ลงมาข้างล่างหอพัก ก็เห็นรถยนต์สีดำคันหรูของเขาจอดรออยู่ที่หน้าตึก ตอนแรกฉันดูจากท่าทางการแต่งตัวและของที่เขาใช้ก็พอจะเดาได้ว่าฐานะทางบ้านเขาดี แต่พอมารู้จักจริงๆ ไม่คิดว่าเขาจะรวยขนาดนี้ อาจจะถึงขั้นติดอันดับประเทศเลยด้วยซ้ำไป
ฉันเปิดประตูข้างคนขับเข้าไปนั่งทันทีที่มาถึงตัวรถและทักทาย ก่อนเขาจะหันมามองพร้อมกับเอี้ยวตัวเข้ามาหาด้วยความรวดเร็วนั่นทำให้ฉันตกใจเขยิบตัวจนหลังแนบแน่นไปกับเบาะ ใจเต้นถี่รัว
นี่หน้าเขาใกล้กันกับฉันมากไปแล้วนะ ลมหายใจละที่ต้นคอกันเลยทีเดียว ตอนนี้หน้าฉันต้องแดงมากแน่ๆ แต่ไม่นานเขาก็ผละตัวออก พร้อมกับ...คาดเบลท์ฉัน อะ นี่เขาแค่จะคาดเบลท์ให้เหรอ ทำเอาตกอกตกใจหมด คิดไปไกลเลยฉัน
“มันอันตราย” เขาบอกพร้อมกับยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก สายตานี่เจ้าเล่ห์เชียวนะ
พูดจบเขาก็หันกลับไปนั่งตามเดิม และขับรถออกจากหน้าหอฉันทันที
“ไม่บอกอะ เดี๋ยวคาดเอง”
หันไปบอกกับเขาพร้อมกับขยับเข็มขัดนิรภัยใหม่และจัดท่านั่งดีๆ เมื่อกี้ฉันทำหน้ายังไงกันนะ หวังว่าคงไม่ได้แสดงอาการอะไรไปมากหรอกนะ
“หึหึ”
“หัวเราะอะไรคะ” อยู่ดีๆ ก็หัวเราะอยู่ในลำคอ แต่ตาก็ยังคงมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใจขับรถ
“เปล่า”
“อย่าให้เอาคืนนะ” ฉันหน้างอ และบ่นกับตัวเองให้ได้ยินคนเดียว ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าที่เขาทำเมื่อกี้คือแอบเนียนแกล้งฉัน
“บ่นอะไร” หันมามองแว๊บหนึ่งและก็หันกลับไป คงจะได้ยินเสียง แต่ไม่รู้ว่าฉันพูดว่าอะไร
“เปล๊า” ฉันลอยหน้าลอยตาปฏิเสธเสียงสูง และยักคิ้วให้เขาไปทีนึง ถือว่าเป็นการเอาคืนเล็กๆ ล่ะนะ
ไม่นานเขาก็ขับรถมาถึงร้านอาหารที่ตั้งใจว่าจะมา เห็นเขาบอกว่าร้านนี้อร่อย บรรยากาศดี แต่ร้านก็ค่อนข้างเงียบเพราะไม่ได้อยู่ในแหล่งที่คนพลุกพล่าน เป็นร้านเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แต่บริเวณภายนอกร้านดูร่มรื่นต้นไม้เยอะดี เดินเข้ามาในร้านก็มีคนออกมาต้อนรับและพาเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ
และโต๊ะที่เขาเลือกก็คือด้านในสุดของร้าน ซึ่งก็ไม่ค่อยมีคนนั่งอยู่แถวนี้สักเท่าไร เห็นบอกว่าต้องการความเป็นส่วนตัว ฉันก็ว่าดีเหมือนกัน เพราะว่าเขาก็หน้าตาดีน้อยซะที่ไหนกัน เดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองนี่ตอนเดินเข้ามา ผ่านโต๊ะสาวๆ ก็มองเขา ฉันก็พลอยเกร็งจากสายตาที่ถูกจับจ้องไปด้วย
พอเดินมาถึงโต๊ะฉันก็นั่งลงที่โซฟาด้านในสุด เขาที่เดินตามมาติดๆ ก็นั่งลงข้างฉันทันที
“ทำไมพี่มานั่งตรงนี้ ไม่ไปนั่งอีกฝั่งล่ะ”
ฉันถามเขาไปและมองไปยังฝั่งตรงข้ามที่ไม่มีใครนั่ง มากันสองคนใครเขานั่งฝั่งเดียวกัน
“อยากนั่งตรงนี้” เขาหันมาตอบพร้อมกับเปิดเมนูอาหารดูไปด้วย ทำไมฉันรู้สึกว่าเขากวนจังนะ
“งั้นเดี๋ยวฉันไปนั่งฝั่งนู้นดีกว่า”
คือมันก็แปลก ๆ ไหมนั่งแบบนี้ ฉันเลยลุกขึ้นจะเตรียมจะเดินไปนั่งอีกฝั่ง แต่เขาก็ฉุดแขนฉันไว้ไม่ให้ฉันเดินไปได้
“นั่งตรงนี้แหละ”
“…”
“อยากนั่งใกล้” เนี่ยพอบทจะพูดก็พูดมาตรงๆ แล้วจะไม่ให้ฉันหวั่นไหวได้ไง
และพอเขาว่าอย่างนั้น ฉันก็ไม่กล้าขัดยอมนั่งลงที่เดิม ขยันทำให้ใจฉันเต้นจริงๆ อยู่ใกล้เขาทีไรฉันไม่เคยเป็นตัวเองเลย นี่เขาไม่อายไม่เขินกันบ้างรึไง
“จะทานอะไร” หลังจากปล่อยคำพูดเด็ดมาเขาก็เปลี่ยนเรื่องและยื่นเมนูมาให้เลือก เมื่อเห็นว่าฉันไม่ขัดเขาแล้ว ต้องได้ดั่งใจไปซะทุกอย่างเลยสินะพ่อคนเอาแต่ใจ
“อืม...”
พอเลือกได้แล้วว่าจะทานอะไร เขาก็เรียกพนักงานมารับออเดอร์ฉันและเขาก็สั่งอาหารที่อยากทานไป แต่พอลับหลังพนักงานอยู่ดีๆ เขาก็หันมาทำหน้าดุใส่ฉัน พร้อมกับกวาดสายตามองฉันไปด้วย
“มองทำไมคะ?” ถามไปด้วยความสงสัย เอาแต่จ้องอยู่ได้
“พึ่งสังเกต...เสื้อเธอมัน...บาง”
ปากไม่ว่าเปล่าตาก็ยังจ้องมาตรงจุดที่เขาบอกว่ามันบาง อ่า...วันนี้ฉันใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางเพราะอากาศมันร้อน แต่ฉันว่าฉันเช็กดีแล้วนะ มันไม่ได้บางถึงขนาดจะเห็นอะไรข้างใน เอ๊ะ หรือเห็นกันแล้วเขาจะมองทำไมกันนี่ อายเป็นเหมือนกันนะ คิดได้ดังนั้นฉันเลยฟาดที่แขนเขาไปทีหนึ่ง เพื่อลดความอายในใจ
เพี๊ยะ!
“แล้วพี่มองทำไมกัน”
“ไม่ได้ตั้งใจมอง ไอ้พนักงานมันมอง...ฉันเลยมองตาม” เขาว่าพลางลูบแขนที่ถูกฉันตีไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรฉันหรอกนะ
“ถ้าเขามอง พี่ก็บอกฉันสิไม่ใช่มองตามเขาด้วยเหมือนกัน” ฉันว่าพลางหันตัวหนีจากสายตาเขา ตอนแรกเขาก็มองด้วยสายตาดุ แต่ไปๆ มาๆ เปลี่ยนเป็นสายตาหื่นซะงั้น ฉันดูออกนะ!
“ก็จะได้รู้ว่าต่อไป ให้แต่งตัวมิดชิด” สอนก็อีกแล้ว นี่ก็มิดชิดแล้วเถอะ ตาเขามันดีเกินไปต่างหาก
“บ่นเก่ง” พอพูดปกตินี่น้อยมากแทบนับคำได้ แต่พอเขาได้บ่นเมื่อไร นี่พูดเก่งขึ้นมาทันที
เป็นเวรกรรมของฉันหรืออะไรกันนะ หรือเพราะแต่ก่อนเป็นฉันที่ชอบบ่นพวกยัยแพรวและซูซี่ พอมาตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่โดนบ่นซะเอง
แต่เอ๊ะ นี่เขาเปลี่ยนเรื่องใช่ไหม เมื่อกี้ฉันยังว่าที่เขามองฉันอยู่เลย
“ก็เพราะเป็นห่วง” เขาขยับตัวและโน้มหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ
“…”
“แล้วก็...หวงด้วยเหมือนกัน”
เขาว่าจบปุ๊บฉันก็ช็อกไปและมองเขากลับด้วยท่าทางอึ้งๆ แล้วฉันควรตอบอะไรกลับไปดี เมื่อเขาว่ามาแบบนั้นฉันก็นิ่งเลยสิ แล้วตอนนี้ฉันยังหายใจอยู่ไหม ทำตัวไม่ถูกแล้ว ใครสั่งใครสอนให้เขาพูดแบบนี้กับคนที่ไม่มีสถานะระหว่างกัน
รู้ไหมหัวใจฉันมันไม่ได้สามารถทนต่อการรุกของเขาแบบนี้ไปได้นานหรอกนะ ไม่ได้การจะปล่อยเขาให้ลำพองใจแกล้งกันแบบนี้บ่อยๆ ไม่ได้ ต้องโดนเอาคืนซะให้เข็ด
“เหรอคะ ไว้มีสิทธิ์เมื่อไร ค่อยมาหวงนะคะ”
ฉันว่าพร้อมกับขยับตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อโน้มตัวไปหาเขาที่อยู่ใกล้อยู่แล้วเพื่อเป็นการรุกและจ้องเขากลับบ้างอย่างท้าทาย และจากการที่ผงะถอยกลับไป ดูจากสายตาของเขาคงตกใจไม่น้อยละ ไม่คิดว่าฉันจะกล้าขยับเข้าไปหาสินะ
แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดเสมอไป เพราะเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ ต้อนฉันต่อด้วยการที่ยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมฉันที่ติดอยู่บนหน้าไปทัดไว้ที่หูมองกลับมาด้วยสายตาเป็นประกาย
“ครับ เดี๋ยวก็ได้มีสิทธิ์แน่นอน”