รอยยิ้มบางๆ บนเรียวหน้าสวยหวาน ที่บ่งบอกว่าเธอกำลังมีความสุขกับการเต้นระบำ ทำให้ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวที ต่างมองเธอด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและสำราญใจ ราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงความฝัน ซึ่งมีนางฟ้าแสนสวยมาร่ายรำอยู่ตรงหน้า ทุกคนตะลึงมองทุกจังหวะการเต้นรำของอารียาด้วยความทึ่งในความสามารถของเธอไปตามๆ กัน
หลายคนคงไม่อยากให้การแสดงของหญิงสาวสิ้นสุดลง รวมทั้งชีควาคิลก็รู้สึกไม่ต่างกัน ชีคหนุ่มกำลังตะลึงมองแม่เทพธิดาแสนสวยร่ายรำสะกดพระทัยพระองค์อย่างไม่อาจละสายพระเนตรไปจากเธอได้
“เธอเต้นรำเก่งมาก ไลลา’ แต่ชีคหนุ่มทรงหารู้ไม่ว่า ผู้หญิงที่เต้นรำอยู่บนเวทีนั้นหาใช่ ม.ร.ว.ไลลาอย่างที่พระองค์ทรงเข้าใจ แต่เธอคือ ม.ร.ว.อารียาต่างหาก
และทุกคนในห้องแกรนด์บอลรูมต่างก็คิดว่านักเต้นระบำหน้าท้องสาวสวยที่แสดงโชว์อยู่บนเวทีคือ ม.ร.ว.ไลลาทั้งนั้น ไม่มีใครเอะใจสักนิดว่าเธอคือ ม.ร.ว.อารียาครูสาวแสนเฉิ่มที่เพิ่งลอกคราบมาหมาดๆ
นักเต้นระบำหน้าท้องที่พบเห็นทั่วไป น้อยคนนักที่จะเต้นรำออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ แต่ผู้หญิงคนนี้เต้นรำได้ดีมากและพลิ้วไหวสวยงามเร้าใจมากกว่านักเต้นระบำหน้าท้องที่ดาร์บูย่าเสียอีก
‘มิน่าล่ะ’ ชีควาคิลรำพึงในพระทัย
องค์รัชทายาทหนุ่มแห่งประเทศดาร์บูย่าเพิ่งจะประจักษ์แก่สายพระเนตรวันนี้นี่เองว่าทำไม ผู้หญิงคนนี้ถึงสามารถกำพระหทัยของชีคกาเล็ดแห่งประเทศแซนเทียร่าได้ หล่อนสวยมากอย่างนี้นี่เอง แต่ความสวยของหล่อนจะมีประโยชน์มากกว่านี้ ถ้าได้ไปอยู่ในฮาเร็มของพระองค์
‘มันช่วยไม่ได้นะไลลา ถ้าผู้ชายที่เจ้าคบอยู่ไม่ใช่ชีคกาเล็ด เราคงไม่คิดที่จะทำลายอนาคตอันสดใสของเจ้า’
เจ้าแห่งทะเลทรายดาร์บูย่า รำพึงรำพรรณในพระทัยกับองค์เอง สายพระเนตรแสนเสน่ห์ ยังคงจับจ้องไปยังร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดนางระบำไม่วางตา และจินตนาการไปว่า ถ้าหากหญิงสาวไปเต้นรำอยู่ในห้องพระบรรทมของพระองค์ก็คงจะดีไม่น้อย
ชีคหนุ่มในคราบของนักธุรกิจใหญ่ซึ่งน้อยคนนักที่จะเคยเห็นหน้าเขา มองไปบนเวทีที่กำลังมีสาวน้อยรูปร่างหน้าตาสวยสะพรั่งเต้นระบำหน้าท้องด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อยงดงามอยู่บนนั้นด้วยสายตาคมกล้าไม่กะพริบ และเผลอยิ้มออกมาทุกครั้งเมื่อสบตากับเธอ แต่ทว่าสาวน้อยก็เหมือนไม่ได้สนใจใคร คล้ายกับเธอกำลังอยู่ในโลกของตัวเองเสียมากกว่า
และเมื่อการแสดงของราชนิกุลสาวจบลง เสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวเนิ่นนาน เพราะทุกคนรู้สึกชื่นชมและประทับใจในการแสดงโชว์ของเธอมากนั่นเอง
ม.ร.ว.อารียาย่อกายลงเล็กน้อยแล้วพนมมือไหว้ขอบคุณทุกคนด้วยกิริยาที่อ่อนช้อยงดงาม ทำให้ม.จ.เกรียงไกร กับหม่อมอรวรา ยิ้มแก้มแทบปริรู้สึกภูมิใจในตัวของธิดาสาวของพวกเขามากที่สุด
หลังจากนั้นไม่กี่นาที พิธีกรก็ได้กล่าวเปิดการประมูลสร้อยทองคำขาวประดับเพชรที่อยู่บนศีรษะของ ม.ร.ว.อารียา และการประมูลก็เริ่มต้นที่ สามล้านบาท
“ผมให้ห้าล้าน!” ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีน้ำตาลทองยกมือขึ้น ท่าทางเขาคงจะรวยมากทีเดียว
“มีใครจะให้มากกว่านี้มั้ยครับ” พิธีกรหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตุ้นอยู่ในที
“เดี๊ยนให้แปดล้าน” ร่างสวยสมวัยท้วมเล็กน้อยในชุดผ้าไหมแท้ ที่บนลำคอ ข้อแขนของเธอประดับไปด้วยสร้อยเพชรที่ส่องประกายวิบวับจนแสบตาคนที่นั่งข้างๆ เธอยกมือขึ้นประมูลในราคาที่สูงขึ้นไปอีก
อารียายืนอยู่บนเวทีด้วยอาการหวั่นวิตกอยู่ตลอดเวลา หญิงสาวเริ่มออกอาการประหม่ามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อชุดที่เธอสวมใส่มันทำให้สายตาของพวกผู้ชายหลายคู่พากันจับจ้องมองมาที่เธอราวกับจะกลืนกิน
ครูสาวที่แสนจะขี้อายอยากให้การประมูลนี้เสร็จสิ้นลงโดยไว เพื่อที่เธอจะได้ไปเปลี่ยนชุดที่ค่อนข้างโป๊ไปในความคิดของเธอออก ดวงตาสวยซึ้งกวาดสายตาไปรอบๆ งาน เมื่อพิธีกรถามทุกคนเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เธอก็จำไม่ได้
“มีใครจะให้มากกว่านี้มั้ยครับ”
ชีควาคิลซึ่งไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ จึงทรงรับสั่งให้อาดัมยกมือขึ้นประมูลทันทีในราคาที่สูงลิ่ว
“ผมให้ ยี่สิบล้าน!” สิ้นเสียงกังวานของอาดัม ทำให้ทุกคนก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว รวมทั้งอารียาด้วยที่หันไปมองคนสุดท้ายที่ประมูลสร้อยประดับเพชรบนศีรษะของเธอ
แต่ทว่าสายตาคู่สวยกลับไปสะดุดเข้ากับสายตาคมกล้าของใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อาดัมแทน ดวงตาคมกริบคู่นั้นทอดมองมาที่เธอนิ่งนานเช่นกัน มันทำให้อารียารู้สึกใจเต้นแปลกๆ ที่ได้สบประสานสายตาคมกริบยิ่งกว่าใบมีดโกนคู่นั้น จนทำให้ร่างบางคล้ายจะเป็นอัมพาตไปชั่วครู่
แล้วการประมูลก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น อาดัมคือผู้ที่ได้รับสร้อยทองคำขาวประดับเพชรไป ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของชีควาคิลที่ต้องการให้การประมูลนี้จบสิ้นเสียที เพื่อที่ชีคหนุ่มจะได้ดำเนินการบางอย่างให้สำเร็จโดยเร็ว
“เริ่มลงมือได้” สิ้นกระแสรับสั่ง ราชองครักษ์ทั้งสองคนก็เริ่มปฏิบัติการณ์ตามแผนที่เจ้านายเหนือหัวของพวกเขาได้วางเอาไว้อย่างรวดเร็ว และไร้ร่องรอย
ไฟฟ้าทุกดวงในห้องแกรนด์บอลรูมดับวูบลงทันที เมื่อร่างสูงสง่าในสูทสีเทาอมฟ้ายืนขึ้น เสียงเอะอะโวยวายโกลาหลอลหม่านไปทั่วห้องโถงใหญ่ และช่วงเวลาที่ไฟดับ คงไม่มีใครรู้ว่าได้มีใครบางคนได้หายตัวไปแล้วอย่างลึกลับ
นกยักษ์ลำใหญ่ได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยมวลหมู่ดาวนับร้อยนับพันที่แข่งกันส่องแสงระยิบระยับ ภายในเคบินชั้นในสุดซึ่งเป็นห้องพักผ่อน ชีควาคิลหันมาทอดพระเนตรมองร่างที่นอนสลบไสลบนที่นอนด้วยความรู้สึกพอพระทัย ต่อไปนี้พระองค์จะได้มีนางบำเรอสวยๆ เพิ่มเข้าไปในฮาเร็มขององค์เองอีกหนึ่งคนแล้ว
สายพระเนตรคมกริบก้มมองใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มอย่างพอพระทัย ปลายนิ้วลากไล้ไปตามกรอบหน้าเรียวรูปไข่อย่างเสน่หา ผิวของเธอช่างนุ่มมือจริงๆ ผิวขาวเนียนละเอียดที่โผล่พ้นชุดระบำแสนสวยออกมา ช่วงยั่วพระเนตรยั่วพระหทัยพระองค์ยิ่งนัก พระโอษฐ์หยักหนาได้รูปสวยคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
“เจ้าโทษเราไม่ได้นะไลลา ในเมื่อเจ้าทำตัวเจ้าเอง แต่ไม่เป็นไรหรอกเราจะเลี้ยงดูเจ้าเป็นอย่างดี ให้สมกับที่เจ้าเป็นถึงราชนิกุลผู้สูงส่ง” ทรงตรัสไพเราะนัก แต่ทว่าในพระทัยกลับเคืองแค้นเธอหนักหนาที่บังอาจทำให้คนที่พระองค์รักต้องเจ็บปวด
ประมาณห้าชั่วโมงกว่าๆ ผ่านพ้นไป เฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ส่วนพระองค์ ก็บินลงมาแตะที่รันเวย์ของสนามบินดาร์บูย่า และไม่นานนักก็ทรงเสด็จมาถึงวังหลวง
ร่างสูงสง่าขององค์รัชทายาทหนุ่มรูปหล่อ อุ้มร่างบอบบางของเชลยสาวเข้ามาในบริเวณเขตหวงห้ามของวังหลวงอย่างเงียบเชียบ เพราะเพลานี้มันดึกมากแล้ว จึงมีเพียงราชองครักษ์ส่วนพระองค์ประมาณยี่สิบกว่านายเท่านั้น ที่ยังอยู่เฝ้าเวรยามหน้าพระตำหนักส่วนพระองค์
นักเต้นระบำหน้าท้องคนสวยถูกนำมาวางไว้บนที่นอนหนานุ่มในห้องพระบรรทมสุดหรู ที่ขอบเตียงเป็นทองคำแท้แกะสลักลวดลายสวยงาม
สงสัยยาสลบที่ใช้กับเชลยสาวคงยังไม่หมดฤทธิ์ ดวงตาสวยซึ้งคู่นั้นจึงไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมามองพระองค์สักที
“แล้วเจ้าสองคนจะยืนหาพระแสงอะไรอีกล่ะ ฮะ!” สุรเสียงก้องกังวานขับไล่ราชองครักษ์คนสนิททั้งสองคนให้ออกไปจากห้องพระบรรทมเสียงดังด้วยสายพระเนตรตำหนิ จนอาดัมกับอาฟานต้องเนรเทศตัวเองออกไปจากห้องเจ้านายเหนือหัวของพวกเขาแทบไม่ทัน
พอคล้อยหลังราชองครักษ์ทั้งสอง ร่างหนาจึงได้ถอดชุดสูทออก จากนั้นก็เข้าไปสรงน้ำแร่อีกครั้ง แล้วมาอยู่ในชุดนอนผ้าฝ้ายเนื้อดีสีขาวสะอาด
พระวรกายสูงใหญ่ เดินมาหยุดพิศมองคนตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มบนที่นอนขาวสะอาดอย่างตระหนี่ถี่ถ้วนอีกครั้ง ที่นอนอ่อนยวบลงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงบนที่นอนขาวสะอาดเพื่อเพ่งมองใบหน้าสวยหวานใกล้ๆ