เก็บอาวุธ 2

1375 Words
ด้านในประดับด้วยของสวยหรู เหมาะสมกับจวนจวิ้นอ๋อง แต่นางมิได้รู้สึกยินดีปรีดากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิด นางกลับเห็นว่าสถานที่นี้จะเป็นคุกชั้นเลิศให้กับคนอย่างนางก็เท่านั้น นางเดินไปนั่งยังโต๊ะตั่งที่มีน้ำชาวางไว้พร้อมของว่าง "เอ่อ.. ข้าขอดื่มน้ำได้หรือไม่" นางยังคงเกรงใจแม้ฐานะนางจะทำอะไรในเรือนนี้ก็ได้ทว่านางยังเอ่ยขออนุญาตบ่าวทั้งสองก่อน "ได้เจ้าค่ะฮูหยินน้อย" บ่าวนางหนึ่งตรงเข้ามาเพื่อรินน้ำชาให้กับเสี่ยวหลาน นางเพียงแค่รับน้ำชาขึ้นมาดื่มแต่ของว่างนางไม่แม้ที่จะหยิบชิม เพราะอารมณ์ในตอนนี้หาได้มีความอยากไม่ ความเงียบเข้ามาเกาะกินบรรยากาศภายในเรือน "เอ่อ...ท่านทั้งสองชื่ออะไรหรือ แล้วอายุเท่าไหร่กันบ้าง" "บ่าวมีชื่อว่า จิ่วเม่ยอายุสิบแปดปีเจ้าค่ะ" "ส่วนบ่าวมีชื่อว่าหรงผิง อายุสิบเจ็ดปีเจ้าค่ะ" บ่าวทั้งสองแนะนำตัวเรียบร้อย เสี่ยวหลานพยักหน้าหงึกรับรู้จึงถามไปอีก "ละ แล้ว พวกท่านอยู่ที่นี่นานหรือยัง? " "พวกบ่าวอยู่ที่จวนแห่งนี้ได้สามปีกว่าแล้วเจ้าค่ะ เพราะว่าบ่าวทั้งสองเขามาทำงานพร้อมกันเจ้าค่ะ แต่ไม่เคยมาอยู่บริเวณนี้นอกจากครัวและโรงซักผ้า" จิ่วเม่ยตอบ นางดูฉลาด คล่องแคล่วกว่าหรงผิงอาจเป็นเพราะอายุที่มากกว่าอีกฝ่ายอยู่หนึ่งปีอีกทั้งรูปร่างดูจะเพรียวบางกว่า "ละ...แล้วที่จวนนี้ไม่มีบ่าวผู้หญิงหรอกหรือ เอ่อ คือ ข้าเห็นแต่ท่านทั้งสองคนเท่านั้น" เสี่ยวหลานยังคงกล้าๆ กลัวๆ ที่จะถามเสียงที่ออกมาจึงตะกุกตะกักไม่น้อย "มีแต่น้อยเจ้าค่ะ จวิ้นอ๋องไม่ชอบให้มีสตรีมากมายในจวนนัก หากแต่มี...พวกนางจะอยู่ที่โรงครัว หรือไม่ก็โรงซักผ้าเหมือนพวกข้าน้อยแหละเจ้าค่ะ ไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกกันหรอกเจ้าค่ะ พวกบ่าวเพิ่งได้รับคำสั่งจากท่านพ่อบ้านให้มารับใช้ฮูหยินน้อย และข้าน้อยหวังว่าในจวนนี้คงจะมีสีสันมากขึ้นนะเจ้าคะ" หรงผิงเอ่ยพร้อมยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาบนใบหน้า "แล้ว.. เอ่อ.." "ฮูหยินหมายถึงนายหญิงคนอื่นหรือเจ้าคะ" จิ่วเม่ยเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้นเมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลานไม่ได้ตอบ ทว่าสีหน้าท่าทางก็พอเดาออกได้ไม่ยากยิ่งเสี่ยวหลานเม้มปากเป็นเส้นตรง ต้องใช่เป็นแน่ จึงเอ่ยขึ้น "อย่างที่หรงผิงเอ่ยนะเจ้าค่ะ ที่นี่มีบ่าวที่เป็นหญิงน้อยมาก จวิ้นอ๋องก็ไม่เคยพานายหญิงคนใดเข้ามา ฮูหยินน้อยเป็นคนแรกเจ้าค่ะ ที่ได้มาเข้ามาที่จวนแห่งนี้ ถ้าฮูหยินไม่เชื่อก็ไปสอบถามพ่อบ้านหรือใครก็ได้เจ้าค่ะ ที่บ่าวทราบเพราะบ่าวสืบมาหมดแล้วเจ้าค่ะ" จิ่วเม่ยตอบ หลังจากที่บ่าวต่างนำเรื่องภายในจวนมาสนทนาตั้งมากมาย เสี่ยวหลานได้แต่ฟังทว่าตนเองไม่ได้พูดสิ่งใด บ่าวทั้งสองต่างมองหน้าซึ่งกันและกันอยู่สักพักเพราะไม่รู้จะพูดสิ่งใดแล้ว จนหรงผิงต้องเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบ "เอ่อ.. ฮูหยินน้อยหิวหรือไม่เจ้าคะ?” นางเม้มปากก่อนตอบในลำคอเบาๆ "อืม" "งั้นฮูหยินน้อยรอสักครู่นะเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวจะนำอาหารมาให้" "มะ ไม่เป็นไร ข้าไปกินที่ครัวก็ได้" เสี่ยวหลานรีบท้วงเพราะไม่เคยให้ใครปรนนิบัติตนเองมาก่อน แค่คิดจะหาอะไรลงท้องนางเดินไปที่ครัวเองก็ได้ "ไม่ได้นะเจ้าคะ หากฮูหยินน้อยไปนั่งทานอาหารที่ครัว บ่าวต้องโดนโบยแน่ๆ เลยเจ้าคะ" "ข้าขอไปดูพื้นที่รอบๆ เท่านั้น ได้หรือไม่" นางหาข้ออ้างมาเอ่ยกับบ่าวทั้งสองขึ้นมาทันที "อ๋อ! เพียงเท่านี้เองได้เจ้าค่ะ" หรงผิงเอ่ย ทั้งสามเดินออกจากเรือนชูเลี่ยน ตรงไปยังโรงครัวทางเสี่ยวหลานเมื่อถึงโรงครัวในใจก็เต้นแรง มือเท้าเย็น เกิดความประหม่าขึ้นอีกครั้ง พยายามที่จะมองสำรวจพื้นที่ครัวของจวนแห่งนี้ บ่าวที่เป็นผู้ประกอบอาหารจะมีอยู่ราวๆ สิบกว่าคน เป็นชายปะปนกับหญิงอายุราวๆ ยี่สิบสามสิบกว่าๆ โรงครัวมีวัตถุดิบมากมาย จัดเป็นสัดเป็นส่วน นางพยายามเดินดูวัตถุดิบต่างๆ ทั้งสายตาก็กวาดมองผู้คนในโรงครัวและอุปกรณ์ประกอบอาหารไปพร้อมๆ กัน นางพยายามที่จะรวบรวมความกล้า แล้วเอ่ยถาม "เอ่อ.. มิทราบว่าใครคือพ่อครัวใหญ่ของที่นี่" "ข้าน้อยขอรับ" ชายวัยกลางคน รูปร่างอ้วนท้วม ใบหน้ายิ้มแย้ม ก้าวเข้ามาพร้อมใช้สองมือประสานทำความเคารพ เสี่ยวหลานเห็นเขาเคารพนาง นางก็ใช้สองมือประสานที่หน้าตักและย่อกายเคารพตอบเช่นกัน "ฮูหยินน้อย ข้าน้อยมิกล้า" พ่อครัวใหญ่ก็กลัวจนลนลาน เขามิได้กลัวสตรีนางนี้แต่กลัวสามีของนางต่างหากเล่า หากใครนำเรื่องนี้ไปฟ้องล่ะก็ มีหวังเขาคงไม่ได้นอนสบายเป็นแน่ "เอ่อ.. มิเป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้าน เคารพผู้อาวุโสกว่าย่อมถูกต้องแล้ว ข้ามาที่นี่หวังฝากเนื้อฝากตัว หากมีวันใดข้าหม่าเสี่ยวหลานจะได้ขออาศัยโรงครัวแห่งนี้เพื่อปากท้องของตนบ้าง" นางเดินไปช้าๆ ไปยังที่วางมีด ใช้สายตาสำรวจมีดที่เล็กและสั้นที่สุด จากนั้นนางก็รีบหยิบมีดมาซุกซ่อนยังแขนเสื้ออย่างเร็ว โดยพยายามมิให้ใครสังเกต เมื่อภารกิจที่นางทำสำเร็จ นางก็พูดต่อเหมือนไม่มีอะไร "ที่บ้านข้าเปิดร้านขายซาลาเปา เสี่ยวหลงเปาเป็นหลัก ข้านั้นมักจะช่วยที่บ้านเสมอ วันนี้ขอให้พ่อครัวช่วยทำให้ข้าลองชิมได้หรือไม่ อย่างน้อยก็พอจะช่วยให้ข้าได้คลายคิดถึงบ้านได้บ้าง" "ได้ขอรับฮูหยินน้อย" "ถ้าเช่นนั้น ข้ามิรบกวนพวกท่านแล้ว ข้าไปก่อนนะ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อต่อไปด้วย" นางย่อตัวอีกครั้งและหมุนตัวจากไป ความกลัวของนางเริ่มน้อยลงและเดินกลับเรือนของตน เมื่อนางเดินผ่านที่ใดก็จะเห็นบ่าวไพร่เป็นชาย ล้วนทำงานของตน บ่าวที่เป็นหญิงนั้นน้อยจริงอย่างจิ่วเม่ยกับหรงผิงกล่าวไว้ไม่มีผิด แต่นั่นไม่ได้สำคัญกับนาง สิ่งที่สำคัญคือการอยู่อย่างสงบและจะทำยังไงมิให้จวิ้นอ๋องที่ได้ชื่อว่าโหดร้ายกับหญิงสาวจะไม่โหดร้ายกับนาง ทางด้านหลงฉี ตัวเขาเคร่งเครียดกับการปรึกษาวิธีทำลายกลการศึกกับแม่ทัพและการรับทหารมาประจำการใหม่เพื่อฝึกซ้อมอยู่ด้านนอก "เรียนจวิ้นอ๋องขอรับ ท่านนายกองเฟิ่งสือกลับมาถึงจวนจวิ้นอ๋องแล้วพ่ะย่ะค่ะ" นายทหารนายหนึ่งเดินเข้ามารายงานตามคำสั่งที่เคยได้รับไว้ก่อนหน้าน้ "อืม เจ้าออกไปได้แล้ว" หลงฉีฟังคำรายงานมิได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาว่าพื้นอารมณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร เขายังคงคิดกลศึกต่อไปจวบจนเวลาผ่านไปสองชั่วยามเขาถึงได้ลุกขึ้น "วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้เรียกทหารใหม่มาคัดเลือกตามที่ได้วางแผนไว้" "พ่ะย่ะค่ะ" ท่านแม่ทัพเอ่ยตอบ พร้อมคารวะส่งจวิ้นอ๋องกลับจวนหลงฉีเดินออกจากจวนแม่ทัพตรงไปขึ้นรถม้ากลับจวน วันนี้รถม้ามิได้ขับเร็วแต่อย่างใดตามคำสั่งของเขา เมื่อถึงหน้าจวนเขาลงและเดินตรงไปยังเรือนของตัวเองโดยมิได้เข้าไปยังเรือนชุนเลี่ยนแต่อย่างใด เขาทำเช่นทุกๆ วันหลังกลับจากราชการ เหมือนว่าจวนแห่งนี้มิได้มีฮูหยิน อยู่แต่เดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD