แต่อารียากลับรู้สึกหวาดหวั่นในใจชอบกล เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยแสดงโชว์ที่ไหนมาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ขึ้นโชว์บนเวทีที่ใหญ่มากๆ และงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ก็สำคัญมากด้วย เธอกลัวพลาด กลัวคนอื่นจะจับได้ว่าเป็นเธอเองที่แสดงโชว์แทนไลลา และกลัวว่าจะแสดงโชว์บนเวทีได้ไม่ดีพอ อาจจะทำให้ท่านพ่อและหม่อมแม่ของเธอขายหน้าเอาได้
แต่เพื่อความไม่ประมาท อารียาจึงแอบไปฝึกซ้อมเต้นระบำหน้าท้องอีกครั้งที่สถานฝึกสอน เพราะจากนี้จนถึงเย็นนี้กว่าจะขึ้นแสดงโชว์เธอยังพอมีเวลาอีกตั้งครึ่งค่อนวันที่จะฝึกซ้อมให้มั่นใจ
แม้ว่าคุณครูสอนเต้นของอารียาจะบอกว่าหญิงสาวมีพรสวรรค์มากแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับคนที่ไม่เคยได้แสดงโชว์ความสามารถที่ไหนมาก่อน และไม่เคยคิดว่าตนเองเก่งก็ยังคงต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อไม่ให้ทุกคนขายหน้า พร้อมทั้งไปขอความช่วยเหลือจากคุณครูของเธอในเรื่องการเลือกชุดที่จะขึ้นโชว์ และการแต่งหน้าทำผม และที่จะลืมไม่ได้ก็คือ การขอร้องให้คุณครูของเธอเก็บเรื่องที่เธอจะขึ้นโชว์บนเวทีแทนพี่สาวฝาแฝดเป็นความลับ
ทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ส่วนพระองค์ บินร่อนลงแตะพื้นรันเวย์ของสนามบิสุวรรณภูมิ ชายร่างสูงใหญ่ประมาณ 190 เซนติเมตรก็ก้าวลงมาจากนกยัพร้อมผู้ติดตามอีกสองคนซึ่งมีความสูงพอๆ กับเขา แต่ไม่อาจเทียบรัศมีความหล่อเหลาคมเข้มที่เต็มไปด้วยอำนาจบารมีที่เปล่งประกายออกมาจากร่างของชายหนุ่มที่กำลังเดินนำหน้าทุกคนมาได้
ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีเทาอมฟ้า ได้สะกดสายตาของผู้พบเห็นเกือบทุกคนที่เดินผ่านเขาไปมา ดวงตาสีทรายที่เปล่งประกายระยับแฝงไปด้วยความปรารถนาแรงกล้าบางอย่างที่มีเพียงลูกน้องคนสนิทเท่านั้น ที่พอจะเดาออกว่า เวลานี้เจ้านายหนุ่มของพวกเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ในใจ
ไม่นานนักทั้งสามคนก็เดินทางมายังโรงแรมสุดหรูที่พวกเขาได้จองเอาไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะมาถึงเมืองไทยวันนี้ และเมื่อเข้ามาในห้องพักสุดหรูของโรงแรมแล้ว คำราชาศัพท์ก็ถูกนำมาใช้อีกครั้ง
“อาฟาน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เอารูปผู้หญิงคนนั้นมาให้เราดูอีกทีสิ”
อาฟานราชองครักษ์มือขวาของท่านชีควาคิล รีบล้วงเอารูปถ่ายเล็กๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจับไมค์ร้องเพลงอยู่บนเวทีในชุดวาบหวิวพอสมควรมาให้ชีคหนุ่มได้ทอดพระเนตรอีกครั้ง
“นี่พ่ะย่ะค่ะ ท่านชีค นางสวยมากเลยทีเดียว” อาฟานยื่นภาพผู้หญิงคนนั้นให้เจ้านายหนู่มดูพร้อมทั้งกล่าวชมคนในรูปถ่าย
“อย่ามาชมผู้หญิงแพศยาคนนี้ให้เราได้ยินอีกนะอาฟาน มิเช่นนั้นเราจะตัดลิ้นของเจ้าเสีย ผู้หญิงที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมคนนี้ ไม่ควรค่าแห่งคำชมใดๆ ทั้งสิ้น” ชีคหนุ่มตวาดก้องอย่างโมโห ที่ราชองครักษ์หนุ่มบังอาจแสดงความชื่นชมผู้หญิงในรูปนี้ต่อพระพักตร์ของพระองค์
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ” อาฟานรีบกล่าวขอโทษขอโพยผู้เป็นนายเหนือหัวสั่นๆ น่าตีปากตัวเองจริงๆ เขาไม่น่าพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไปเลย เกือบโดนตัดลิ้นแล้วมั้ยล่ะ
ใบหน้าหล่อเข้มของอาฟานก้มลงขนานกับพื้นทันทีด้วยความสำนึกผิด และหุบปากตนเองสนิทจนอาดัมนึกขำ อาฟานเองก็รู้ทั้งรู้ว่าเจ้านายของตนเองโกรธแค้นผู้หญิงในรูปนี้มากแค่ไหน แต่เขาก็ยังชมเธอต่อหน้าชีคหนุ่มจนได้
“อาดัม” เสียงห้าวกังวานเรียกราชองครักษ์ของพระองค์อีกคนที่สามารถพูดภาษาไทยได้
“พ่ะย่ะค่ะ” อาดัมรีบหันหน้ามาขานรับเจ้านายหนุ่มพร้อมทั้งเตรียมน้อมรับคำสั่งด้วยอาการสงบ
“โทรไปบอกสหายเรา ให้มารับเราที่นี่ตอนหนึ่งทุ่มตรง” ร่างสูงทรงรับสั่งเสียงเข้ม
“พ่ะย่ะค่ะ” อาดัมรับคำสั่งและรีบทำตามพระบัญชาทันที
หลังจากโทรนัดแนะกับพระสหายของพระองค์เรียบร้อยแล้ว ชีควาคิล บินราอิด อันราอูล ก็กำชับให้ราชองครักษ์ทั้งสองคนของพระองค์เตรียมตัวกันให้พร้อม แล้วห้ามใช้คำราชาศัพท์เมื่อเข้าไปในบริเวณงานเด็ดขาด
ณ ห้องแกรนด์บอลรูมสุดหรูอลังการของโรงแรมห้าดาวชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ภายในงานเลี้ยงการกุศลเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมายที่มาร่วมงานนี้กันอย่างคับคั่ง พวกคุณหญิงคุณนายต่างพากันแต่งตัวกันมาอย่างเต็มยศ เพื่ออวดความร่ำรวยของตนเอง
ในงานมีการแสดงโชว์มากมายจากลูกท่านหลานเธอ ที่ออกมาแสดงความสามารถกันอย่างล้นหลามเพื่อเอาหน้าเอาตาให้แก่ครอบครัว
ราชนิกุลหลายท่านไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายต่างขึ้นแสดงโชว์บนเวทีเพื่อแสดงความสามารถให้ทุกคนได้ชม และเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล มีทั้งการเดินแบบเพื่อประมูลเครื่องประดับของพวกคุณหญิงคุณนายที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงๆ มีการร้องเพลง การแสดงมายากล การเต้นรำหลายอย่างมากมายอย่างตระการตา
สายตาคมกริบของผู้ชายคนหนึ่งจับจ้องไปยังบนเวทีตลอดเวลา เพื่อรอดูว่าเมื่อไหร่ การแสดงโชว์ของราชนิกุลสาวที่ชื่อไลลาจะออกมาให้เขาได้ยลโฉมสักที
“อาดัม” ร่างหนาในชุดสูทสีเทาอมฟ้า เอี้ยวตัวมากระซิบเรียกลูกน้องข้างๆ เบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน
“ขอรับ”
“ไหนแกบอกว่า แม่นั่นจะขึ้นแสดงในลำดับต้นๆ ไง ทำไมยังไม่โผล่มาอีกล่ะ”
เพราะชีคหนุ่มนั่งรอชมการแสดงมาเป็นชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นผู้หญิงที่หน้าคล้ายกับคนในรูปถ่ายโผล่ออกมาร้องเพลงสักที ชีควาคิลอยากจะเห็นเหมือนกันว่า ม.ร.ว.ไลลาจะร้องเพลงได้ไพเราะมากขนาดไหน
“อันนี้ ไม่ทราบจริงๆ ขอรับ” อาดัมตอบ
“แกนี่เป็นลูกน้องที่ใช้ไม่ได้จริงๆ เลยนะ ให้ไปสืบเรื่องแค่นี้ก็ยังทำพลาด” คนเป็นนายดุลูกน้องเสียงเข้ม จนอาดัมต้องรีบก้มหน้ารับความผิดอีกครั้ง
“ขอประทาน เอ๊ย...ขอโทษขอรับเจ้านาย”
ชีคหนุ่มถอนพระปัสสาสะหนักๆ ทันที เพราะพระองค์นั่งรอมานานจนเมื่อยแล้ว เวลาผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งมาถึงการแสดงโชว์ในชุดสุดท้าย
พิธีกรสาวที่อยู่บนเวทีก็ประกาศด้วยเสียงหวานๆ ว่า การแสดงลำดับต่อไป จะเป็นการแสดงโชว์ชุดพิเศษที่ทุกคนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน จากราชนิกุลสาว หม่อมราชวงศ์ไลลา ปัณรัตนกุลชร ก็ทำให้สายตาทุกคู่ของผู้ที่มาร่วมงานจับจ้องไปยังบนเวทีที่ตอนนี้หรี่แสงไฟลงจนสลัว แล้วปรากฏแสงไฟสว่างจ้าเป็นวงกลมสาดส่องไปที่ร่างอรชรร่างหนึ่งซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงกลางเวที พร้อมกับเสียงดนตรีเร้าใจก็เริ่มขึ้น
ร่างโปร่งอรชรในชุดนางระบำสีทองอร่ามที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีหลากสีที่ปักระบายลงบนเนื้อผ้าที่ตัดเย็บออกมาได้พอดีตัว เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งบนเรือนร่างงดงามไร้ที่ติ
และยังมีสร้อยสีทองระยับห้อยระย้าลงมาอย่างสวยงาม ทั้งบริเวณชายเสื้อที่โชว์หน้าท้องขาวเนียนแบนราบและขอบเอวของชุดสวย แล้วบนศีรษะยังมีสร้อยทองคำขาวเส้นเล็กๆ เปล่งแสงระยิบระยับคล้องอยู่บนเส้นผมดกดำที่มัดขึ้นไปเป็นหางม้าพร้อมกับเพชรน้ำงามรูปหยดน้ำห้อยระย้าลงมาบนหน้าผากมนได้รูป ดูแล้วช่างสวยงามจับตายิ่งนัก
อารียาพยายามคิดว่าตนเองกำลังเต้นรำอยู่คนเดียวบนเวที ข้างล่างไม่มีใครมอง เธอกำลังเต้นระบำหน้าท้องเพื่อออกกำลังกายตามปกติเหมือนอย่างที่เธอเคยเต้นรำเป็นประจำกับครูฝึกสอน ตั้งใจเต้นรำด้วยใจรัก วาดลีลาพลิ้วไหวไปตามจังหวะดนตรีที่เร้าใจเหมือนมีเวทมนต์ มีความสุขไปกับการเต้นระบำหน้าท้องที่เธอโปรดปรานนักหนามาตั้งแต่เยาว์วัย
นักเต้นระบำสาวโยกย้ายส่ายสะโพกอย่างเป็นธรรมชาติ พลิ้วไหวดุจดอกไม้ต้องสายฝน และโอนอ่อนดั่งยอดไม้ที่ลู่ลม ในบางครั้งก็เข้มแข็งดึงดูดสายตาทุกคู่ให้มองเธอแต่เพียงผู้เดียว