เช้าวันต่อมาเสี่ยวหลานตื่นขึ้นมาไม่เห็นหลงฉีอยู่ที่กระโจมเหมือนเช่นเคย ทว่าครั้งนี้นางไม่อาจทนอาบน้ำในกระโจมโดยมีทหารหอบน้ำมาปรนนิบัติให้แก่ตนได้ นอกจากจะเกรงใจที่ผู้อื่นต้องมาปฏิบัติต่อตนราวกับคุณหนูจวนใหญ่แล้วนางอยากออกไปสูดอากาศด้านนอก เพราะนางเริ่มมั่นใจว่าคงไม่มีใครกล้าทำร้ายนางเพราะเขาผู้นั้น เสี่ยวหลานรวบรวมความกล้าลงจากเตียงที่มิได้นุ่มนัก สองขาค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างระมัดระวังเดินออกไปนอกกระโจมไป
ระหว่างทางที่นางเดินสายตาคอยสังเกตอย่างกล้าๆ กลัวๆ ดังที่คิดไว้ว่าทุกสายตาจับจ้องนางราวเป็นสิ่งแปลกประหลาดทว่าไม่มีใครเดินตรงมาหาเรื่องนาง เสี่ยวหลานเดินไปตามทางและเห็นว่าทหารกองหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมประกอบอาหาร นางจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปพร้อมเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก
“ให้ข้าช่วยเถิดนะ” นายทหารผู้หนึ่งหันตามเสียงสตรีที่ยากนักจะพบในค่ายทหารและจำได้ว่าสตรีนางนี้เป็นคนเดียวกับที่ท่านอ๋องพามาด้วย เขาเป็นคนไม่คิดอะไรมาก เพราะงานที่ทำก็มากยิ่ง การทำอาหารเลี้ยงคนทั้งกองทัพไม่ใช่งานสบายนัก จึงได้พยักหน้าตอบตกลงนางไป
เสี่ยวหลานเห็นว่าตนได้รับอนุญาตให้ช่วยเหลือเรื่องนางถนัด เพราะเรื่องการกินสตรีล้วนต้องทำเป็น นางจึงเดินไปดูวัตถุดิบว่ามีสิ่งใดบ้าง และเห็นว่ามีวัตถุดิบในการประกอบอาหารมื้อนี้ล้วนเป็นเนื้อสัตว์ประเภท ไก่ หมูเสียส่วนใหญ่ส่วนผักนั้นมีอยู่เพียงไม่กี่ชนิด บางอย่างยังสดใหม่อยู่
อาหารที่นางคิดได้คงเป็นอาหารมื้อง่ายๆ ในโรงเตี๊ยมที่แม้แต่นางยังไม่มีโอกาสได้ทานด้วยจำนวนเงินแต่แน่นอนว่านางทำเป็น นางนำผักกาดขาวห่อไส้ โดยจะใช้ใบผักกาดขาวลวกน้ำร้อนจัดห่อด้วยไส้หมูสับที่ปรุงรสคลุกเคล้ากับเนื้อปลาขูดที่มีไข่แดงเป็นส่วนผสม นอกจากนี้นางยังทำเสี่ยวหลงเปาและเจียนเปา (ซาลาเปาน้ำซุป) เพิ่มเติมขึ้นมาอีกด้วยเนื่องจากอาหารสองชนิดนี้เป็นอาหารที่นางถนัดและเป็นอาหารที่นำเงินมาจุนเจือครอบครัว
นางทำเสี่ยวหลงเปาและเจียนเปาให้มากหน่อยเพื่อให้เพียงพอกับทหารที่ประจำการที่นี่ หลังจากทำเสร็จนางหันหลังกลับกระโจมที่พักชั่วคราว เห็นว่าผ้าของหลงฉีได้ถูกเข้ามาวางเรียบร้อยแล้ว ด้วยที่เป็นที่มักไม่อยู่เฉยเสี่ยวหลานจึงจัดแจงหยิบผ้านำมาพับ จังหวะนั้นเองสายตาเหลือบเห็นเสื้อตัวหนึ่งมีรูและรอยขาดอยู่หลายที่คาดว่าน่าจะมาจากการสมบุกสมบันจากงานของเหล่าทหาร นางจึงเดินไปด้านหน้ากระโจมเพื่อขอความช่วยเหลือบางอย่างและคาดว่าคงจะได้มาตามที่นางต้องการ
เข็มกับด้ายที่ทหารอยู่หน้ากระโจม หลังจากได้มาแล้วนางจึงจัดการซ่อมเสื้อตัวนั้นเสียจนแล้วเสร็จและนางยังได้สำรวจเสื้อผ้าของเขาอีกหลายชิ้นว่าไม่แตกต่างกัน นางจึงได้จัดการซ่อมแซมเสีย กว่าจะรู้ตัวอีกทีนางได้มองตรงไปยังปากประตูกระโจมที่มีช่องแคบๆ แง้มเปิดอยู่ให้เห็นด้านนอกอยู่บ้าง ด้านนอกเห็นว่าความมืดได้โยนตัวลงมาแล้ว หลงฉีก็ยังไม่กลับมาและเวลานี้นางต้องการที่จะอาบน้ำเพราะทั้งรู้สึกร้อนและเหนื่อย เมื่อรู้ว่าด้านนอกพลทหารเหล่านั้นไม่ได้ทำอะไรนางอย่างที่นางเคยกลัวเมื่อครั้งก่อน นางจึงเดินไปยังหน้ากระโจมเพื่อบอกจุดประสงค์ของนาง
“เอ่อ...ข้าจะขอน้ำอาบได้หรือไม่” นางรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นถามกับนายทหารหน้ากระโจม
“แม่นางรอสักครู่ ข้าจะไปยกน้ำอาบมาให้” ทหารหน้ากระโจมตอบกลับทั้งกระตือรือร้นสาวเท้ารีบไปตักน้ำเข้าไปส่งถึงด้านในกระโจม เมื่อเต็มถังจึงเดินออกมาแจ้งต่อนางทันที เสี่ยวหลานรู้สึกถึงพระคุณครั้งนี้ทั้งที่รู้ว่าเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องทำตามคำบัญชาของนายอย่างผู้มีพระคุณผู้นั้น แต่เพราะนางอาศัยหนังราชสีห์ห่มกายจึงได้อานิสงค์ไปด้วย นางจึงย่อกายขอบคุณเท่าที่นางทำได้ ราวหนึ่งเค่อที่เสี่ยวหลานจัดแจงน้ำและปลดเปลื้องอาภรณ์ห่มกายหลังจากที่ดูทุกอย่างรอบตัวว่าไม่มีใครเข้ามาได้ นางจึงใช้เวลาอยู่หลังฉากกั้นเพื่อชะล้างเหงื่อไคลที่เกาะตามเนื้อตามตัว
หลงฉีกลับเข้ามาหลังจากที่ตรวจสอบงานทั้งวันและฝึกซ้อมกองทัพเพื่อเตรียมการป้องกันพื้นที่เสี่ยงต่อภัยทั้งกองโจรและข้าศึก ภายในไม่เห็นนางอยู่บนเตียงอย่างที่เคยจึงส่ายตามองเมื่อได้ยินเสียงหลังจากฉากกลั้นมีเสียงน้ำกระเซ็นเขารู้โดยทันทีว่านางอยู่ด้านในหลังฉากกั้น เพราะเป็นพื้นที่อาณาเขตส่วนตัวหลงฉีจึงสามารถเดินได้รอบรวมทั้งหลังฉากกั้นนั้นด้วย เมื่อมองทัศนียภาพจากด้านหน้าที่ถนัดตาอีกทั้งด้านนอกก็มีแต่เหล่าชายล้วนแข่งกันเปิดเผยเรือนร่างที่ทุกคนในกองทัพล้วนมีไม่แตกต่างกัน ภาพที่เห็นจึงไม่เจริญหูเจริญตานักเหมือนภาพด้านใน เขาจึงเดินเข้าไปมองภาพสตรีลูบไล้ผิวกายของตนเองภาพที่เห็นนั้นช่างสร้างความครึ้มอกครึ้มใจจนอยากลงไปในอ่างเพื่อเล่นน้ำด้วยเสียด้วยกัน สิ่งใดที่คิดออกมาจากสมองเขามักจะทำให้เป็นจริงแม้แต่การเปลื้องผ้าของตนเองนั้น ง่ายยิ่งกว่าเปลื้องผ้าของนาง เขาไม่ต้องรอให้นางหันหน้าส่งสายตาเชื้อเชิญ ไม่รอแม้แต่ให้นางตั้งตัว หลงฉีเดินตรงไปพร้อมกับที่เอ่ย
“อาบคนเดียวจะสนุกอันใด ให้ข้าอาบด้วยคงดีไม่น้อย” เขาก้าวลงไปอยู่บนถังน้ำขนาดใหญ่ใช้ท่อนแขนโอบรัดรอบทรวงอกที่นูนยื่นออกมาเย้ายวนใจ เสี่ยวหลานตระหนกตกใจไม่น้อยแม้จะผ่านเหตุการณ์แนบสนิทกันมาหลายครั้งทว่านางยังคงประหม่ากลัวชายผู้นี้อยู่ดี จึงได้แต่เม้มปากก้มหน้าให้เขากระทำการหยามเหยียดเกียรติของสตรีบ้านนอก
“ขอบใจสำหรับอาหารที่เจ้าทำ” หลงฉีเอ่ยข้างหูพร้อมเม้มที่ติ่งหูของนาง การกระทำนี้ส่งผลให้ขนทั่วตัวของเสี่ยวหลานลุกชัน ร่างกายทุกส่วนหดเกร็งเพราะรู้ว่าต่อแต่นี้ไปนางคงจะโดนอะไรอีกแน่
“พรุ่งนี้ข้าจะไปส่งเจ้ากลับบ้าน” นางเงยหน้ามองสีหน้าเขาอย่างตื้นตัน ‘ข้าจะได้กลับบ้านแล้ว!’ เขาเห็นดวงตาเป็นประกายด้วยความยินดีแม้จะไม่ชอบใจทว่าเขาก็ไม่อาจกันนางให้อยู่ข้างกายได้ ความสดใสของนางนำพาบางอย่างให้แข็งขัน เสี่ยวหลานรู้สึกว่ามีบางสิ่งทิ่มที่ท้องของตนใบหน้าจึงแดงระเรื่อ นางกระดากอายกับบางสิ่งที่เขากำลังร้องขอ และมิใช่บนเตียงหากเป็นตรงนี้และเดี๋ยวนี้ บางครั้งนางยังนึกสงสัยว่าคนเป็นอ๋องมีบทรักที่พิศดารพอๆ กับคนในหมู่บ้านหรือไม่ เพราะตอนที่นางไปซักผ้าที่ลำธาร นางเคยได้ยินผู้หนึ่งเอ่ยเรื่องอย่างว่าในเวลาฟ้าแจ้งที่โรงสีข้าว นางได้ยินยังรู้สึกน่าอายนัก!
หลงฉีไม่รอให้นางตอบเขาประคองศีรษะนางโน้มหน้าประทับรอยจูบก่อนเลื่อนมาที่ซอกคอ กลิ่นกายนางสร้างกำหนัดให้มากพอสมควร น้ำอุ่นกำลังพอดีทำให้ช่องทางที่เข้าไปโคจรง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น เขาจับนางเคลื่อนไหวตามมือ ส่วนใบหน้าก็ซุกซนไปพร้อมกับฝ่ามือเค้นคลึงก้อนนูนที่ยื่นออกมาท้าทาย
อาจเพราะในถังน้ำไม่สะดวกนักหลงฉีจึงอุ้มเสี่ยวหลานออกจากฉากกั้นทว่าจุดเชื่อมความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองมิได้พรากออกจากกัน มันยังติดตรึงราวกับมีเชือกมามัดติดไว้ หลงฉีไม่ปล่อยให้เวลาหฤหรรษ์ขาดช่วง ระหว่างที่เขาเดินนั้นสองขาของหญิงสาวได้หนีบไว้ที่เอวแกร่ง แขนเล็กเรียวคล้องคอเพื่อไม่ให้ตนเองต้องล้มลงก้นกระแทกพื้น หลงฉีประคองสะโพกกลมกลึงไว้และจัดการพานางเดินไปพร้อมกับการเคลื่อนไหว เสี่ยวหลานกอดคอแน่นสมองขาวโพลน ส่วนล่างก็รับการกระแทกเป็นจังหวะ นางไม่คิดว่าเขาจะทำได้ถึงเพียงนี้
ร่างบางถูกปล่อยให้นอน ปล่อยผมสยายเขาจัดการตามที่ใจเรียกร้อง ยกสองขาขึ้นเพื่อสร้างความลึกกระชับ นางถูกเปลี่่ยนอิริยาบถทุกท่วงท่าที่เขาพาไป ทั้งช้า หนักหน่วงและรุนแรงก่อนที่จะรัวเร็วจนเขานำท่อนล่างที่เป็นส่วนทำให้ร่างกายนางสั่นเทาออกมาจากร่างกายนางและฉีดพ่นน้ำขุ่นขาวเหมือนทุกครั้ง
กองทัพได้จัดเตรียมสัมภาระเพื่อเดินทางเข้าเมืองเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอเพียงจวิ๋นอ๋องและท่านแม่ทัพโยว่ที่ปรึกษากลศึกในกระโจมออกมาพวกเขาทั้งหมดก็ออกเดินทางได้ หลังจากที่ผู้นำกองทัพปรึกษากันเรียบร้อย ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันคนละทิศโดยยังคงมีทหารประจำการอยู่ที่นี่บางส่วนเพื่อรอแม่ทัพคนใหม่มาประจำการ
การเดินทางครั้งนี้ได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ด้านท่านแม่ทัพโยว่ได้ออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน
ส่วนกองทัพของหลงฉีจะอ้อมไปอีกทางซึ่งจุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นไม่มีใครล่วงรู้เพราะทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา คงจะมีเพียงแต่ทหารที่ร่วมขบวนเดียวกับนแม่ทัพโยว่ที่ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาว่าจวิ๋นอ๋องผู้ผยองและเอาแต่ใจผู้นี้หลงใหลในอิสตรี เสียงนินทาเริ่มขยายวงกว้างจนแม่ทัพโยว่ที่ล่วงรู้ภายหลังถึงกับตวาดกลับไปจนเสียงเงียบนั้นได้หยุดลง
อีกด้านยังคงดำเนินตามครรลองยกเว้นก็แต่เสี่ยวหลานที่ยังคงประหม่าไม่หาย นางยังคงนั่งม้าตัวเดียวกับหลงฉีแม้จะรู้ว่าเขาไม่ยอมให้นางเดินหรือนั่งไปกับผู้อื่นแต่สายตาที่เหล่าทหารนอกเครื่องแบบมองมาทำให้นางเอาแต่ก้มหน้าก้มตา