3

1315 Words
“แม่ไม่เป็นไรแล้วบัวละลูกเป็นไงบ้าง เจ็บมากไหมลูก ไม่น่าเข้ามาขวางเลยดูสิที่แก้มเป็นรอยฝ่ามือเลย” มือเหี่ยวย่นลูบไปที่ผิวแก้มขาวนวลของลูกสาวอย่างแผ่วเบา หัวอกของคนเป็นแม่ร้าวลึกเข้าไปในขั้วหัวใจที่เห็นลูกต้องมาเจ็บตัวเพราะมาช่วยนาง อีกทั้งคนที่ทำร้ายเป็นถึงลุงแท้ๆ แต่ที่ขยับมาอยู่ในตำแหน่งพ่อเลี้ยงได้นั้น เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากที่สามีของนางเสียชีวิตได้หกเดือน คืนนั้นสักรินทร์พี่ชายแท้ๆ ของสามีที่ตายจากเข้ามาปลุกปล้ำนางในห้อง พอสมใจก็ข่มขู่ว่าอย่านำเรื่องนี้ไปบอกใครไม่เช่นนั้นจะประจานให้ทุกคนรู้ว่านางให้ท่าเขาถึงห้อง นวลจันทร์จึงเก็บเรื่องในคืนนั้นไว้ในใจ สักรินทร์ได้ทีเข้ามาปลุกปล้ำนางอีกหลายครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งสักรินทร์บังคับให้นางไปจดทะเบียนสมรสด้วยกันเพราะหึงหวงเพื่อนของสามีเก่าที่เข้ามาติดพัน นวลจันทร์ไม่มีทางเลือกกลัวทั้งคำข่มขู่และคุกคามทางร่างกายจำยอมจดทะเบียนสมรสกับพี่ชายของอดีตสามี และนี่คือสิ่งที่นางคิดเสมอว่าคิดผิดมาตลอดที่ไม่ยอมบอกใครเรื่องในนั้น คืนที่นางถูกสักรินทร์ปลุกปล้ำ กล้ำกลืนฝืนทนจนถึงปัจจุบัน “ทำไมแม่ไม่ให้เงินลุงสักไปตั้งแต่ทีแรกล่ะแม่ แม่จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว ฮือ” บัวบุษยาถามทั้งน้ำตา ไม่ว่าจะให้ตอนนี้หรือว่าก่อนหน้าก็ต้องให้อยู่ดี ให้ก่อนหน้าจะไม่ถูกทำร้ายร่างกาย ถ้าให้ตอนหลังที่ขออาจจะถูกทุบตีหรือว่าด่าทอ สู้ให้ตั้งแต่แรกดีกว่าจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ “เงินนั่นเป็นเงินดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายเขาไงลูก ป้าแหม่มจะมาเก็บมะรืนนี้ถ้าไม่มีเขาจะยึดบ้านแล้วไล่เราออกไปจากที่นี่ แม่ก็เลยรั้งๆ เอาไว้ไม่อยากให้เพราะถ้าให้ เราจะไม่มีที่ซุกหัวนอน บ้านหลังนี้ก็จะหลุดจำนองตกเป็นของคนอื่น แม่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น แม่เลยไม่ยอมให้ลุงสักไงลูก” นี่คือสาเหตุที่นวลจันทร์ไม่ยอมให้เงินสามีโดยง่าย ยอมถูกตบตีเพื่อที่จะไม่เสียเงินค่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทุกเดือน ไม่เช่นนั้นบ้านจะถูกยึดเพราะติดจำนองอยู่หลายปี เงินต้นไม่ได้มากมายอะไรแค่หนึ่งแสนบาท หากแต่ค่าดอกเบี้ยที่สองแม่ลูกต้องจ่ายไปนั้น มันจะทบต้นอยู่แล้ว หากแต่ทั้งคู่ยอมเสียเพื่อไม่ให้เสียบ้านหลังนี้ไป ฐานะของบัวบุษยาค่อนข้างขัดสนภาระทุกอย่างภายในบ้านตกอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว เงินเดือนที่ได้เพียงหนึ่งหมื่นสองพันบาทอาจจะเพียงพอถ้าหญิงสาวอยู่กับแม่ตามลำพังสองคน แต่นี่มีสักรินทร์อยู่ด้วย เธอจึงต้องแบกภาระเรื่องค่าสุราและเงินที่เอาไปลงในบ่อนการพนัน หนี้สินก็ตามมาจนบัวบุษยาตามใช้ไม่หวาดไม่ไหว “ช่างมันเถอะแม่ เงินค่าดอกเบี้ยเดี๋ยวบัวไปยืมเพื่อนที่ทำงานก็ได้” บ่อยครั้งที่หญิงสาวต้องกู้เงินจากเพื่อนร่วมงานที่คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละสิบบาท ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะแพงแต่เธอก็ต้องยอมเสียเพื่อที่จะได้เงินนั้นมาใช้จ่าย “แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษที่แม่อ่อนแอ ทำให้บัวต้องมาแบกภาระมากมายขนาดนี้” นางกล่าวขอโทษลูกสาว ใบหน้าเจ่อนองไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจและสงสาร เงินเดือนแต่ละเดือนลูกสาวของนางแทบไม่ได้ใช้เลย พอเงินออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ประดังเข้ามา ทั้งค่าดอกเบี้ยเรื่องบ้าน ค่าเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยที่หยิบยืมมาก็ต้องจ่าย ไหนจะค่าใช่จ่ายแต่ละวันอีก แทนที่จะมีเงินเหลือไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวก็แทบจะไม่มี ที่ใส่อยู่ทุกวันนี้ก็ใส่มานานหลายปีแล้ว “ไม่เป็นไรหรอกแม่ ช่างมันเถอะอย่าโทษตัวเองเลย เจ็บแค่นี้บัวชินแล้ว แม่ไปนั่งบนเก้าอี้ก่อนนะ บัวจะไปทำกับข้าวให้กิน” บัวบุษยาประคองมารดาไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในครัวมองหาของสดที่อยู่ในตู้เย็น หากแต่ภายในตู้เย็นกลับว่างเปล่ามีเพียงน้ำดื่มที่แช่เย็นเอาไว้สามขวดกับไข่ไก่สี่ใบ หญิงสาวหลั่งน้ำตาออกมาทันทีเมื่อนึกถึงสภาพของบ้านที่อัตคัดเหลือเกิน เงินที่ติดตัวอยู่ก็มีเพียงสามร้อยบาทเท่านั้น กว่าจะถึงสิ้นเดือนก็เหลืออีกตั้งหลายวันเงินแค่นี้คงไม่พอใช้แน่นอน พรุ่งนี้เห็นทีเธอต้องไปหยิบยืมเจ้าหนี้รายเดิมอีกแล้ว บัวบุษยาพาร่างเล็กของตัวเองไปที่ห้องครัว ลงมือหุงข้าวพร้อมกับทำอาหารเย็นให้ตัวเองกับมารดารับประทาน อาหารเย็นมื้อนี้มีเพียงไข่เจียว ปลากระป๋องและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผัดเท่านั้น การรับประทานอาหารของสองแม่ลูกดำเนินไปได้เพียงห้านาทีเท่านั้น บุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาในบ้านอย่างคุ้นเคยในมือถือถุงกับข้าวติดมือมาสามถุง “สวัสดีครับคุณป้า” อนันตชัยพนมมือไหว้นวลจันทร์อย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนรัก “สวัสดีค่ะคุณชัย” นวลจันทร์ทักทายตอบตามมารยาท “ผมซื้อต้มยำทะเล ปูผัดผงกะหรี่แล้วก็มีข้าวขาหมูมาฝากครับ” ผู้มาเยือนยื่นถุงอาหารใบใหญ่ส่งให้บัวบุษยาที่ทำสีหน้าลังเลที่จะรับ อาหารที่ชายหนุ่มซื้อมาให้นั้นแตกต่างกับอาหารที่เธอกับมารดากำลังทานอยู่มากนัก รวมทั้งฐานะของอนันตชัยกับเธอก็ต่างกันมากด้วย “รับไปเถอะพี่ซื้อมาฝากคุณป้ากับบัว พี่ไปเอาจานไปให้นะพี่กะว่าจะทานข้าวด้วย หิวอยู่พอดีเลย” ชายหนุ่มรู้ว่าคนรักมีความลำบากใจที่จะรับอาหารที่เขาซื้อมาให้ หนึ่งคือเกรงใจ สองคือกลัวคนจะนินทาว่าร้ายเอาว่าที่เธอคบหาดูใจกับเขานั้นเป็นเพราะเงินและฐานะที่เหนือกว่าเธอทุกอย่าง ทว่าสำหรับอนันตชัยไม่เคยคิดอย่างที่ใครๆ คิดเลย เขาคบกับบัวบุษยาเป็นแฟนเพราะรักและชื่นชมในความกตัญญูของเธอนั่นเอง ชายหนุ่มลุกเดินไปที่ห้องครัวก่อนจะหยิบชามและจานมาร่วมวงรับประทานอาหารด้วย “บัว พี่จะไปอเมริกาสามอาทิตย์นะ” อนันตชัยเอ่ยบอกหญิงสาวขณะที่เขาและเธอช่วยกันเก็บจานชามไปล้าง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ไปทำไมค่ะพี่ชัย” บัวบุษยาเอ่ยถามคนรักไปด้วย ล้างจานไปด้วย “พอดีโรงงานของพี่กำลังจะสั่งเครื่องจักรตัวใหม่มา มันเป็นตัวใหม่ล่าสุดระบบการทำงานของมันละเอียดและมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องจักรตัวอื่นๆ ที่พี่เคยสั่งมาก็เลยต้องไปศึกษาและทำความเข้าใจกับเครื่องจักรตัวนี้นานหน่อย เวลาใช้งานมันจริงๆ จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง” โรงงานผลิตปลากระป๋องยี่ห้อดังคือกิจการของครอบครัวของชายหนุ่ม ทำรายได้ให้กับเขามากมายนักในแต่ละปี นี่เองคือข้อแตกต่างที่ทำให้บัวบุษยาไม่เป็นที่พึงพอใจจากฝ่ายเครือญาติของคนรัก มักจะถูกกีดกันในเดือนแรกที่ทั้งสองตกลงใจคบหากัน นับจากวันนั้นถึงวันนี้สองเดือนพอดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD