บทที่ 5 หนทางแห่งความรุ่งโรจน์

2701 Words
บทที่ 5 หนทางแห่งความรุ่งโรจน์ ต้องอดทน “ยังไม่พบอีกเหรอ!” หลิวซูเม่ยแทบจะเต้นเร่าๆ เมื่อเกณฑ์ทหาร บ่าวชาย และสาวใช้ทุกคนออกค้นหาซูลี่ทุกซอกทุกมุมในจวน แต่กลับไม่พบแม้เงา “ขอรับคุณหนู พวกเราออกค้นหาจนทั่วแล้วแต่กลับไม่พบเลยขอรับ สงสัยว่านางคงจะหนีออกจากจวนไปแล้ว” หัวหน้าทหารยามเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคียดขึง เพราะการที่สาวใช้ตบใบหน้าเจ้านายนั้นมีโทษสถานหนัก เห็นทีว่าหากพบเจอตัวซูลี่เมื่อไหร่ นางคงถูกโบยตีจนตายคาไม้ ต่อให้นางจะเป็นบุตรนอกสมรสของท่านประมุขกับเกอชิงเถาผู้เป็นสาวใช้ แต่สิ่งนั้นก็ใช่จะนำมาละเว้นโทษได้ เพราะที่ผ่านมาประมุขหลิวไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลบุตรนอกสมรสผู้นี้เลยสักครา อีกทั้งยังปฏิบัติต่อบุตรผู้นี้ราวกับทาสที่ต่ำศักดิ์เสียยิ่งกว่าสาวใช้และบ่าวในจวน “กระจายคนออกไปตามหาให้ทั่ว มันไม่มีปัญญาหนีไปไหนได้ไกลหรอก” ฮูหยินหลิวเป็นคนสั่งการเองด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ ราวกับเส้นเลือดที่ขมับปูดโปน นางไม่อาจให้อภัยนังเด็กชั้นต่ำที่กล้าแตะต้องทำร้ายบุตรสาวเพียงคนเดียวของนางเป็นอันขาด! กล้าดีอย่างไร จึงใช้มือสกปรกโสโครกนั่นตบลงบนใบหน้าสูงค่าของเม่ยเอ๋อร์! นังคงไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! จองหองนัก! “ขอรับฮูหยิน” “ท่านแม่เจ้าขา ข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ” คุณหนูหลิวเดินเข้าไปออดอ้อนมารดา น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินจากดวงตาบวมแดง บุตรสาวตัวน้อยที่นางเฝ้าทะนุถนอมฟูมฟักต้องมาเจ็บปวดเช่นนี้ หัวใจของผู้เป็นมารดาราวกับจะถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆ “ครานี้ต่อให้ท่านพ่อของเจ้าคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องข้า ข้าก็จะไม่มีทางละเว้นโดยเด็ดขาด” ฮูหยินหลิวกัดฟันกรอดด้วยเคืองแค้นชิงชังเหลือคณา เมื่อสามปีก่อนนางคิดจะขายซูลี่ให้กับพ่อค้าทาสที่กำลังจะเดินทางไปยังแคว้นเซี่ยโจว หมายจะกำจัดเลือดเนื้อเชื้อไขของสามีให้พ้นหูพ้นตา ทว่าสามีกลับห้ามเอาไว้ โดยอ้างว่าซูลี่มีใบหน้างดงาม ในอนาคตหากผลักไสให้เป็นอนุภรรยาของขุนนางเฒ่าสักคน ก็ย่อมนำมาซึ่งประโยชน์มากกว่าการขายให้เป็นทาส ครานั้นนางเห็นดีเห็นงามไปกับความคิดของสามี แต่กลายเป็นว่านางเก็บเสี้ยนหนามเอาไว้ใกล้ตัว มันจึงได้ทิ่มตำหัวใจนางได้อย่างเจ็บแสบเช่นนี้ “เจ็บมากหรือเปล่าลูกแม่” นางค่อยๆ วางมือลงบนแก้มแดงระเรื่อเป็นรูปรอยนิ้วมือ แม้จะทายาหมอเทวดาที่แพงที่สุด แต่ก็ใช่ว่าร่องรอยแห่งการถูกทำลายจะหายไปในทันที จำต้องใช้เวลาเพื่อบรรเทาความเจ็บแสบ แต่ก็มั่นใจได้ว่าตัวยาที่มีราคาเทียบเท่าตำลึงทองย่อมไม่มีทางหลงเหลือรอยแผลเป็นบนใบหน้างดงามของบุตรสาวเป็นแน่ “เจ็บมากเจ้าค่ะท่านแม่ อีกทั้งนังซูลี่ยังกระชากผมข้าจนหลุดออกไปเป็นกำมือ” เล่าพลางเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงด้วยความแค้นใจ เวลานี้กลางศีรษะของนางเตียนโล่งจนเห็นหนังหัว คงไม่อาจออกไปพบปะผู้คนอีกนาน “อย่าได้กังวลไปเลยเม่ยเอ๋อร์ แม่จะสั่งซื้อยาปลูกผมตำรับหมอเทวดามาให้เจ้า ต่อให้แพงกี่ตำลึงทองแม่ก็จะหาซื้อมาให้ได้” ฮูหยินหลิวแอบถอนหายใจเมื่อเห็นสภาพศีรษะของบุตรสาว ยิ่งอยู่ในวัยใกล้ออกเรือน ภาพลักษณ์ รูปร่างหน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล นับเป็นสิ่งสำคัญในการหาคู่ครองที่ดี ดังนั้นจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้เป็นอันขาด “ขอบคุณนะเจ้าคะท่านแม่ ข้ารักท่านแม่ที่สุดเลย” สองแม่ลูกกอดกันแนบแน่น จังหวะนั้นเองบุตรชายคนโตของตระกูลหลิวก็ก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าถมึงทึง กระชับดาบที่เอวเอาไว้แม่นมั่น หมายว่าหากพบเจอนังแพศยาชั้นต่ำนั่นเมื่อไหร่ ก็จะบั่นคอให้ศีรษะขาดกระเด็นโดยทันที “มันอยู่ที่ใด!” ซือเฉินรีบเร่งกลับจากสำนักตรวจการทันทีที่มารดาให้คนไปแจ้งข่าวว่าน้องสาวสุดที่รักถูกรังแกเหยียดหยามด้วยวิธีการเลวทรามอย่างถึงที่สุด “ยังหาตัวไม่พบเลย มันซ่อนเสียมิดราวกับพวกแมลงไร้ค่าชั้นต่ำ!” ฮูหยินหลิวตอบบุตรชาย พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยิ่งเวลานี้สามีไม่อยู่ที่จวน เห็นว่ามีธุระสำคัญจึงออกเดินทางไปยังป่าลึกแถวเทือกเขาลู่หลิ่ง ออกเดินทางไปกว่าสิบวันแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาเสียที “ท่านพี่ต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ ดูสิเจ้าคะว่านังนั่นมันทำอะไรกับข้าบ้าง หน้าข้าเป็นรอยแดง ผมข้าก็หลุดหายไปเป็นกระจุกเช่นนี้ ข้าจะกล้าออกจากจวนไปพบปะผู้คนได้อย่างไรกัน” เมื่อพี่ชายมาถึงซูเม่ยก็ยิ่งร้องไห้คร่ำครวญออกมายกใหญ่ เพราะพี่ชายเป็นหัวหน้าผู้ตรวจการ มีกำลังทหารในมือย่อมต้องสั่งให้ตามล่าหาตัวซูลี่มาลงโทษได้รวดเร็วกว่าบ่าวในจวน “อย่ากังวลไปเลยเม่ยเอ๋อร์ ข้าจะไม่มีวันไว้ชีวิตใครก็ตามมารังแกและเหยียดหยามศักดิ์ศรีของเจ้าเช่นนี้แน่” โกรธจนมือที่กำกระบี่ไว้แข็งเกร็งจนเส้นเอ็นปูดโปน ก่อนจะหันไปสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้เร่งออกตามล่าหาตัวซูลี่ชนิดปูพรม ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้เขาต้องได้ตัวคนผิดมาลงโทษให้จงได้ “ข้าไม่อยู่เพียงไม่กี่วัน เหตุใดจวนจึงวุ่นวายเช่นนี้!” ทันทีที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ประมุขหลิวก็ควบม้ากลับจวนพร้อมกับผู้ติดตามคนสนิทเพียงสองนายเท่านั้น เมื่อเขากระโดดลงจากหลังม้าก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าจวนตกอยู่ในสภาพวุ่นวาย ทหารและบ่าวเดินกันขวักไขว่ อีกทั้งยังมีทหารจากสำนักตรวจการมาสมทบอีกหลายสิบนาย “ท่านพ่อ! ข้าดีใจเหลือเกินที่ท่านพ่อกลับมาทันเวลา ฮะ...ฮึก ท่านพ่อต้องทวงความเป็นธรรมให้ข้านะเจ้าคะ ข้าถูกทำร้ายตบตีจนบอบช้ำไปหมดทั้งกายและใจ ข้าเจ็บปวดเหลือเกินเจ้าค่ะ ฮือ...” หลิวซูเม่ยร้องไห้โฮ ปราดเข้าไปกอดบิดาเอาไว้แน่นพลางสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ประมุขหลิวยังไม่ทันตั้งตัวแต่ก็กอดปลอบบุตรสาวด้วยความรัก ซูเม่ยเงยหน้าขึ้น เอียงแก้มให้บิดาทอดมองรอยริ้วจากการถูกตบอย่างแรง อีกทั้งยังก้มศีรษะแล้วชี้จุดที่ล้านโล่งให้บิดาได้เห็น ในขณะที่หยาดน้ำตาจะร่วงเผาะๆ ยิ่งดูน่าสงสารจับใจ “ใครบังอาจทำร้ายเจ้า พ่อจะตัดศีรษะมันมาวางแทบเท้าเจ้าเดี๋ยวนี้!” หลิวเทียนฉินโกรธจนตัวสั่น บุตรสาวที่เขารักยิ่งกว่าชีวิต แม้แต่จะดุด่าสักคำยังไม่เคย แล้วใครหน้าไหนมันกล้าตบตีทิ้งรอยอัปยศไว้บนใบหน้านางเช่นนี้ กล้ามาก! ทำเช่นนี้เท่ากับเป็นศัตรูกับตระกูลหลิว! “นังชั้นต่ำซูลี่ขอรับท่านพ่อ ตอนนี้ข้าสั่งให้ทหารในสังกัดออกตามล่านางจนทั่วเมือง อีกไม่กี่ชั่วยามคงได้นำนางมาลงโทษอย่างสาสม ล้างแค้นให้กับเม่ยเอ๋อร์ที่ต้องเจ็บตัวและอับอายเช่นนี้ขอรับ” บุตรชายตอบแทนผู้เป็นน้องสาวด้วยความขุ่นเคือง ทว่าคำตอบกลับทำให้ผู้เป็นบิดาถึงกับหน้าถอดสี อ้าปากค้างนิ่งงันอยู่ชั่วครู่ เมื่อได้สติก็รีบสั่งการเสียงแข็งทันที “สั่งการออกไป! หากผู้ใดพบเจอตัวซูลี่ห้ามแตะต้องทำร้ายนางเป็นอันขาด และให้รีบนำนางมาหาข้าในทันที กระจายคำสั่งออกไปเดี๋ยวนี้!” “ท่านพ่อ!” “ท่านพี่!” ทั้งบุตรสาว บุตรชาย และภรรยาต่างเอ่ยเรียกผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “นี่มันอะไรกันเจ้าคะ มันทำกับลูกของเราถึงขนาดนี้แล้ว ท่านก็ยังปกป้องมันอีกงั้นหรือ หรือเพราะว่านังชั้นต่ำนั่นเป็นบุตรที่เกิดจากนังชิงเถา ท่านคงอาลัยอาวรณ์เมียบ่าวคนนั้นนักสินะ จึงได้...” “หยุดก่อนภรรยาข้า! เจ้ากำลังเข้าใจผิดแล้ว” ประมุขหลิวรีบส่งเสียงห้ามก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ บุตรชายและบุตรสาวกำลังจะอ้าปากตัดพ้อจึงพากันหุบปากฉับ ทว่านัยน์ตาและใบหน้ากลับฉายชัดว่าแค้นเคืองในการตัดสินใจของบิดายิ่ง “มาเถอะ... เรามีเรื่องต้องคุยกันเดี๋ยวนี้” หลิวเทียนฉินถอนหายใจเฮือกใหญ่ สะบัดชายแขนเสื้อก่อนจะหมุนตัวเดินนำภรรยาและบุตรไปยังห้องนั่งเล่น จากนั้นจึงนำแผนที่เก่าเก็บและตำราที่เขาเพิ่งค้นพบไม่นานออกมาวางบนโต๊ะ “ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกกับพวกเจ้าทุกคน มันคือหนทางที่นำมาซึ่งความรุ่งโรจน์แห่งมังกรดำ หากทำสำเร็จเราทุกคนจะสามารถขอพรจากมังกรดำได้คนละหนึ่งข้อ ซึ่งการที่เราจะทำสำเร็จได้นั้นจำต้องใช้บุตรสาวผู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขแห่งสกุลหลิวเป็นเครื่องเซ่นสังเวยบูชายัญ” ทุกคนถึงกับนิ่งอึ้งด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอะไรเช่นนี้ เรื่องราวของมังกรดำถูกเล่าปากต่อปากภายในตระกูลหลิวมาช้านานราวกับนิทานปรัมปรา แล้วเหตุใดจู่ๆ บิดาจึงทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริงกันเล่า “ข้าเองก็คิดเหมือนพวกเจ้าทุกคน คิดว่าเรื่องของมังกรดำเป็นเพียงเรื่องเล่าขานนานนม จนกระทั่งข้าได้ค้นพบตำราที่ทำการบันทึกเรื่องราวการบูชายัญอย่างละเอียด อีกทั้งยังค้นพบแผนที่ซึ่งซ่อนอยู่ในสุสานบรรพชนของตระกูล ข้าจึงได้ออกเดินทางไปตามแผนที่ด้วยตนเอง และได้พบกับถ้ำลึกลับรกร้างในเทือกเขาลู่หลิ่ง ในถ้ำนั้นมีรูปปั้นมังกรดำ มีแท่นบูชายัญ และมีเศษซากการเผามนุษย์เพื่อบูชายัญจริงๆ” “....” ทุกคนตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบงัน ความโลภเข้าครอบงำราวกับความมืดดำของท้องฟ้ากลืนกินแสงอาทิตย์เจิดจ้า เกาะกินแทรกลึกลงไปในหัวใจแนบแน่น ต่างวาดหวังถึงสิ่งที่ตนเองต้องการจนรูม่านตาเบิกกว้างออก เผลอแสยะรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก “ท่านพ่อจึงจะใช้นังซูลี่เป็นเครื่องเซ่นสังเวยหรือขอรับ” ผู้เป็นบุตรชายเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะแค่นหัวเราะในลำคอย่างมาดร้าย พอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดบิดาจึงให้ทำการค้นหาซูลี่โดยห้ามไม่ให้นางบาดเจ็บ ที่แท้ก็เพราะจะใช้ประโยชน์จากนางนี่เอง “หากท่านพี่มาช้ากว่านี้ นังซูลี่มันคงจะตายด้วยคมดาบของเสี่ยวเฉินไปเสียแล้ว เช่นนี้ยิ่งเห็นชัดว่าสวรรค์ได้เปิดทางให้พวกเราสมหวังสินะเจ้าคะ” ฮูหยินหลิวเอ่ยขึ้นพลางยิ้มกว้าง สบายใจที่สามีไม่ได้รักใคร่บุตรที่เกิดจากสาวใช้ผู้เป็นดั่งมารหัวใจ อีกทั้งการมีชีวิตอยู่ของซูลี่ก็นับว่ามีประโยชน์ไม่น้อย “เช่นนั้นยิ่งดีเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าอยากเห็นนังซูลี่ถูกเผาให้ตายทั้งเป็นต่อหน้าต่อตาข้า ช่างสะใจข้าเหลือเกิน” คุณหนูหลิวถูกอกถูกใจจนฉีกยิ้มกว้าง หมายใจว่าหากจับตัวซูลี่พี่สาวต่างมารดาได้เมื่อไหร่ ก็จะฉุดกระชากลากมันไปเผาให้ตายทั้งเป็นในทันที ผู้เป็นบิดามองบุตรสาวอย่างรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “เราไม่อาจนำนางไปเผาได้ในทันที เพราะมีข้อแม้ในการบูชายัญ...” “ข้อแม้อะไรหรือเจ้าคะท่านพี่” ฮูหยินหลิวเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าเครียดขรึมของสามี เดาได้เลยว่าข้อแม้นั้นคงไม่ใช่สิ่งที่ทำได้โดยง่ายเป็นแน่ “สตรีผู้ที่จะใช้เป็นเครื่องเซ่นสังเวยนั้น นอกจากจะต้องมีเชื้อสายเดียวกับผู้ทำการบูชาแล้ว ยังต้องเป็นสตรีที่รักผู้ทำการบวงสรวงอย่างหมดหัวใจ” “มะ...หมายความว่านังซูลี่ต้องรักพวกเราหรือขอรับท่านพ่อ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน” ซือเฉินผู้เป็นบุตรชายเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความรังเกียจขยะแขยงอย่างไม่ปิดบัง อีกทั้งตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยแม้แต่จะพูดคุยหรือชายตาแลนังเด็กคนนั้น “ใช่แล้ว เราทุกคนต้องทำดีกับนาง ให้นางตายใจและรักพวกเราอย่างบริสุทธิ์ใจ หากใครไม่อาจทำให้นางรักได้ก็จะไม่ได้รับพรจากมังกรดำ เพราะในบันทึกเขียนเอาไว้ว่ามังกรดำใช้ ‘ความรัก’ ของสตรีเซ่นสังเวยเป็นเชื้อเพลิงในการบูชายัญ และด้วยความรักนั้นจะสามารถสะท้อนกลับกลายเป็น ‘พรวิเศษ’ แก่ผู้ที่กระทำการบวงสรวงทุกคน” “ชะ...เช่นนั้นก็แสดงว่า หากลูกไม่อาจทำให้นังซูลี่รักได้ ลูกก็อาจจะกลายเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับพรจากมังกรดำหรือเจ้าคะท่านพ่อ” ซูเม่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางยังจดจำแววตาของนังซูลี่ได้อยู่เลย แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเคืองแค้นราวกับอยากจะยื่นมือมาบีบคอนางให้ตายตกเสียกระนั้น แล้วนางจะทำให้คนที่มีแววตาเช่นนั้นกลับมารักนางได้อย่างไรกันเล่า “ใช่แล้ว หากสตรีเซ่นสังเวยไม่รักผู้บวงสรวง ก็จะถือว่าการบูชายัญล้มเหลว...” ทุกคนตกอยู่ในความเงียบราวกับจมจ่อมลงสู่ภวังค์แห่งความนึกคิดอีกครั้ง ก่อนที่ฮูหยินหลิวจะเอ่ยขึ้นเพื่อหาทางออกให้กับทุกคน “ไม่ยากหรอกเจ้าค่ะท่านพี่ เดิมทีนังซูลี่เป็นเด็กหัวอ่อน ใครพูดอะไรก็เชื่อ ใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำ คนไร้ค่าเช่นนั้นจู่ๆ ลุกขึ้นทำตัวก้าวร้าวตบตีเม่ยเอ๋อร์คงเพราะเครียดจากการถูกกลั่นแกล้งรังแกอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นหากพวกเราทำดีด้วย ยกนางขึ้นเป็นบุตรบุญธรรมอย่างออกนอกหน้า ประโคมนางด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับแพงๆ ใช้เวลาสักหนึ่งหรือสองปีจนกว่านางจะตายใจ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราทุกคนย่อมได้รับพรจากมังกรดำแน่นอน” เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนที่กำลังวิตกกังวลเพราะโลภอยากได้รับพรจากมังกรดำก็ถึงกับฉีกยิ้มกว้างออกมา “ท่านแม่ฉลาดที่สุดเลยเจ้าค่ะ หากนังซูลี่ได้เป็นบุตรบุญธรรมแทนการเป็นบุตรนอกสมรสไร้ค่า นางคงยิ่งซาบซึ้งใจและค่อยๆ เปิดใจรักพวกเราอย่างแน่นอน” ซูเม่ยและซือเฉินต่างโผเข้ากอดมารดา ในขณะที่ประมุขหลิวเองก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจในแผนการของภรรยาไม่น้อย “เช่นนั้นทันทีที่ทหารพบตัวนังซูลี่ พวกเราทุกคนต้องแสร้งทำดีกับมัน เข้าใจหรือไม่” “เข้าใจเจ้าค่ะ/ขอรับท่านแม่” หัวใจของทุกคนเต็มไปด้วยความหวังอีกครา ก่อนที่จะพากันแยกย้ายกลับเรือนนอนของตน เพื่อวางแผนว่าจะเข้าหาซูลี่อย่างไรให้อีกฝ่ายยอมรับและมอบความรักให้อย่างบริสุทธิ์ใจ โดยเฉพาะซูเม่ยที่ดูเหมือนจะยากกว่าทุกๆ คนเพราะเพิ่งมีเรื่องทะเลาะวิวาทต่อกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD