12

1288 Words
“เหรอ” เขาตอบรับคำพูดเสียงสูง ก่อนจะพูดต่อ “แต่ดูเหมือนว่าเธอจะได้ตารางเวลาการทำงานใหม่แล้วนี่ เลิกงานตอนบ่ายสามโมง ไปถึงที่คอนโดฉันตอนสี่โมง เป็นเทรนเนอร์ให้ฉันสามชั่วโมง เลิกงานอีกทีก็ทุ่มนึง ไม่ต้องห่วงว่าจะกลับบ้านดึกเพราะฉันจะไปส่งเธอเอง เห็นไหมแค่นี้เองง่ายจะตายไป” “ที่คุณพูดมาหมายความว่ายังไง ดิฉันไม่เห็นรู้เรื่องการเปลี่ยนตารางกะเลย” หญิงสาวถามสวนกลับทันทีที่เขาพูดจบ “ก็หมายความว่า ฉันให้ผู้จัดการแผนกของเธอเปลี่ยนตารางกะเองแหละ” บัวบุษยาไม่คิดว่าชายคนนี้จะเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด ถึงขนาดบังคับให้ราตรีจัดตารางการทำงานใหม่ ซ้ำร้ายยังข่มขู่ว่าจะไล่ออกอีกทั้งๆ ที่เขาเองไม่มีอำนาจใดๆ ที่นี่เลยนอกจากเป็นเพื่อนกับหุ้นส่วนใหญ่ของทรี สปอร์ตคลับเท่านั้น “ถึงเปลี่ยนตารางกะใหม่ ดิฉันก็ไม่ทำค่ะ เพราะว่ากว่าจะถึงบ้านมันก็ดึกเหมือนกัน” สาวหัวรั้นไม่ยอมทำตามคำพูดของหนุ่มหัวดื้อ หากแต่ทีท่าของแอนโตนิโอไม่เดือดไม่ร้อนกับวาจาของสาวเจ้าแม้แต่น้อย เพราะเขามีทีเด็ด “ไม่ทำก็ไม่เป็นไรฉันไม่บังคับอยู่แล้ว ที่มาวันนี้ไม่ได้มาเรื่องที่จะจ้างเธอไปเป็นเทรนเนอร์เรื่องเดียว แต่เอาไอ้นี่มาให้เธอด้วย เมื่อวานเธอลืมไว้ที่คอนโดของฉัน” ชายหนุ่มชูกระเป๋าสะพายใบขนาดพอเหมาะขึ้นสูง เจ้าของกระเป๋าเอื้อมมือหวังจะไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง หากแต่เขากลับชักมันมากอดเอาไว้ ยักคิ้วให้เธออย่างเป็นต่อ เมื่อวานนี้ตอนที่เธอวิ่งออกไปจากห้องพักของแอนโตนิโอ บัวบุษยาลืมหยิบกระเป๋าสะพายที่วางไว้บนโซฟา เนื่องจากตอนนั้นหญิงสาวไม่คิดอะไรเลยนอกจากจะหนีซาตานอย่างเขาไปให้ไกลที่สุด ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าการที่เธอไม่คิดที่จะไปหยิบกระเป๋ากลับไปด้วยนั้นเป็นสิ่งที่ผิด เขาต้องมีแผนอะไรในใจแน่นอน “เอากระเป๋าของฉันคืนมา” บัวบุษยาเพียงแค่พูด ไม่ก้าวเท้าเข้าไปใกล้กลัวว่าจะพลาดพลั้งอีกครั้ง “ไม่ให้” “ไม่ให้ก็ไม่เอา ของในกระเป๋าไม่มีอะไรสำคัญมากมาย ฉันไม่เอาก็ได้คุณอยากได้ก็เอาไปเลย” เธอหมายความอย่างที่พูดจริงๆ กระเป๋าใบนี้ไม่มีค่างวดอะไรมากมาย ของในกระเป๋ามีเพียงกุญแจบ้าน กุญแจล็อกเกอร์ ในกระเป๋าสตางค์มีเงินอยู่ร้อยยี่สิบบาท ส่วนบัตรประจำตัวประชาชนเธอสามารถไปแจ้งหายและทำใหม่ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถ้าเขาอยากได้ของเหล่านั้นก็เชิญตามสบาย แอนโตนิโอยิ้มเย็นเธอคงคิดว่าเขาไม่มีอะไรมาต่อรองกับเธอ หากว่าหญิงสาวไม่สนใจที่อยากจะได้กระเป๋าคืน บัวบุษยาคิดผิดคนอย่างเขาไม่เคยจนแต้ม “ว้า น่าเสียดายนะที่ทิ้งกระเป๋าใบนี้ ดูๆ ไปมันก็ไม่มีค่าอะไรจริงๆ ด้วย กระเป๋าก็เก่า เงินในกระเป๋าก็มีนิดเดียว แต่เอ คนนี้รูปใครนะดูสิยิ้มทีไม่เห็นตาเลย หน้าตาตี๋ชะมัด” ประโยคสุดท้ายเขาแทบจะกัดฟันพูด เนื่องจากการโพสต์ท่าถ่ายรูปของชายหน้าตี๋กับหญิงสาวนั้น บอกถึงความสนิทสนมจนเขาอยากจะฉีกภาพถ่ายให้ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อได้เห็นภาพนี้ครั้งแรก อีกทั้งโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ายังแผดเสียงร้องดังหลายครั้ง เขาจึงหยิบมันขึ้นมาดูปรากฏว่ามีสายเข้ามาสามสาย มีอยู่สายหนึ่งที่ขยันโทรมาเกือบห้าสิบสาย อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่โทรมาเป็นใคร คงจะไม่ใช่ไอ้หน้าจืดที่อยู่ในรูปหรอกนะ “เขาคือคนรักของฉัน” คำตอบของบัวบุษยาทำให้ใบหน้าของเขาเรียบตึงดุจหนังกลองทันที คนรัก ทำไมมันรู้สึกเจ็บจี๊ดกลางหัวใจก็ไม่รู้ “คนที่โทรศัพท์มาหาเธอเมื่อวานนี้ก็คงเป็นแฟนเธอล่ะสิ มิน่าขยันโทรจริงๆ โทรเข้ามาจนฉันรำคาญต้องปิดเครื่องเลยจะบอกให้” บัวบุษยารู้ทุกอย่างที่เขาพูด เมื่อเช้านี้เธอได้โทรศัพท์ไปหาอนันตชัยเพราะรู้ดีว่าคนรักต้องโทรมาหาเธอตามที่บอกเอาไว้ เป็นไปตามคาดเขาโทรศัพท์มาหาเธอจริงๆ แต่ว่าไม่มีคนรับสายจากนั้นโทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากปิดเครื่อง หญิงสาวจึงบอกกับคนรักว่าที่เป็นอย่างนั้นมีสาเหตุมาจากเธอเกิดความสะเพร่าของเธอเองที่ทำโทรศัพท์ตกหล่น คนที่เอาเครื่องไปคงไม่กล้ารับสาย อนันตชัยจึงคลายความสงสัยไปในจุดนี้ “ใช่ เป็นแฟนฉันเอง” “แล้วเธอบอกมันหรือเปล่าว่าทำไมไม่รับสาย” เขาจ้องดวงหน้าหวานเมื่อถามคำถามนี้ “ถ้าคุณไม่มีอะไรที่จะพูดแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” เธอตัดบทเพราะคิดว่าการที่เขาเรียกเธอมาพบไม่มีแก่นสารเอาเสียเลย ดูคล้ายเขาจะบีบบังคับเธอ อีกทางก็ดูจะผ่อนปรน ไม่รู้จะมาไม้ไหนกันแน่ บัวบุษยาไม่อยากจะเสวนากับเขาอีกแล้ว “ก็กำลังจะพูดอยู่นี่ไง ฉันจะพูดว่าคนรักของเธอรู้หรือเปล่าว่าทำไมเธอถึงไม่รับโทรศัพท์” น้ำเสียงที่ถามเสียงเรียบ ใบหน้ายิ้มหยันอย่างผู้กำชัย เป็นรอยยิ้มที่เธอเห็นแล้วไม่ชอบเอาเสียเลย “มันเรื่องของฉัน” เธอเน้นทุกคำพูดเสียงหนัก “แต่ฉันอยากยุ่ง หรือว่าจะให้ฉันโทรกลับไปหาแฟนเธอแล้วบอกว่าที่เธอรับโทรศัพท์ไม่ได้เพราะว่าลืมโทรศัพท์เอาไว้ที่ห้องของฉัน แล้วก็จะบอกถึงสาเหตุที่ลืม เอ เริ่มจากตรงไหนดีก่อนนะ เริ่มจากที่เธอนวดให้ฉันก่อนก็แล้วกัน ฉันเป็นนักเล่าที่ดีนะรับรองเก็บรายละเอียดได้หมดไม่ตกหล่นเลยสักชอต รับรองแฟนเธอต้องเห็นภาพตอนที่ฉันเล่าแน่ๆ” แอนโตนิโอพูดไปยิ้มไป แล้วยิ่งเห็นสีหน้าและดวงตาที่เบิกกว้างของลูกกวางน้อยน่ากินด้วยแล้ว เขายิ่งยิ้มกริ่มอย่างหน้าหมั่นไส้ หญิงสาวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะจะมาไม้นี้กับเธอ คิดเพียงว่าเขาน่าจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ ใช้ความเป็นเพื่อนสนิทของเหมันต์มาต่อรองให้เธอไปเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัว หญิงสาวคิดผิด เขามีไม้ตายข้อนี้นี่เอง “ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ คุณทำแบบนี้ทำไม” บัวบุษยาย้ำถาม “ฉันจะไม่ทำอย่างที่พูด ถ้าหากเธอไปเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้ฉัน” หญิงสาวยืนมองหน้าชายหนุ่มที่ถือไพ่เหนือกว่าเธอด้วยความแค้นเคือง หญิงสาวรู้แก่ใจดีว่าการให้เธอไปเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวนั้นเป็นเพียงข้ออ้างมากกว่า เขาต้องการมากกว่านั้น ต้องการตัวเธอ หากแต่คำขู่ที่เขาพูดออกมานั้นทำให้หญิงสาวเกิดความกังวล เธอไม่อยากให้อนันตชัยรับรู้เรื่องนี้ ไม่อยากเสียคนดีๆ อย่างเขาไป อีกแง่ถ้าเธอไปเป็นเทรนเนอร์ให้กับเขามีหวังเธอต้องพลาดพลั้งตกเป็นของเขาสักวัน แล้วเธอจะทำยังไงดี จะทำยังไงดี ปฏิเสธก็ไม่ได้ ตอบรับก็ลำบากใจ ฝืนใจเป็นที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD