บทที่ 3
หนูว่าพี่ไม่ควรมายุ่งกับหนู
“หนูว่าพี่ไม่ควรมายุ่งกับหนู” ฉันชั่งใจอยู่หนึ่งวินาทีก็เอ่ยบอกเขาไป เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้มันเกิดขึ้นเพราะเขา ฉันขอบคุณเขานะที่เขามาช่วยฉัน แต่การที่เขาเข้ามาทำให้ฉันมีเรื่อง และชีวิตที่สงบสุขของฉันกำลังจะหายไป
“...” พี่ราชันนิ่งเงียบ จนฉันได้ยินเสียงลมหายใจของพี่แก แล้วพี่เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าฉันตาเขม็ง ส่วนฉันก็สบสายตาเขาอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน
“อรอินมาหาเรื่องเธอเพราะฉันงั้นเหรอ” พี่ราชันถามเสียงนิ่ง แต่แววตาเขาวาวโรจน์ ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้
“ค่ะ พี่อรมาหาเรื่องหนูเพราะคิดว่าหนูเป็นอะไรกับพี่” ฉันซี้ดปากเมื่อพูดและพี่ราชันเช็ดแผลให้ฉันด้วย
“อื้ม เดี๋ยวจัดการให้” แล้วพี่ราชันก็พยักหน้ารับ จากนั้นพี่แกก็มาทำแผลให้ฉันต่อ
“อะไรจัดการให้คะ” ฉันถาม และยังจ้องลึกเข้าไปในแววตาสีนิล นี่เขาบ้าหรือไง ทำไมเมินคำพูดของฉันที่บอกก่อนหน้าแบบนี้หมายความว่าไง
แต่พี่เขาไม่ตอบยังคงทำแผลให้ฉัน จนเสร็จแล้วเขาก็เก็บของใส่กล่อง แล้วถามฉันว่า
“เอาของไว้ที่ไหน”
“ที่ข้างๆ ลานคณะ” ฉันตอบแล้วรีบลุกเดินไปที่ลานคณะ โดยไม่สนใจพี่ราชัน…
ตอนนี้เพื่อนๆ เลิกกันหมดแล้วเพราะพี่ไฟ หลังจากเรียกรวมปีสองแล้วเขาก็มาปล่อยปีหนึ่งให้กลับกันไป ส่วนเพื่อนฉันป่านนี้ไม่รู้กลับไปหรือยัง แต่ให้เดาก็คงยัง
“เหมย” นั่นไง ทำไมซื้อหวยไม่ถูกวะ ฉันถามตัวเองในใจ เมื่อกอบัวเรียกฉัน
“ทำไมเป็นยังงี้วะ” กอบัวรีบลุกขึ้นเดินมาหาฉัน
“ใครทำอะไรแก” เฟิร์นเองก็ตกใจไม่ต่างกัน นี่สภาพฉันตอนนี้มันดูไม่ได้เลยใช่มะ เพื่อนฉันถึงตกใจหน้าเสียกันขนาดนี้
“ถูกหมากัดมา” ฉันขี้เกียจเล่าเลยพูดไปอย่างนั้น
“พูดเป็นเล่น มาสภาพนี้ ให้เดาว่าอีกฝ่ายคงเละ” เฟิร์นพูดขึ้นพร้อมสำรวจฉันไปด้วย อย่างที่บอกว่าเป็นเพื่อนมานาน และนิสัยเหมือนกันด้วย สองคนนี้รู้จักฉันดี
“ผิดคาดว่ะแก” ฉันบอกเสียงตึงๆ เพราะสองคนนั้นแทบไม่เป็นอะไรด้วยซ้ำ แค่โดนฉันตบและถีบไปแค่นี้ พอคิดได้ว่าตัวเองเสียเปรียบก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ห๊ะ แกถูกรุมเหรอ” กอบัวพูดเสียงดัง
“จริงเหรอ” เฟิร์นถาม
“ก็บอกแล้วไงเดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ฉันตอบอย่างตัดบท เพราะตอนนี้พี่ราชันกำลังเดินมาทางนี้
“นี่อย่าบอกนะว่าที่พี่ไฟเดินหน้าดึงมาว๊ากพวกฉันนี่เพราะเรื่องแก” กอบัวทำท่านึกได้
“คงงั้นมั้ง” ฉันตอบปัดๆ แล้วเดินไปหยิบกระเป๋ามาถือไว้
“รอนี่ก่อน จะเอากล่องพยาบาลไปเก็บ” พี่ราชันเดินมาบอกฉัน แล้วเดินเลี่ยงออกไป
“ใครอะ” กอบัวถามและมองฉันอย่างสงสัย และต้องการให้ฉันบอก
“ใช่ พี่ราชันที่เขาพูดถึงปะ” เฟิร์นถามแล้วมองตามหลังพี่ราชัน
“รู้จักเหรอ” ฉันถาม เพราะเพื่อนฉันคนนี้ไม่ค่อยสนใจใคร
“เปล่า แค่ได้ยินเขาพูดถึง” เฟิร์นยักไหล่ให้ฉัน
“แล้วตกลงใช่ปะ” กอบัวก็ถามขึ้น
“อื้ม” ฉันพยักหน้าให้พวกเธอ
“เฮ้ย แกไปรู้จักได้ไงอะ เขาจีบแกเหรอ” แล้วทั้งสองก็หันมามองฉันเป็นตาเดียว
“เปล่า เพิ่งเจอกันเมื่อวาน” ทำไมถามอะไรบ้าๆ แบบนี้ แล้วอะไร เขาจีบเหรอ ฉันพูดซ้ำคำของเพื่อน
“ยังไงกันแน่ เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานจริงเหรอ” กอบัวหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด
“ก็แค่เมื่อวาน” ก็คนไม่ได้คิดอะไรนี้ ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย
“อย่าโกหก” เฟิร์นมองหน้าฉัน
“บอกมา” กอบัวก็มองหน้าฉัน
“จะให้ฉันบอกอะไร” ฉันทำหน้าลอยไปลอยมา
“แกกับพี่ราชันไง ตกลงมันยังไง” กอบัวถาม
“นั้นสิ” เฟิร์นพยักหน้างึกๆ ให้ฉันพูด
“เออ อย่าถามมาก ฉันไม่มีอะไรจะบอก” ฉันพูดตัดบท
“แกไม่บอกพวกฉัน ฉันเดาเองก็ได้” กอบัวและเฟิร์นพยักหน้าให้ฉันมองไปข้างหลัง ซึ่งพี่ราชันเดินย่างสามขุมตรงเข้ามาหาฉัน
“ไป” พี่ราชันทำให้เพื่อนสองคนของฉันมองตาค้าง เมื่อพี่เขาคว้ามือฉันไปจับ
“ไปไหน” ฉันนี่ขืนตัวไว้แทบไม่ทัน เมื่อพี่ราชันลากฉันให้เดินตาม
“ไปโรงพยาบาล” เขาหันมาตอบเสียงเรียบ แล้วดึงฉันเบาๆ ให้เดินตามเขา
“หนูไม่ไป” แต่ฉันไม่ยอมไป พยายามดึงมือออกจากมือหนา
“เหมย!” พี่ราชันกดเสียงต่ำใส่ฉัน
“...” ฉันไม่ตอบและพูดอะไร แต่หน้าบวมเป่งของฉันเชิดใส่พี่เขา เหอะ กลัวที่ไหนล่ะ
“อย่าดื้อ” เสียงของพี่ราชันเยือกเย็นมากครั้งนี้
“หนูกลับกับเพื่อนเองได้” ฉันบอกเขาไป แล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ
“ไม่ได้” แล้วเขาก็พูดขัดขึ้นทันควัน โอเค! หน้านี่พร้อมบวกมาก ฉันว่าฉันไม่ควรขัดใจเขาตอนนี้
“งั้นหนูขอไปหาพวกพี่ไฟก่อนได้มั้ย” แต่คนดื้ออย่างฉันเหรอจะยอมง่ายๆ ฉันทำเป็นไม่สนใจใบหน้าที่แสดงออกว่าหงุดหงิดของพี่ราชันเมื่อพูดถึงพี่ๆ
“ไปทำไม” พี่ราชันยกมือข้างหนึ่งลูบหน้าแรงๆ
“หนูทำผิด จะให้คนอื่นมารับโทษแทนได้ไง” ฉันเถียง
“เดี๋ยวจะกลับมาจัดการให้” สายตาสีเข้มที่มองฉัน ทำให้ฉันกดดัน
“ไม่เอา พาไปตอนนี้” ฉันทำท่างอแง เอาสิ ถ้าไม่พาฉันไปก่อนก็ไม่ต้องไปไหนกันล่ะวันนี้
“เฮ้ออ งั้นไป” พี่ราชันถอนหายใจออกมาแล้วพูดอย่างจำใจ
‘เอ๊ะ ว่าแต่เขาก็อยู่ปีสองนี่นา ทำไมไม่ไปกับพวกพี่ๆ ล่ะ’ ฉันถามตัวเองในใจ
“ไปนะพวกแก เดี๋ยวเจอกัน” ฉันหันไปโบกมือให้เพื่อนๆ ยิ้มให้พวกเธอแหย เพราะพี่ราชันก็ลากฉันเดินไป
ยี่สิบนาทีได้มั้ง ฉันและพี่ราชันก็มาถึงหน้าห้องประชุมใหญ่ก็ได้ยินเสียงที่ดังออกมา
“สี่สิบเอ็ด สี่สิบสอง สี่สิบสาม สี่สิบสี่”
จากนั้นพี่ราชันก็เดินไปเปิดประตู โดยไม่มีการเคาะใดๆ ทั้งสิ้น
แอ๊ดด!!
“มีอะไร” พี่ไฟที่ทำหน้าโหดหันมามองฉันกับพี่ราชัน ไม่สิ เรียกได้ว่าทั้งห้องเลยล่ะที่หันมามองฉันและพี่ราชัน รวมทั้งรุ่นพี่ปีสองที่ถูกทำโทษด้วย
“หนูมาขอรับโทษค่ะ” ฉันทำใจกล้าเอ่ยขึ้น แล้วเดินไปยืนตรงหน้าพี่ไฟ ที่มีฉายาว่าพี่เฮดว๊ากหน้าโหด
“เธออยู่ปีหนึ่งจะมารับโทษอะไร” พี่เฮดว๊ากอีกคนพูดขึ้น
“ยืนนิ่งทำไม ฉันสั่งให้หยุดรึยัง” แล้วพี่ไฟก็ละสายตาจากฉันหันไปสั่งลงโทษพี่ๆ ปีสองต่อ
“สี่สิบห้า สี่สิบหก” พวกพี่ปีสองวิดพื้นและนับด้วย คิดว่าคงร้อยทีแน่
ฉันทนเห็นภาพที่พี่ๆ ถูกลงโทษเพราะฉันไม่ได้จริงๆ จึงตะโกนแข่งกับเสียงของพี่ๆ ปีสองว่า
“หนูเป็นคนก่อเรื่อง มาลงโทษหนูสิ”
แล้วพี่ไฟก็ยกมือขึ้นเหมือนให้สัญญาณว่าให้รุ่นพี่ปีสองหยุดวิดพื้น แล้วหันมามองฉัน
“ฉันไม่จำเป็นต้องลงโทษรุ่นน้องปีหนึ่ง”
“แต่หนูทำผิด พวกพี่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมไม่ลงโทษคนที่ผิดล่ะ” ฉันทำหน้านิ่งเวลาพูดกับพี่ไฟ พร้อมเหลือบตามองพี่อรเล็กน้อย
“ฉันเป็นรุ่นพี่ที่ดูแลพวกรุ่นน้องปีสองพวกนี้ แล้วพวกนี้มันก็มีหน้าที่ดูแลรุ่นน้องปีหนึ่ง การที่พวกมันดูแลรุ่นน้องปีหนึ่งไม่ได้ นั่นถือเป็นความผิด”
พี่ไฟพูดเสียงเรียบ แต่ฉันคิดว่าทุกคนคงเย็บวาบไปถึงไขกระดูกสันหลังเหมือนอย่างฉันแน่ ที่ได้ยินเสียงพี่ไฟ
“ดูแลดีแค่ไหนมันก็พลาดกันได้นี่คะ แล้วเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอกนะ ถ้าหมามันจะกัดน่ะ” ฉันพูดไปแล้วไม่วายแซะพี่อรและเพื่อนของเธอด้วย
“นี่รุ่นน้องปีหนึ่งกำลังจะบอกพี่ว่าเด็กมันมีปัญหา ห้ามยังไงมันก็ไม่ฟังงั้นเหรอ” พี่ไฟทำหน้ายียวนแล้วพูดขึ้น แล้วตั้งใจพูดกระทบฉันเต็มๆ
“แล้วพี่ดีแค่ไหนกัน ถึงได้มาตัดสินคนอื่นแบบนี้ แล้วสั่งลงโทษคนที่ไม่ได้ทำผิดนะ”
ฉันโมโหพี่ไฟมาก ดูเหมือนว่าพี่แกดูถูกฉันและเหมือนกับว่าฉันคนเดียว เหมือนฉันเป็นตัวปัญหา ซึ่งคนอย่างเหมยไม่ยอมใครอยู่แล้ว
“เหมย” ผมไม่คิดเลยว่ายัยรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาแบ๊วน่ารักคนนี้จะกล้าปากดีกับพี่ไฟจอมโหด
“คิดจะปีนเกลียวรึยังไง” พี่เฮดว๊ากอีกคนตะโกนขึ้นอย่างโมโห
“หนูไม่ได้คิดจะปีนเกลียวใคร หนูเคารพคนที่มีเหตุผล ไม่ใช่เอาอารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล” ฉันสบตาพี่ราชัน ที่คอยห้ามฉัน แล้วหันไปมองพี่ไฟ
“เหอะ ได้ ถ้าอยากโดนลงโทษก็จัดให้” พี่ไฟพูดขึ้นแล้วเดินมายืนใกล้ๆ ฉัน
“...” ฉันไม่พูด แต่เชิดหน้าใส่ท้าทาย
ท่าทีของฉันน่าหมั่นไส้คงทำให้พี่ไฟโกรธ เพราะดูจากแววตาที่จ้องฉันแล้ว พี่แกจะกินหัวฉันอยู่แล้ว
“ไปวิ่งรอบสนามสามสิบรอบไป”
พี่ไฟคำรามเสียงดังจนห้องทั้งสะท้อนเป็นคลื่น เพราะทุกคนในที่นี่เงียบไม่มีใครพูดเลย ถ้าหยุดหายใจได้พวกพี่ๆ ปีสองคงหยุดหายใจ
“ได้” ฉันทำหน้าจริงจังแล้วหมุนตัวเดินออกไป
แต่..ช่วงเวลาที่ฉันกำลังจะเดินออกไปจากห้องนั้น ก็มีมือใหญ่คว้าข้อมือฉันไว้ แล้วเอ่ยเสียงตึงๆ ว่า
“จะไม่เกินไปหน่อยเหรอ” ฉันหันไปมองมือหนา แล้วค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นไปก็เป็นพี่ราชันนั่นแหละที่จับมือฉัน
“มึงคิดจะหือกับกูเหรอไอ้ราชัน” แล้วพี่ไฟก็ตวัดสายตาที่จ้องฉัน หันไปมองพี่ราชันอย่างจะกินเลือดเนื้อกัน
“แล้วเฮียคิดว่าผมหือกับเฮียได้ปะล่ะ”…