ภาพของหญิงสาวที่กำลังคลี่ยิ้มบางๆ ข้างมุมปากในจังหวะที่กำลังนวดขมับให้อยู่นั้นสะกดคนที่ลืมตาขึ้นมาเพื่อจะบอกให้เธอหยุดกลับต้องชะงักค้างเผลอจ้องใบหน้าหวานของอีกฝ่ายไปนานราวกับคนไร้สติ รินลดาอาจไม่ใช่ผู้หญิงที่โดดเด่นอะไรมากนักหากเทียบกับเหล่านางแบบและเซเลบคนดังที่เขาเคยควงมา แต่เธอก็จัดว่าสวยในแบบธรรมดาที่ถึงไม่ต้องแต่งเติมอะไรลงไปก็ชวนมองและเมื่อได้มองก็พาลจะทำให้ไม่อาจละสายตาไปได้ง่ายๆ เหมือนที่เขากำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
“คุณมีอะไรรึเปล่าคะ” รินลดาจำต้องเอ่ยถามขึ้นเพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องพบว่าอีกฝ่ายนั้นเอาแต่นั่งจ้องหน้าของเธออยู่ไม่ยอมละสายตาไปไหนแม้กระทั่งคำถามนั้นของเธอถูกเอ่ยออกไป เนิ่นนานกว่าที่ตรีภพจะรู้สึกตัวถึงได้รีบเอ่ยตอบออกไปลวกๆ พร้อมชักสีหน้าให้ดูเป็นปกติให้ได้มากที่สุด...
“เปล่านี่!! ไม่มีอะไรทั้งนั้น พอได้แล้ว เรี่ยวแรงของเธอมันมีแค่นี้เองรึไง ไปหยิบผ้าขนหนูให้ฉันแล้วก็ออกไปรอข้างนอกไป!”
“ค่ะ” หญิงสาวจำต้องรีบรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะรีบลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูมาส่งให้และหมุนตัวเดินออกมารอเขาที่หน้าห้องตามคำสั่ง เพียงไม่นานร่างกำยำที่ในตอนนี้มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันเอาไว้รอบเอวก็เดินออกมาจากห้องน้ำติดๆ สายตาคมเข้มจ้องมองร่างเล็กที่เอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ชั่วครู่ถึงได้เดินเลยผ่านไป ทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงกว้างโดยไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
“มานั่งตรงนี้สิหนูเล็ก” เสียงเข้มร้องบอกหลังจากเอาแต่นั่งนิ่งไปนานพลางตบเตียงที่ว่างข้างกายตัวเองช้าๆ ทำเอาคนที่ยืนนิ่งอยู่จำต้องรีบเดินเข้าไปหาเพราะไม่อยากขัดใจเขาที่กำลังอารมณ์ดีในตอนนี้ประเดี๋ยวจะพาลหงุดหงิดใส่เธอขึ้นมาอีก
“คุณมีอะไรกับฉันเหรอคะ” ถามกลับไปเบาๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาด้วย เพราะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นมีสิทธิ์มากน้อยแค่ไหนที่จะทำแบบนั้น
“เธออยากได้ของขวัญจากฉันรึเปล่า”
“คะ ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่อยากได้อะไรอีกแล้วค่ะ แค่ที่คุณย่ากับทุกๆ คนให้มามันก็มากพอแล้วสำหรับวันนี้” หญิงสาวร้องบอกออกไปตามที่รู้สึก แม้อีกใจหนึ่งอยากจะได้รับของขวัญจากเขาสักครั้งแต่เมื่อรู้ตัวเองดีแล้วว่าตัวนั้นไม่มีสิทธิที่จะไปคิดอะไรแบบนี้ได้คำตอบนั้นจึงได้ถูกเอ่ยบอกออกไปแทนความรู้สึกที่แท้จริง
“แต่ฉันอยากให้ เงยหน้าขึ้นสิ!” คำสั่งเพียงไม่กี่คำกลับทำเอาผู้ได้ฟังถึงกลับตกใจอย่างหนัก คิดไม่ตกเลยว่าเขาจะมาไม้ไหนกับเธออีกกันแน่ในตอนนี้ หรือว่าจะหลอกให้เธอดีใจเล่น แล้วแกล้งกันอีกก็ไม่อาจจะรู้ได้เลยสักนิด มีทางเดียวเท่านั้นที่เธอจะรู้ได้ นั่นคือต้องเอ่ยถามมันออกไปเท่านั้น
“เอ่อ คุณว่าอะไรนะคะ”
“บอกให้ทำก็ทำสิ จะถามมากทำไมกัน”
“แต่ว่าฉัน….”
“ช่างเถอะ! เธอไม่ทำเดี๋ยวฉันทำให้เองก็ได้ มานี่!” พูดจบมือหนาก็เอื้อมมากุมใบหน้าเล็กเอาไว้ทั้งสองมือก่อนจะจงใจบีบแก้มจนอีกฝ่ายต้องเสียงร้องนั่นเองทำให้คนที่รอจังหวะได้โอกาสฉกริมฝีปากเข้าหาอย่างรุนแรงก่อนจะดูดกลืนเอาเสียงร้องประท้วงของเธอไปจนหมดสิ้น มือทั้งสองก็ทำหน้าที่จับศีรษะมนให้เอียงอย่างเหมาะเจาะ ลิ้นร้อนๆ ชอนไชควานหาความหอมหวานไปทั่วอย่างจงใจทำเอาคนที่ไม่ประสากับประสบการณ์วาบหวานตรงหน้าสั่นสะท้านจนต้องเอื้อมมือไปกำชายเสื้อคลุมของเขาเอาไว้แน่นเพื่อหาที่ยืดเหนี่ยว ไม่ให้ตัวเองหลงระเริงกับไฟรักที่เขากำลังพยายามมอบให้กัน
ตั้งแต่แต่งงานกันมาจนถึงวันนี้ตรีภพไม่เคยแตะต้องหรือทำอะไรเช่นนี้กับเธอเลยสักครั้ง แค่จะเข้าใกล้แต่ละครั้งก็ยังยากลำบากแต่มาครั้งนี้เขากลับเป็นฝ่ายเข้าหาเสียเองอีกทั้งยังมอบเอาจูบที่ล้ำลึกมาให้เป็นของขวัญด้วยตัวเองแบบนี้อีก เป็นใครก็ต้องรู้สึกตกใจทั้งนั้น
ช่วงเวลาที่หวานซึ้งผ่านไปไวมากเสียจนมารู้สึกตัวอีกทีแผ่นหลังของหญิงสาวก็ถูกกดให้โน้มลงไปรายกับเตียงกว้างก่อนที่ร่างกำยำจะตรงเข้ามาทายทับเอาไว้ทั้งตัวพร้อมกับแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้งหากแต่ครั้งนี้เขารุนแรงและเรียกร้องมากกว่าครั้งแรก
“อย่าเม้มปากได้ไหม!” เขาดุกันก่อนจะขบเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างอย่างตั้งใจจนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกทำท่าจะอ้าปากร้องนั่นเองทำให้เขามีโอกาสที่จะฉกลิ้นร้อนๆ ของตัวเองกลับเข้าไปสำรวจความหอมหวานจากด้านในนั้นได้อีกครั้งและทำการสอนให้คนตัวเล็กร่วมมีความสุขโดยการใช้ลิ้นของตัวเองนั้นเป็นการสาธิตอยู่ไม่นานนักเรียนคนแรกของเขาก็เริ่มที่จะคุ้นเคยและโต้ตอบกลับมาอย่างไม่ประสา แต่นั่นกลับสร้างความพอใจให้แก่ตรีภพเป็นอย่างมาก
“อื้อ…พอแล้วค่ะคุณภพ อ๊ะ!! ตรงไหนมัน…”
เสียงหวานเอ่ยทักท้วงขึ้นอย่างขาดช่วงเมื่อตรีภพค่อยๆ ผละริมฝีปากออกก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ ที่ฐานอกอิ่มหากแต่เสียงนั้นของเธอกลับเป็นเพียงลงเบาๆ ที่เขาแทบจะไม่ได้ใส่ใจกับมันเลยสักนิด เพราะสิ่งที่กำลังทำให้เขาสนใจและอยากที่จะทำความรู้จักมากกว่าสิ่งไหนในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นดอกบัวตูมสองคู่ตรงหน้าเสียมากกว่า
“ขอชิมหน่อยได้ไหม”
คำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบแต่อย่างใดสิ้นสุดลงพร้อมๆ กับปลายลิ้นที่ค่อยๆ ลากเข้าไปใกล้เม็ดปทุมสีสวยก่อนจะจัดการดูดกลืนมันเข้าไปในโพลงปากจนเกิดเสียงดังเพราะแรงสัมผัสที่รุนแรงท่ามกลางเสียงครางกระเส่าของหญิงสาวที่สุขล้นเกินกว่าจะเอ่ยปากห้ามไม่ให้เขาทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้เลยแม้แต่คำเดียว ร่างเล็กบิดเร้าไปมาก่อนจะแอ่นกายที่กำลังสั่นสะท้านอย่างหนักของตัวเองขึ้นรับริมฝีปากที่กำลังดูดกลืนอกอวบของตัวเองอย่างลืมตัว เผลอต้อนรับการมาเยือนของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ รู้เพียงแต่แค่ว่าอยากจะผลักไส และโอบกอดเขาเอาไว้ในคราเดียวกันเท่านั้นในตอนนี้
สีหน้าและท่าทีของเมียสาวยิ่งทำให้ตรีภพรู้สึกฮึกเหิมหนักมากยิ่งขึ้น มือที่ว่างเว้นอยู่เอื้อมมือบีบเคล้นอกอีกข้างที่ว่างเว้นในขณะที่ริมฝีปากก็ยังคงทำหน้าที่ดูดกลืนยอดปทุมอีกข้างอยู่ไม่ยอมปล่อย เธอหวานและตีตราตั้งแต่คราแรกที่ได้สัมผัส คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ทำให้เขามีความต้องการที่พุ่งทะยานมากมายขนาดนี้กลับเป็นคนที่อยู่ข้างกายของมาตลอดหนึ่งปีเต็ม อีกทั้งยังเป็นคนที่เขาได้เคยลั่นวาจาเอาไว้มั่นว่าจะไม่มีวันแตะต้องเธออีกด้วย
“คุณหนูเล็กค่ะ คุณทิพย์ให้แววเอาของขวัญที่คุณหนูเล็กลืมเอาไว้มาให้ค่ะ ให้แวววางเอาไว้ตรงไหนดีคะ” ทุกๆ สิ่งที่กำลังดำเนินไปได้ดีหลับต้องหยุดชะงักลงด้วยเสียงเคาะประตูห้องของสาวใช้ที่นำเอาของขวัญมากมายมาให้เจ้าของขวัญวันเกิด ตามคำสั่งของคุณหนูคนเล็กของบ้านอย่างทิพย์อักษร
ตรีภพสบถขึ้นอย่างหัวเสียแต่ก็ยอมผละกายออกห่างให้หญิงสาวได้เป็นอิสระไปอย่างจำใจ รินลดาแทบจะไม่หันมาสบสายตาดุดันคู่นั้นอีกเลยรีบเดินไปเปิดประตูห้องอย่างว่องไวก่อนจะเดินนำสาวใช้เพื่อที่จะนำของขวัญไปไว้อีกห้องหนึ่ง และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นหญิงสาวก็หวนกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะโล่งอกเป็นอย่างมากที่คนโตตัวนั้นผล็อยหลับไปเสียได้
คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะมองหน้าเขาอย่างไรหากต้องกลับเข้ามาเผชิญหน้ากับอีกครั้งหลังจากที่ทั้งสองทำเรื่องที่ไม่สมควรต่อกันไปจนถึงขั้นเกือบที่จะเลยเถิดไปไกลแสนไกล
คืนนี้เธอจะข่มตาหลับลงไปได้อย่างไรในเมื่อหัวใจยังคงเต้นแรงไม่หยุดหย่อนอยู่อย่างนี้
หญิงสาวเฝ้าแต่ถามย้ำกับตัวเองภายในใจก่อนจะเผลอหลับตามสามีของตัวเองไปในที่สุดพร้อมๆ กับหัวใจที่สุขล้นจนต้องเผลอยิ้มออกมาอยู่หลายต่อหลายครั้งทั้งๆ ที่ยังคงหลับตานิ่งอยู่