GEAR 3:ไหวหรือเปล่า

1670 Words
“อู้ววววววว” ทั้งโต๊ะส่งเสียงร้องเหมือนจะแซวขึ้นมา หลังจากพี่อัคคีพูดจบประโยค ตอนนี้หน้าฉันร้อนไปหมดแล้ว ทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว นี่ฉันควรทำอะไรต่อไป เขาพูดออกมาด้วยท่าทีเฉยชาอย่างนั้นได้ยังไง หรือเป็นเพราะเขาทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่ว่าเขาจะทำด้วยเหตุผลใดก็ตาม ฉันก็ได้เพิ่มไอดีไลน์ของตัวเองและกดแอดเป็นเพื่อนทันที ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนเขา พี่เขาก็ยื่นมือเพื่อจะมารับคืน แต่เหมือนจะมีคนไวกว่า พี่สิบทิศคว้าเอาโทรศัพท์ไปได้ก่อนดูที่หน้าจอพร้อมกับยื่นให้คนอื่นๆ ดูด้วย “น้องซินแอดจริงด้วยว่ะ ไม่เบาเลยนะสองคนนี้” พลางยิ้มและทำสายตากรุ้มกริ่ม “ร้ายนะชะนี” ซูซี่ก็อีกคน “แอดไลน์พี่บ้างสิน้องซินนน” “ยุ่ง!” แต่ละคนแซวไม่หยุดจนพี่อัคคีแย่งโทรศัพท์กลับไปเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเล็กน้อยที่เพื่อนเขาขอให้ฉันแอดไลน์ไปบ้าง “มีหลังไมค์แน่เลยว่ะ” พี่กานต์ว่า “ไม่มีอะไรทั้งนั้น” อืมมมก็คงไม่มีอะไรจริงๆ นั่นแหละ เอาเข้าจริง ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันให้ไลน์ไปทำไม เพียงแค่เขาบอกว่าไม่ถนัดพูดแต่ถนัดพิมพ์มากกว่า ทุกอย่างที่เขาพูดและทำสะกดให้ทำตามโดยไม่มีเหตุผล แต่ยังไงก็คงไม่ได้ติดต่ออะไรกันอยู่แล้ว เราไม่ได้สนิทกันนี่นา ขนาดพี่สิบทิศที่เป็นแฟนยัยแพรวที่ยังพอเคยเจอบ้าง ฉันยังไม่มีช่องทางการติดต่ออะไรเลย “เออไม่มีก็ไม่มี ปากแข็งนักนะมึง” เวลาผ่านไปจนเริ่มดึกขึ้น นี่ก็เที่ยงคืนกว่าแล้วด้วย เกือบทุกคนในโต๊ะดื่มเข้าไปกันเยอะมากไม่เว้นแม้แต่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉัน ที่หลังจากตอนนั้นเขาก็ยกแก้วดื่มไม่แทบไม่วางลงจากมือ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกอาการเมาหรือมึนแต่อย่างใด อ่า...บ้าจริงนี่ฉันก็คอยสังเกตเขาพี่เขาอยู่ได้ พี่กานต์ที่ตอนนี้กลับไปแล้วเพราะแฟนสาวโทรตาม และพี่แบล็คที่ไม่เมาแต่ตอนนี้นั่งหลับไปแล้ว ดูท่าพี่เขาคงจะหลับได้ทุกที่จริงๆ เสียงเพลงดังขนาดนี้ยังไม่ได้สะเทือนหรือรบกวนเขาได้ ส่วนพี่ดินก็เมาและเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแถมยังเลื้อยตัวไปเรื่อยเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวแล้วเรียบร้อย ตอนนี้ดูเหมือนจะมีคนไม่ไหวแล้วแหละ ยัยซูซี่นั่นเองที่เมาคอพับล้มตัวนอนราบไปกับโซฟาราวกับปักหลักได้ที่ของตัวเองแล้ว ยังไงดีล่ะ ทีนี้ คงจะต้องเป็นยัยแพรวที่ลากยัยซูซี่กลับ นางดื่มไปไม่เยอะเท่าไรเพราะมีแฟนนางคอยคุม เบื่อคนมีแฟนจริงๆ ส่วนตัวฉันตอนนี้ก็มึนแล้วแต่ก็อยู่ในระดับที่มีสติดี คิดว่าคงจะขับรถกลับได้ สบายมาก “ซูซี่ แกโอเครึเปล่า” ฉันเขย่าตัวยัยซูซี่เพื่อเรียก “อืมมมมม ฉานนน...โอเคซิสสส” เสียงยานเป็นเทปเก่าขนาดนี้บ้านแกเรียกโอเคเหรอ เมาแล้วทุเรศสุดโต่งไปเลยเพื่อนฉัน เมื่อดูท่าแล้วคิดว่าคงไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันเลยเรียกยัยแพรวเพื่อบอกว่าให้พาซูซี่กลับ “แพรว พาซูซี่กลับเถอะมันไม่น่าไหวแล้ว” ยัยแพรวได้ยินอย่างนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้นเดินมาหา “ไหนแกบอกว่าจะดูแลฉันไงนังตุ๊ดน้อย!?” “พี่ว่าเรากลับดีกว่า เพื่อนพี่ก็เมาแล้วด้วย” พี่สิบทิศว่าพลางปลุกพี่แบล็คที่นั่งหลับอยู่บนโซฟา ขณะเดียวกันนั้นก็หันไปพยุงพี่ดินที่เริ่มไม่ได้สติขึ้นมา “ไอ้อัคเคลียร์ด้วยนะเว้ย!” เมื่อแฟนยัยแพรวพยุงพี่ดินขึ้นมาได้แล้วก็หันไปบอกพี่อัคคี และพี่แบล็คก็เป็นคนมาช่วยหิ้วปีกยัยซูซี่ที่ตัวเหลวเป็นน้ำอีกที เคลียร์นี่คงหมายถึงจ่ายเงินสินะ “เออ” พี่เขาตอบกลับมาเสียงเรียบทำนองว่ารับรู้ หลังจากนั้นพวกฉันก็ออกมาจากร้านทันที โดยพวกพี่เขาตกลงกันว่าพี่สิบทิศจะเป็นคนขับรถยัยซูซี่เพื่อไปส่งยัยแพรวและซูซี่ที่คอนโด ส่วนพี่แบล็คจะไปส่งพี่ดินที่เมาแอ๋เอง และเขา...พี่อัคคี “พี่จะไปส่งแพรวกับซูซี่ แล้วไอ้อัคจะไปรับพี่ที่คอนโดแพรว” “น้องซินขับรถไหวไหม” “นั่นสิ ดึกแล้วนอนห้องฉันไหมแก” ยัยแพรวถามด้วยท่าทีที่เป็นห่วง แต่ฉันคิดว่าฉันกลับไปนอนที่ห้องตัวเองสบายกว่า อีกอย่างฉันไม่ได้เมาขนาดนั้น แค่มึน ๆ “ฉันไหว แกรีบพาซูซี่ไปพักเถอะ” เพราะตอนนี้พี่แบล็คก็พาพี่ดินขับรถออกไปแล้ว จะไปจอดหลับอยู่ที่ไหนไหมนั่น “แน่ใจนะ” ก็ยังถามอีกเหมือนเดิม “เออน่า ฉันขับรถได้สบายมาก แกไปเถอะ ฝากด้วยนะคะพี่สิบทิศ” ฉันหันไปบอกกับพี่เขาที่ตอนนี้เอายัยซูซี่ไปยัดไว้เบาะหลังเรียบร้อยแล้ว และฉันก็หลังดันยัยแพรวไปทันที เพื่อไม่ให้นางพูดอะไรอีก “บายๆ ไว้เจอกัน” แล้วทั้งสามคนก็นั่งรถออกไปโดยที่มีแฟนยัยแพรวเป็นคนขับ ส่งเพื่อนๆ ขึ้นรถกลับเรียบร้อยก็ได้เวลาที่ฉันจะกลับหอบ้าง จังหวะที่หันหลังกลับเพื่อจะเดินไปที่รถตัวเองนั้น ฉันก็เดินชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่แข็งปึก ตัวนะ ฉันหมายถึงตัวแข็งอย่าพึ่งคิดไปไกล ถึงจะไม่ได้ชนแรงมากแต่ด้วยความมึนที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ทำให้ฉันเซล้มลงอย่างไม่เป็นท่า “เดินไม่ดูทาง” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเหมือนจะดุสร้างความงุนงงให้กับฉัน เสียงคุ้นหูนั่นทำให้ฉันต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่ฉันเดินชนด้วยทันที นอกจากไม่ช่วยแล้วยังมาว่ากันอีก “ไม่ได้มีตาหลังสักหน่อย” ฉันบ่นอุบอิบกับตัวเองเบาๆ แล้วพยายามลุกขึ้นด้วยความลำบากแต่ก็มีมือเข้ามาช่วยพยุง ความจริงฉันก็ล้มไม่ได้แรงมาก และไม่ได้เจ็บอะไร “ทำไมยังไม่กลับ” พี่เขาถามขึ้นหลังจากที่ฉันยืนตรงได้ปกติแล้ว เมื่อกี้เขายังว่าฉันอยู่เลย แล้วก็เปลี่ยนมาช่วย ช่วยแล้วก็ยังมาถามนั่นนี่อีก อะไรของเขากัน ใช่ค่ะ ทุกคนคงสงสัยว่าเขาเป็นใคร ก็พี่อัคคีนั่นแหละค่ะ ดูเหมือนเขาจะพึ่งเดินออกมาจากร้าน และคงจะไปรับพี่สิบทิศที่คอนโดเพื่อนฉัน แต่ดันมาชนเข้ากับฉันก่อน เออ เอาเป็นว่าโทษความเซ่อซ่าของตัวเองแล้วกัน “ก็กำลังจะกลับ งั้นขอตัวก่อนนะคะ” ด้วยความที่ไม่อยากคุยกับพี่เขานานไปกว่านี้ ฉันก็รีบพูดด้วยความรวดเร็วเพื่อหาทางปลีกตัวและรีบเดินหนีเขาออกมาทันที แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักเกือบจะล้มไปอีกรอบ เมื่อมีมือแกร่งยื่นมาคว้าแขนฉันเอาไว้ “ไหวรึเปล่า” ถามอีกแล้ว นี่พึ่งจะเจอกันครั้งแรก เขาก็ทำให้ฉันไม่เป็นตัวเอง และเริ่มสับสนในตัวเขาแล้วนะ อย่าทำให้ฉันต้องคิดเยอะเลย “คะ?” ฉันสบตากับพี่เขาอีกแล้วสิ สายตาคู่นั้นเหมือนกำลังบอกถึงอะไรบางอย่าง เลยต้องรีบหลบหนีสายตาเขา “ขับรถ...ไหว?” “ไหวค่ะ ไม่ได้เมาแค่มึนเฉยๆ” “เห็นกินไปเยอะ” นี่ฉันกับเขาสนิทกันถึงขนาดมาคุยถามตอบกันไปมาขนาดนี้แล้วเหรอ ตอนอยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ไม่เห็นว่าพี่เขาจะพูดเยอะขนาดนี้เลย ไหนว่าถนัดพิมพ์มากกว่าพูดไง “เอ่อ...” “……” เงียบไปทั้งสองคน ไม่มีบทสนทนาอะไร แขนฉันเขาก็ยังจับอยู่ แล้วจะจับไปอีกนานแค่ไหนกัน “ขะ ขอ...” ขอตัว ขอตัวก่อนนะคะ นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดเพื่อขัดความเงียบ บ้าบอยืนจ้องหน้ากันอยู่ได้ “ไปส่งไหม” ช็อก เอาอีกแล้ว ช่วยพูดหรือทำอะไรที่มันไม่มีผลต่อใจแบบนี้ได้ไหม นี่เขากำลังเล่นอะไรอยู่ความรู้สึกมันสับสนไปหมดไม่ไหวแล้ว ไปแล้วนะครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยตัวเองให้อยู่กับเขานานมากกว่านี้ “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ขับไหวสบายมาก ไปก่อนนะคะ” ฉันพูดไปรัวๆ เพื่อไม่เปิดโอกาสให้พี่เขาพูดหรือถามอะไรอีก พร้อมกับดึงแขนตัวเองที่เขาจับไว้ออกและเดินจ้ำหนีมาอย่างไม่รีรอแต่ก็ไม่วายมีเสียงพูดดังตามมา “ถึงแล้วแชตมา” มีสิทธิ์อะไรมาสั่งกัน สาบานว่านี่เจอกันครั้งแรก ไม่ได้...อยู่ไม่ได้แล้ว ฉันขึ้นรถและรีบขับออกมาจากร้านนั้นทันที ไม่ไหวแล้วฉัน ไม่เมาก็เหมือนเมาแล้วตอนนี้ จะต้องรีบกลับหอรีบอาบน้ำนอนเพื่อลืมความรู้สึกประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในใจ ทำไมฉันต้องหวั่นไหวไปกับคำพูดไม่กี่คำของเขากันนะ ไม่คิดแล้ว! พอ! “เด็กน้อย...” คนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมพูดขึ้นและยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากหลังจากมองตามรถยนต์คันสวยที่มีคนที่เขาพึ่งคุยด้วยขับผ่านหน้าไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD