ด้านเสี่ยวหลานรอพบหลงฉีอยู่สามวัน แต่นางก็ไม่เห็นแม้แต่เงาว่าเขาเข้ามาหรือเดินผ่านเรือนของตนแต่อย่างใด เหมือนว่านางจะดีใจที่เป็นเช่นนี้แต่อีกด้านนางกลับกังวลว่าอาจจะเป็นแผนการณ์ของเขาหรือไม่ จนเวลาล่วงเลยเข้ามาสู่วันที่สี่ เหตุการณ์ยังเป็นเช่นเดิม จวบจนเข้าสู่
ยามอิ่ว นางเดินออกจากห้องเพื่อที่จะทานอาหารค่ำเหมือนเช่นทุกวันที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของจวนแห่งนี้ แต่วันนี้อาหารมากเป็นพิเศษ บนโต๊ะมีชามข้าวกลับสองถ้วย ในใจของนางเริ่มเต้นรัว ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ในเรือนมีเพียงนางและบ่าวรับใช้ทั้งสองคนเท่านั้น ทว่าในใจลึกๆ กลับรู้สึกว่าวันนี้เขาต้องมาแน่ๆ นางนั่งกินข้าวอย่างสงบเหมือนเช่นเคยหากแต่มือนางเย็นเฉียบแม้แต่จะจับตะเกียบยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นคงนัก อาหารที่กินแต่ละคำเมือกลืนลงคอนั้นแสนจะฝืดคอ น้ำชาที่ดื่มยังบาดลึกจนแสบไปหมด
มื้อนี้นางอิ่มเร็ว แทนที่นางจะลุกนางกลับนั่งอย่างนั้นเหมือนรอผู้ที่เป็นเจ้าของจวนแห่งนี้มาทานอาหาร นางรอแล้วรอเล่าก็มิเห็นแม้แต่เงา หรือแม้แต่จะได้ยินฝีเท้าของผู้มาใหม่ ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม นางจึงยอมลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร และเดินกลับเข้าเรือนชูเลี่ยนของตน
ก่อนหน้านี้ทางหลงฉีได้สั่งคนมาบอกแก่พ่อบ้านที่จวนจวิ้นอ๋องว่าเขาจะกลับมาทานมื้อค่ำ และระหว่างที่เขาเดินออกจากจวนแม่ทัพเหมือนเช่นเคยและกำลังขึ้นรถม้า จู่ๆ เขาก็ได้รับรายงานว่ามีอาวุธใหม่เข้ามาต้องการให้เขาและท่านแม่ทัพเดินทางไปตรวจสอบ เพราะหากมีปัญหาใดทางหน่วยงานที่เป็นผู้ประดิษฐ์อาวุธจะได้นำไปแก้ไขปรับปรุงทันที
เขาอยู่เพื่อทดลองอาวุธจวบจนเข้ายามไฮ่ จึงยอมกลับจวนตนเอง เมื่อย่างเท้าก้าวเข้าไปยังเรือนของตนเขาจึงมุ่งไปชำระล้างร่างกายเพื่อพักผ่อนเช่นเดิม แต่ทว่าความคิดของเขาก็แวบขึ้นมาให้เห็นภาพสาวน้อยนางหนึ่งที่เขาจำได้ว่านางได้มาอยู่ที่จวนของเขานานแล้ว และเขาเองที่ตั้งใจว่าวันนี้เขาจะกลับมาทานมื้อค่ำกับนาง กิเลสของการที่อยากครอบครอง อยากแกล้งกระต่ายที่เอาแต่หลบอยู่หลังพุ่มไม้แต่เพราะกระต่ายตนนี้ขลาดกลัวจนพุ่มไม้สั่นไหวจนถูกจับได้ ไยราชสีห์ที่น่าเกรงขามจะมิอยากจะขย้ำ แล้วเขาเล่าไม่อยากขย้ำกระต่างเช่นนางหรอกหรือ?
เขาจำต้องหลอกล่อให้เหยื่อตายใจถึงสามวัน แล้วสามวันที่ผ่านมาเขาปล่อยให้นางระเริงใจกับความสงบของผืนป่าเช่นนี้ ราชสีห์เยี่ยงเขาหิวกระหาย นึกถึงเนื้อหนังที่เรียบลื่น กลิ่นหอมบางๆ ยามใกล้ชิด ความเป็นชายในกายก็พวยพุ่ง เร่งอารมณ์ความรู้สึกให้ก้าวเท้าไปยังเรือนชูเลี่ยน
เพียงร่างกายอันกำยำเปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบาพร้อมก้าวข้ามผ่านธรณีประตู ความถวิลหาก็วนเวียนอยู่ในห้วงความคิดความรู้สึก เขาเดินก้าวเข้าไปยังห้องนอนที่มีร่างสาวบอบบางนอนเหยียดกาย โดยมีผ้าม่านสีขาวบางอำพรางร่างที่นอนตะแคงแน่นิ่งบนเตียง ทว่าความหงุดหงิดใจบังเกิดกับเขาอย่างกะทันหันและจู่โจมอย่างรวดเร็ว เมื่อความเบาของฝีเท้าที่มุ่งตรงไปยังร่างสาวงามบนเตียงกับสะดุดกับร่างของสาวใช้สองนางที่ปูผ้าบนพื้นนอนเฝ้ากระต่ายน้อยผู้ขลาดกลัวประดุจนางทั้งสองเป็นผู้เฝ้าทรัพย์สมบัติอันแสนจะมีค่า
ดีที่ว่าจิ่วเม่ยรู้สึกตัวได้เร็วกว่าหรงผิง ทำให้สายตาสบกับมัจจุราชเจ้าของจวนทันทีที่นางลืมตาตื่น เพราะนางรู้สึกว่ามีผู้ใดเข้ามาในเรือนของผู้เป็นนายหญิงของตน จิ่วเม่ยกระเดือกน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และรีบสะกิดเรียกหรงผิง ให้ตื่นเพื่อกลับเรือนบ่าว หรงผิงตื่นขึ้นทั้งที่ยังสะลึมสะลืออยู่ ทว่าเมื่อเห็นว่าใครยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ทั้งหรงผิงและจิ่วเม่ยรีบเก็บผ้าปูมาไว้ที่อกลุกขึ้นพร้อมจะกล่าวคารวะ หลงฉีมองหน้านางทั้งสอง พร้อมส่งมือขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ห้ามให้นางส่งเสียง ทั้งสองบ่าวรับรู้เพียงแค่ย่อกายคารวะและรีบอ้อมผู้เป็นเจ้าของจวนออกไปโดยด่วน โดยไม่ลืมปิดประตูให้เบาที่สุดอย่างรู้งาน
หลงฉีรับรู้ว่านางทั้งสองออกจากเรือนไปไกลแล้ว เขาปลดเสื้อคลุมกายนำไปแขวนในที่สมควรจะอยู่ จากนั้นฝีเท้าอันแผ่วเบา ไร้สุ้มเสียงทุกย่างก้าว เดินตรงไปเปิดม่านเพื่อเผยให้เห็นร่างบางผิวขาวผุดผ่องที่สมควรให้เขาเชยชมเมื่อสามวันก่อน หลงฉีนั่งลงที่ตั่งเตียง พร้อมดันร่างของตนขยับขึ้นและปิดม่านให้กลับสู่สภาพเดิม เขาเอนกายนอนตะแคงมองสาวแรกแย้มที่หลับตาสนิทอยู่ในห้วงนิทรา มืออันหยาบกร้านจากการจับดาบเริ่มลูบไล้แขนที่เรียวเล็ก และมือที่เรียวงาม เขาค่อยๆ ช้อนมือนางขึ้นมาจุมพิตอย่างแผ่วเบา พร้อมสายตาที่จับจ้องไปยังใบหน้า เห็นนางยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เขาจึงวางมือนางลงและลูบไล้ต่อที่ใบหน้าลามไปใบหู เห็นว่านางค่อยๆ ขมวดคิ้วและขนตาเริ่มสั่นไหวเบาๆ เขายังไม่หยุดแค่นั้น มือหนาค่อยลูบลงไปที่ลำคอที่แสนจะขาวผ่อง ยั่วยวน ปฏิกิริยาตอบสนองของนางเริ่มทำงาน
นางยกมือข้างที่หลงฉีวางไว้ข้างกาย ขึ้นมาปัดป้องการกระทำของเขาอย่างองอาจทั้งที่ไม่ตั้งใจ แต่ไหนเลยเขาจะยินยอม มือหนากลับมาซุกซนอีกครั้งพร้อมใบหน้ายิ้มอย่างพออกพอใจ ที่ใครๆ ในแคว้นนี้ไม่มีโอกาสได้เห็น เขายกฝ่ามือลูบไล้ที่แผ่นหลัง ไล่ตามแขน ขึ้นมาใบหน้า นางขมวดคิ้วหนักขึ้นจนเขาหลุดขำออกมา เสียงหัวเราะของเขาทำให้เสี่ยวหลานลืมตาตื่นอย่างสะลึมสะลือ นางกะพริบตาเพื่อให้ตื่นเต็มตาและเมื่อเห็นทุกอย่างเบื้องหน้าชัดเจนเสียงกรีดร้องได้หลุดออกมาทว่ายังดังไม่สาแก่ใจนาง จู่ๆ มือหนาได้ปิดปากนางเสียก่อนพร้อมทั้งร่างใหญ่ย้ายมานอนทาบทับจนนางหายใจแทบไม่ออก
"ว่าไงสาวน้อย หลับสบายดีหรือไม่" คำทักทายส่งผลให้กระต่ายน้อยตื่นตูม ใบหน้าน่าสะพรึงกลัวได้มาอยู่ใกล้นางเพียงนี้ ความกลัวก่อตัวขึ้นเป็นระลอกคลื่นตีที่หัวใจนางจนตัวนางสั่นเทาไปหมด นางพยายามหายใจรวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับมัจจุราชตรงหน้าอย่างกล้าหาญ นางหยุดร้องและจ้องตาอีกฝ่ายกลับไปแม้ใจจะหวาดผวา หลงฉียิ้มอย่างเอาแต่ใจ เขาปล่อยมือให้นางพ้นจากพันธนาการ มือหนาไล้ลูบวงหน้าทั้งที่ตายังสบกับดวงตาประกายที่บัดนี้ตื่นตระหนกอย่างปิดไม่มิด เขาโน้มหน้าซุกไซ้ซอกคอทั้งที่มือยังสัมผัสอยู่ตรงผิวแก้มเรียบลื่น
มือข้างหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ข้างกายหลงฉีและไม่ได้ถูกกุมไว้ ค่อยเคลื่อนอย่างระมัดระวังสอดเข้าใต้หมอน นางพยายามจะขยับมือให้เบาและเร็วที่สุด เพื่อหยิบบางสิ่งที่ซุกซ่อนออกมา แต่ทว่านางต้องหยุดชะงักทันทีพร้อมกลืนน้ำลายเหนียวคออย่างยากลำบากเมื่อเสียงอันแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยอำนาจกดดันทำลายความกล้าของนางเสียหมดสิ้น
"ทำให้เชื้อพระวงศ์บาดเจ็บแค่ปลายนิ้ว โทษถึงกับประหารทั้งตระกูล" เขาสบเข้าที่ดวงตาดื้อรั้น นางจ้องกลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาก็อยากรู้นักว่านางจะกล้าหรือไม่...เขาใช้สายตามองท้าทายนาง ยั่วยุให้นางทำ ในเมื่อนางหมายจะชักมีดที่นางขโมยมาจากครัว เขาก็กล้าเป็นเบาะให้นางทิ่มแทง หากนางไม่กล้าเขานี่แหละจะทิ่มนาง!