน่ะ”
“ฉันมารอแกตั้งแต่บ่ายล่ะ นึกว่าจะไม่เข้ามาซะแล้ว” พศินบอกเพื่อนแล้วพลางนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม
“ก็ทำไมไม่โทรไปบอกฉันเล่า”
“พอดีฉันไม่ได้รีบร้อนอะไร เมื่อกี้ไปเดินเล่นแถวนี้มา”
“ว่าแต่แกมีอะไรหรือเปล่า” เจตนิพัทธ์เลิกคิ้วถามเพื่อนด้วยความสงสัย
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แวะมานั่งเล่นเฉย ๆ” พศินเอนหลังพิงในท่าสบายแล้วพูดกับเพื่อน
“ว่าแต่..คุณมนตร์เธอเป็นอะไรเหรอ แกถึงต้องไปเฝ้า” เมื่อสักครู่ลูกน้องของเขาแจ้งกับพศินอย่างนั้น แต่ไม่ได้บอกถึงสาเหตุ
“เธอเผลอไปกินกุ้ง แล้วก็แพ้กุ้ง ก็เลยแน่นหน้าอก แล้วก็หายใจไม่ออก ฉันกับเพื่อนเค้าก็เลยพาตัวไปที่โรงพยาบาล” จากนั้นเจตนิพัทธ์ก็เล่าต่อไปถึงเรื่องราวทั้งหมด พศินรู้สึกว่าเพื่อนอาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฉายดนัยมากเกินไปจึงรีบเตือน เพราะดูแล้วฉายดนัยก็ร้ายไม่เบา อีกทั้งยังเป็นถึงลูกรัฐมนตรี
“เลิกยุ่งกับคุณมนตร์เสีย ฉายดนัยมันร้ายนะ”
“ก็ฉันสงสารคุณมนตร์ ฉายดนัยไม่ได้รักเธอแถมยังรังแกเธออีก”
“อันที่จริงฉันก็พอจะรู้จักครอบครัวของคุณมนตร์อยู่บ้าง เธอมีน้องชายต่างพ่ออีกหนึ่งคน เดาว่าทรัพย์สินของครอบครัวพ่อเลี้ยงคงจะอยากให้เป็นของบุตรชายเขามากกว่า”
“แล้วทำไมแม่ของเธอถึงต้องการให้เธอแต่งงานกับลูกชายของคุณทวีปด้วยล่ะ”
“ที่รู้มาก็คือว่า พ่อของคุณมนตร์นั้นเป็นหนี้คุณทวีป ทรัพย์สินและหุ้นทุกอย่างจึงตกเป็นของคุณทวีป พ่อของคุณมนตร์ก็เลยสั่งเอาไว้ว่าถ้าเธอโตขึ้นก็ให้แต่งงานลูกชายของคุณทวีป
“สั่งไว้ก่อนตายเหรอ”
“น่าจะอย่างนั้น แต่เรื่องมันก็นายแล้วล่ะ”
“แต่งเพื่ออะไรกัน ฉันไม่เข้าใจ”
“ก็ก่อนตายท่านรัฐทวีปได้ตกลงกับพ่อของคุณมนตร์ว่าจะคืนหุ้นบริษัทเดิมที่เป็นส่วนของเขาให้กับลูกสาวไง หากคุณมนตร์เธอได้แต่งงานกับฉายดนัย”
“งั้นก็แสดงว่าที่เธอจำต้องแต่งงานกับไอ้คุณดนัยก็เป็นเพราะอยากให้หุ้นบริษัทคืนงั้นเหรอ”
“ก็คงประมาณนั้น แต่เดาว่าคนที่อยากได้คืนน่าจะเป็นแม่ของเธอกับพ่อเลี้ยงมากกว่า เพราะอย่าลืมว่าเธอมีน้องชายอีกคนหนึ่ง”
“แล้วสองคนนี้ไปหมั้นกันตอนไหนเหรอ เห็นไอ้คุณดนัยมันอ้างจัง”
“ก็ไม่นานหรอกคงเป็นหลังจากที่คุณมนตร์เธอเรียนจบเมื่อสองสามปีที่แล้วเนี่ยล่ะ ฉันก็ไม่รู้เรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ได้ยินว่าท่านรัฐมนตรีทวีปให้ทั้งคู่หมั้นหมายกันเอาไว้ น่าจะสักสามสี่ปีแล้วมั่ง”
“ตอนี้คุณมนตร์เธออายุ 26 ปี เรียนจบก็น่าจะ 22 คงหมั้นกันแล้วประมาณ 4 ปี” เจตนิพัทธ์คำนวณ
“ประมาณนั้นแหละ รัฐมนตรีทวีปน่ะ..เค้าอยากได้คุณมนตร์ไปเป็นลูกสะใภ้เพราะครอบครัวของเธอเป็นผู้เก่า เห็นว่าถ้าแต่งงานกันแล้วจะให้ใช้นามสกุลของฝ่ายหญิงด้วยนะ”
“อ๋อ”
“แต่ฉันเห็นการกระทำของฉายดนัยวันนี้แล้วไอ้หมอนั่นไม่ได้แคร์อะไรคุณมนตร์เลย แต่งงานกันไปคุณมนตร์ก็ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์คนแบบนั้น แถมยังให้คู่ขามารังแกเธออีก ฉันรับไม่ได้จริง ๆ ว่ะ” เจตนิพัทธ์ส่ายศีรษะ เขาทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้จิรพิมนตร์ไปแต่งงานกับผู้ชายห่วย ๆ แบบนั้น
“ที่แกรับไม่ได้เพราะแกหลงรักคุณมนตร์เค้าแล้วล่ะสิ” พศินเอ่ยแซวเพื่อน
“แกก็รู้ว่าฉันไม่อยากเห็นใครถูกรังแก”
“แกตอบไม่ตรงคำถามน่ะไอ้เจต สรุปแกคิดยังไงกับคุณมนตร์..บอกฉันมา”
“ฉันก็เป็นห่วงเค้า แล้วก็สงสารเค้า ไม่อยากให้เค้าต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ แบบนี้”
“ก็นั่นแหละ มันเป็นเพราะแกรักเค้าไง ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นที่เจอแบบเดียวกันกับคุณมนตร์แกจะรู้สึกแบบนี้มั้ยละ” เจตนิพัทธ์คิดตามคำพูดของเพื่อน จากนั้นเขาก็ขอตัวออกไปข้างนอกทันที เพื่อนของเขาถึงกับนั่งอึ้ง ที่จู่ ๆ เจตนิพัทธ์ก็ลุกพรวดออกไป ทิ้งไว้แค่คำกล่าวลา
“เอาไว้เจอกันอีกทีนะเพื่อน”
“อาไรของมันวะ” พศินพึมพำ