วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกและเป็นวันรับน้องวันแรกด้วยเช่นกัน รุ่นน้องปีหนึ่งทุกคณะต่างต้องเข้ารับน้องของคณะตัวเองรวมทั้งแพรวา สาวสวยหน้าดื้อเธอเป็นผู้หญิงที่ผิวขาวเหลือง สูงเพียง 155 ถึงจะเป็นคนตัวเล็กแต่สัดส่วนหุ่นของเธอก็ไม่เล็กเหมือนตัวเพราะทั้งก้นทั้งหน้าอกนั้นเรียกว่าได้แม่มาเต็มๆ แพรวาเป็นเด็กมาจากต่างจังหวัดเพิ่งมาเรียนที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกโดยเธอเลือกเรียนคณะบริหาร ฐานะที่บ้านของเธอไม่ได้รวยมากแต่ครอบครัวก็ยังพอส่งเธอเรียนมหาลัยเอกชนได้
"ยัยแพรทางนี้แก"
ขณะที่แพรวากำลังเดินมายังจุดที่พี่ๆ นัดรับน้อง ก็ได้ยินเสียงเรียกของโมนาเพื่อนสนิทของเธอที่มาจากต่างจังหวัดด้วยกัน เธอจึงรีบเดินไปหาเพื่อนด้วยรอยยิ้ม
"พี่เค้าเริ่มกิจกรรมยังแก"
แพรวาเอ่ยถามเพื่อนทันทีเมื่อเดินมาถึง เพราะเธอไปเข้าห้องน้ำเลยให้โมนามารอที่จุดรับน้องก่อน
"ยังแกคงอีกนานเพราะรุ่นพี่ไปลงทะเบียนอยู่ ว่าแต่แกตัดสินใจดีแล้วใช่มั้ยที่จะไปอยู่ดูแลคอนโดให้พี่พิมน่ะ จริงๆ อยู่กับฉันก็ได้นะ พ่อกับแม่ฉันก็อยากให้แกอยู่ด้วย"
โมนาเอ่ยถามแพรวาขึ้นเพราะแพรวาเพิ่งขึ้นมาอยู่กรุงเทพได้เพียงสามวัน โมนาเลยให้มานอนที่บ้านของเธอที่พ่อกับแม่เธอเช่าอยู่ แต่พิมที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของแพรวาอยากให้แพรวาไปอยู่ดูแลคอนโดให้เพราะเธอต้องตามสามีชาวต่างชาติกลับประเทศตัวเองไปหลายเดือน ด้วยความที่เห็นน้องสาวมาเรียนที่กรุงเทพฯ พิมจึงเสนอให้แพววามาอยู่ที่คอนโดตัวเองเพราะดีกว่าปล่อยร้างไว้
"อือ ฉันตอบตกลงพี่พิมไปแล้ว เสาร์นี้ก็ว่าจะย้ายไปเลย ฉันเกรงใจพ่อกับแม่แกด้วยจะให้ฉันอยู่ฟรีก็ลำบากใจ เพราะท่านก็เช่าอยู่เหมือนกัน อีกอย่างพี่พิมก็อยากให้มีคนดูแลคอนโดให้ด้วย จะปล่อยให้คนอื่นเช่าก็ไม่รู้ว่าเค้าจะดูแลได้ดีมั้ย"
แพรวาตอบเพื่อนไปตามตรง
"ถ้าแกตัดสินใจแล้วฉันก็เคารพการตัดสินใจของแก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พี่พิมกลับมาแกก็ย้ายมาอยู่กับฉัน ตกลงนะ"
"อือ ตกลงจ้ะ"
แพรวาตอบกลับโมนาพร้อมกับส่งยิ้มให้
"ขอโทษนะครับ ชื่ออะไรหรอครับ"
ขณะที่แพรวาและโมนากำลังนั่งคุยกันอยู่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามแพรวา
"แพรวาค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ"
แพรวาหันไปตอบพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"คือเราชื่อเวย์นะ เราชอบเธอตั้งแต่เห็นเธอเดินมาแล้ว เธอมีแฟนยังอ่ะ"
เวย์ถามแพรวาพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ
"มีแล้วค่ะ"
แพรวาตอบกลับไปสั้นๆ ด้วยรอยยิ้ม จนเวย์นั้นหน้าเจื่อนลงทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ
"เสียดายจัง แต่ไม่เป็นไรไม่ได้เป็นแฟนแต่ขอเป็นเพื่อนได้มั้ย เราเรียนวิศวะนะ ว่าแต่อีกคนชื่ออะไรหรอครับ"
เวย์หันไปถามโมนาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
"เราชื่อโมนาเรียกโมเฉยๆ ก็ได้ เธอบอกว่าเรียนวิศวะทำไมถึงมาที่ตึกบริหารได้ล่ะ"
"พอดีมาเอาของกับเพื่อนที่เรียนบริหารน่ะ เห็นแพรวาเดินมาแล้วรู้สึกถูกชะตากะว่าจะมาจีบคงเป็นได้แค่เพื่อน ว่าแต่เราเป็นเพื่อนกับพวกเธอสองคนได้ใช่มั้ย"
เวย์หันไปถามแพรวาด้วยรอยยิ้ม
"อือ ถ้าเป็นเพื่อนน่ะได้อยู่แล้ว"
แพรวาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม จนทำให้เวย์ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานของเธอ
"ขอบคุณนะ งั้นเราไปก่อนนะ ไว้เจอกันนะสองสาว"
แพรวาและโมนาพยักหน้าให้เวย์เมื่อได้ยินคำพูดของเขา
"เสน่ห์แรงจริงๆ มาเรียนวันแรกก็มีหนุ่มหล่อมาจีบซะแล้ว ว่าแต่แกไปโกหกเวย์ทำไมว่ามีแฟน แกโสดสนิทขนาดนั้น เวย์ออกจะหล่อแถมเป็นหนุ่มวิศวะซะด้วย"
โมนาถามแพรวาด้วยความสงสัย
"ไม่รู้สิ รู้สึกแค่ว่าไม่ได้ชอบเค้าแค่นั้นเอง แกเคยบอกฉันว่าถ้าเราชอบใครจะรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ แต่ฉันกับไม่รู้สึกอะไรกับเวย์เลยสักนิด สงสัยเวย์จะไม่ใช่เนื้อคู่ฉัน หรือเนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดมายัยโม"
แพรวาตอบโมนาไปตามตรงเพราะเธอไม่ได้รู้สึกชอบเวย์เลยแม้แต่น้อย แพรวาเป็นคนที่ไม่คบใครสุ่มสี่สุ่มห้าถ้าเธอไม่ได้ชอบจริงๆ นั่นเป็นสาเหตุที่เธอยังไม่มีแฟนหรือจะเรียกว่าไม่เคยมีแฟนด้วยซ้ำ
"คงงั้น เพราะตราบใดที่แกยังปฏิเสธหนุ่มๆ ที่เข้ามาจีบเธออยู่แบบนี้ ยังไงก็ไม่มีวันเจอเนื้อคู่หรอกย่ะ"
แพรวาได้แต่มองค้อนใส่โมนาเมื่อโดนเพื่อนพูดใส่ สองสาวนั่งคุยสักพักรุ่นพี่ก็เรียกรวมเพื่อชี้แจงการเข้ากิจกรรมรับน้องของคณะ
"สวัสดีน้องๆ ปีหนึ่งทุกคนนะคะ พี่ชื่อทรายนะคะ อยู่ปีสอง พี่จะแจ้งรายละเอียดการรับน้องของคณะเรานะคะ คณะเราจะทำกิจกรรมรับน้องหนึ่งเดือนโดยน้องๆ ต้องมาทำกิจกรรมเวลาบ่ายสามของทุกวันนะคะและอาทิตย์หน้าก็จะให้น้องๆ ได้ตามหาพี่รหัสของตัวเองด้วย วันนี้พวกพี่จะปล่อยน้องเร็วนะคะ เพราะแค่นัดมารับทราบการทำกิจกรรม พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มกิจกรรมการรับน้องอย่างเป็นทางการ ขอบคุณนะคะที่ตั้งใจฟังพี่พูดจนจบ เดี๋ยวจะให้พี่ๆ พาสันทนาการก่อนกลับนะคะ"
เมื่อพี่ทรายพูดจบพี่ๆ กลุ่มสันทนาการก็พาน้องปีหนึ่งทั้งเล่นเกมทั้งเต้นจนแพรวาและโมนาต่างรู้สึกสนุกสนานกับกิจกรรมที่พี่ๆ มอบให้ เมื่อทำกิจกรรมเสร็จแพรวาและโมนาก็นั่งรถเมล์กลับบ้านทันที
ทางด้านอคินเมื่อตรวจความเรียบร้อยที่สนามแข่งรถแล้วตกเย็นก็ไปที่ผับของตัวเองตามที่ไดม่อนนัดไว้ โดยชื่อผับยังใช้ชื่อ MDR ชื่อย่อแก๊งพ่อของเขาเหมือนเดิมแต่แค่ปรับปรุงร้านให้ดูทันสมัยขึ้นตามยุคสมัยแค่นั้นเอง เมื่ออคินขับรถมาถึงผับก็เดินขึ้นไปชั้นสองที่ยังแบ่งโซนเป็นห้องทำงานและห้องวีไอพีเหมือนเดิม อคินเดินเข้ามาที่ห้องประจำของพวกเขาก็เห็นไดม่อนกำลังนั่งดื่มอยู่คนเดียวจึงเอ่ยถามขึ้น
"รามินยังไม่มา?"
อคินเอ่ยถามไดม่อนสั้นๆ พร้อมกับนั่งลงหยิบแก้วเหล้ามากระดกหมดที่เดียวรวด
"คิดถึงผมหรอครับ มาถึงก็ถามหาเลย"
รามินพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้ากวนๆ ใส่อคิน ขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำเพราะเขามาพร้อมกับไดม่อนนั่นเอง
"หึ ไม่เห็นหน้านึกว่าโดนลากไปกระทืบแล้วซะอีก"
อคินพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะในลำคอ
"คนอย่างผม ไม่ยอมให้ใครมากระทืบง่ายๆ หรอกครับ"
รามินตอบกลับอคินพร้อมกับนั่งลงยังที่ประจำของตัวเอง
"ที่สนามแข่งเป็นไงบ้าง"
ไดม่อนเอ่ยถามอคินขึ้นเมื่อเห็นรามินหยุดพูดแล้ว
"เรียบร้อยดี วันนี้ลูกค้าแค่อยากมาลองสนามไม่ได้แข่งจริง"
ไดม่อนพยักตอบเมื่ออคินพูดจบ
"เห็นว่ารู้ตัวคนที่สร้างเรื่องให้ผับเราเสียหายแล้วหรอรามิน"
อคินหันไปถามรามินเมื่อนึกขึ้นได้ว่านัดมาคุยเรื่องอะไร
"มาถึงปั๊บก็คุยแต่เรื่องงาน พวกพี่กะจะไม่พักสมองบ้างรึไงเนี่ย ทำหน้าขรึมจนตีนกาจะขึ้นแล้วนะครับ"
รามินพูดขึ้นกวนๆ จนอคินตั้งท่าจะยกเท้าถีบรามินแต่ก็โดนรามินจับขาเขาไว้ก่อน
"หยอกครับหยอก แค่หยอกถึงขั้นจะถีบน้องเลยหรอ"
"คุยงานก่อนแล้วค่อยพักรามิน"
ไดม่อนพูดขัดรามิน จริงๆ พวกเขาไม่ได้เคร่งเครียดกับเรื่องงานตลอดเวลา แต่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จึงรีบอยากแก้ปัญหาให้จบเร็วๆ ทางด้านรามินเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของพี่ๆ ทั้งสองก็ปรับสีหน้าเข้าโหมดจริงจังทันที
"คนที่ปล่อยข่าวว่าผับเราหลอกเด็กมาบริการลูกค้าคือเสี่ยทิวาเจ้าของผับตรงข้ามกับเราครับ"
อคินและไดม่อนคิ้วขมวดขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของรามิน
"แน่ใจนะรามินว่าเป็นเสี่ยทิวาจริงๆ"
ไดม่อนเอ่ยถามรามินอีกครั้ง
"แน่ยิ่งกว่าแน่อีกครับ เพราะผมได้ไปคุยกับไอ้คนที่มันปล่อยข่าวเลย ผมแกล้งไปตีสนิทเลี้ยงเหล้ามันนิดๆ หน่อยๆ มันก็หลุดปากพูดมาเองว่าเสี่ยทิวาจ้างให้มันมาสร้างเรื่องให้ผับเราเสียชื่อเสียง ถ้าผับเราเสียชื่อเสียงลูกค้าก็คงจะหันไปเข้าร้านของพวกมัน เพราะตอนนี้ฐานลูกค้าเราก็ยังเยอะกว่าพวกมันตลอดอยู่แล้ว แม่ง ใช้วิธีโคตรสกปรก"
รามินพูดร่ายยาวให้พี่ๆ ฟังด้วยความโมโห เพราะพวกเขาทั้งสามไม่เคยไปก่อกวนหรือระรานใครเลยแม้แต่น้อย
"เอาไงไอ้คิน จะจัดการเลยมั้ย"
ไดม่อนถามความเห็นจากอคินเมื่อรามินพูดจบ
"ปล่อยไปก่อน รู้ตัวคนทำแล้วเราก็เพิ่มความเข้มงวดในผับให้มากขึ้น ถ้าเราไม่มีช่องโหว่ พวกมันก็ทำลายเราไม่ได้ แต่ถ้าพวกมันยังก่อกวนไม่เลิกค่อยจัดการขั้นเด็ดขาด"
"ผมเห็นด้วยกับพี่คิน เดี๋ยวผมจะเพิ่มคนดูแลผับเพิ่มอีก"
รามินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่มีแววเล่นเหมือนตอนแรก
"อืม งั้นก็ตามนั้น หยุดคุยงานแล้วมาดื่มกัน"
ไดม่อนพูดขึ้นพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้น อคินและรามินจึงยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับไดม่อนแล้วนั่งดื่มด้วยกันจนดึกโดยไม่คุยเรื่องงานเรียกได้ว่าคอแข็งกันทุกคนดื่มเก่งไม่ต่างจากแก๊งพ่อของตัวเองเลยทีเดียว ด้วยความที่ดื่มหนักทั้งสามจึงเลือกที่จะนอนที่ผับแทน
#หนูแพรวาไซส์มินิจะตรงสเปคพี่อคินมั้ยน๊า