ร้านหม้อไฟ
สองสาวเพื่อนซี้นั่งพูดคุยพร้อมส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน หวังฉิงชวนในวัย 19 ปี เป็นลูกสาวคนเดียวของอดีตดาราหนังฮ่องกงรุ่นใหญ่ในยุค 90 เจิ้งซุนเย่ว ซึ่งมีพื้นเพเป็นชาวปักกิ่ง จากจีนแผ่นดินใหญ่แต่มาประสบความสำเร็จบนเกาะฮ่องกง ทางด้านวงการบันเทิงซึ่งเป็นยุคทองของฮ่องกงในเวลานั้น อีกทั้งยังเคยเป็นอดีตนักแสดงนำฝ่ายหญิง เจ้าของรางวัลต่างๆ มาแล้วมากมาย ซึ่งภายหลังได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวฮ่องกง มีนามว่าหวังซู่หลิน
ซึ่งหวังซู่หลินเป็นนักธุรกิจทางด้านการก่อสร้าง แต่ต่อมาทั้งสองหย่าร้างกันตั้งแต่ฉิงชวนมีอายุแค่ 3 ขวบเท่านั้นและสิทธิ์ในปกครองบุตรอยู่ที่เจิ้งซุนเย่วแม่ของเธอเพียงผู้เดียว สืบเนื่องมาจากการหย่าในครั้งนี้เพราะพ่อของเธอยังมีอนุอีกมากมายซุกซ่อนจนนับไม่ถ้วน ล้วนแล้วแต่เป็นระดับดาราและนางแบบดังด้วยกันทั้งสิ้น
จึงเป็นสาเหตุในการหย่าขาดและเป็นข่าวซุบซิบที่โจษขานกันมากในวงการบันเทิงของฮ่องกง และข่าวของเจิ้งซุนเยว่ คุณแม่ของเธอซึ่งเป็นดาราดังในยุคนั้นเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วเลยทีเดียว
จนทำให้ภายหลังจากการหย่าแม่ของเธอพาฉิงชวนย้ายไปพำนักอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่อายุ 3 ขวบและนั้นทำให้ฉิงชวนมีสัญชาติอังกฤษและสัญชาติจีนในคราเดียวกัน จวบจนกระทั่งเมื่อ 5 ปีก่อนแม่ของเธอได้แต่งงานใหม่กับเศรษฐีชาวอังกฤษและให้กำเนิดบุตรฝาแฝดเป็นชาย 1 คนและบุตรสาวอีก 1 คน
จวบจนกระทั่งสามีชาวอังกฤษของเจิ้งซุนเยว่ได้เสียชีวิตลง จึงทำให้แม่ของเธอหอบลูกแฝดพร้อมฉิงชวนกลับกรุงปักกิ่ง อันเป็นบ้านเกิดของแม่เธอ
และเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมจวบนกระทั่งสามารถสอบเข้าสถาบันการแสดงของกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการแข่งขันสูงสุด 5 หมื่นต่อ 500 คนเท่านั้นที่ผ่านเข้ามาเรียน และหวังฉิงชวนเป็นหนึ่งใน 500 คนที่สามารถสอบเข้ามาได้ และเรียนจนถึงปีสุดท้ายใกล้จบการศึกษา เพื่อทำงานทางด้านเบื้องหลังของวงการบันเทิงเป็นหลัก
“หมดขวด! หมดขวด!”สองสาวพูดออกมาพร้อมกัน พลางชูขวดเบียร์สีดำสนิทที่มีน้ำสีเหลืองอำพันอยู่ค่อนขวด
แกร๊ง! ขวดเบียร์ของทั้งสองชนเข้าหากัน พร้อมยกขึ้นกระดกใส่ปากจนหมด
เอ่อ!!! คนงามทั้งสองนางส่งเสียงเรอดังออกมาทันทีอย่างไม่เกรงใจใคร ด้วยกำลังมึนได้ที่แล้วนั่นเอง ก่อนจะชายตามองผลงานการกินชนิดที่ว่าฝูงแร้งยังต้องสยบ
เมื่อสองสาวสวยเล่นสวาปามหม้อไฟหมดไปถึง 20 ชุดเลยทีเดียวและดื่มเบียร์ชิงเต่าทั้งเบียร์ดำและดั้งเดิม ขวดขนาด 330 มิลลิลิตรไปมากถึง 24 ขวด หากแต่สองสาวเพียงแค่รู้สึกมึนๆ เท่านั้น ด้วยเวลาหลังจากนี้ฉิงชวนจะต้องเข้าไปทำงานจ๊อบของเธอตามเดิม
“โอโห่เว้ย! รู้สึกว่าฉันกับแกไม่ได้มากินหม้อไฟแบบเล่นๆ แล้วนะเสี่ยวเยี่ยน พวกเรากินแบบล้างผลาญชัดๆ”ฉิงชวนบอกเพื่อนสนิทของเธอ
“กินก็กินแล้ว จะบ่นทำไมว้าตอนนี้ก็อิ่มแล้วกลับเหอะ”หยู่เยี่ยนบอกเพื่อน
ฉิงชวนยกมือส่งสัญญาณให้ทางร้านหม้อไฟคิดค่าอาหารอย่างรวดเร็ว เพียงครู่พนักงานก้าวเดินมาหยุดที่เครื่องบันทึกรายการอาหารก่อนจะใช้คีย์การ์ดประจำตัวปลดล็อกระบบ พร้อมกดเครื่องบันทึกรายการอาหารทันที
ครืดดดด!!! เครื่องบันทึกรายการ พิมพ์กระดาษออกมาเสียยืดยาว ภายในนั้นระบุจำนวนหม้อไฟที่สองสาวมีจำนวนเท่าไรพร้อมเครื่องดื่ม จวบจนกระทั่งรายการสุดท้ายสิ้นสุดลง พร้อมยอดอาหารรวมทั้งหมด
“ค่าอาหารทั้งหมด 676 หยวนค่ะ”พนักงานบอกยอดเงินชำระกับฉิงชวน
“นี่ฉันกินอะไรลงไปจนต้องจ่ายค่าอาหารมากขนาดนี้เลยเหรอ”หญิงสาวส่ายศีรษะไปมาพร้อมยกมือถือของเธอ
“จ่ายผ่านวีแชทค่ะ”เธอบอกกลับไป
พนักงานร้านยื่นบาร์โค้ดสำหรับจ่ายเงินผ่านระบบวีแชทส่งให้หญิงสาวอย่างรวดเร็ว พร้อมเหลือบสายตามองฉิงชวนอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเธอจ่ายเงินเรียบร้อย
“ขอบคุณที่มาใช้บริการร้านหม้อไฟของเรานะคะ โอกาสหน้าเชิญใหม่”พนักงานสาวคนดังกล่าวบอกหญิงสาว ก่อนจะอดไม่ได้จนต้องเอ่ยถามกลับไปด้วยเพราะสงสัยอยู่นาน
“เออ..คุณลูกค้าใช่คนเดียวกันกับภาพวาดที่อยู่ตรงร้านค้าหัวมุมถนนหรือเปล่าคะ”พนักงานคนดังกล่าวเอ่ยถามกลับไป
และนั่นทำให้ฉิงชวนที่กำลังมึนๆได้ที่อยู่ในขณะนั้นขมวดคิ้วเข้าหากันพลางยกนิ้วเขี่ยในรูหูของเธอไปมา
“พี่สาวพูดใหม่อีกครั้งได้ไหม เมื่อกี้ฟังไม่ค่อยชัด”ฉิงชวนถามกลับไป ก่อนจะได้ยินเสียงหยู่เยี่ยนดังแทรกขึ้นแทน
“เมื่อกี้พี่สาวถามว่า ตัวแกนะใช่คนเดียวกับภาพวาดที่อยู่ตรงหัวมุมถนนโน้นหรือเปล่า”หยู่เยี่ยนบอกเพื่อนก่อนจะเอะใจเงยหน้ามองพนักงานของร้านที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“มุมถนนตรงไหนเหรอพี่สาว พวกเราสองคนมากินร้านหม้อไฟของพี่ประจำเลยนะ ไม่เห็นมีร้านขายภาพวาดตรงมุมถนนเลยนะ”หยู่เยี่ยนถามกลับไปด้วยความสงสัย
ครั้นพนักงานร้านได้ยินเช่นนั้นเธอรีบตอบกลับมาทันที
“มีร้านขายวัตถุโบราณมาเปิดใหม่ตรงหัวมุมถนนซอยหน้าค่ะ ร้านมีพื้นที่ใหญ่มากและตกแต่งทั้งภายในและภายนอกถอดเป็นแบบย้อนยุค มีพื้นที่จัดแสดงสินค้าสามชั้น ได้ยินข่าวว่าค่าเช่าตรงนั้นแพงมากๆ มีทั้งของโบราณและสั่งทำเลียนแบบจำพวกเครื่องประดับและยังมีอื่นๆ อีกเยอะ แล้วก็ที่พากันพูดถึงมากก็คือภาพวาดและหนึ่งในนั้นเป็นภาพวาดผู้หญิงที่มีหน้าตาเหมือนคุณมากเลยค่ะ”พูดพร้อมชี้ไปที่ฉิงชวน
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นฉิงชวนและหยู่เยี่ยนต่างหันกลับมามองหน้ากันทันใด
“นี่แกไปรับจ๊อบให้จิตรกรนั่งวาดภาพตั้งแต่เมื่อไรเสี่ยวชวน”หยู่เยี่ยนถามกลับไปทันที
ฉิงชวนส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวันเมื่อเพื่อนสาวถามกลับมาเช่นนั้น
“ไม่เคยเลย! นี่ก็ยังงงๆ เหมือนกัน”ฉิงชวนบอกเพื่อนกลับไป พร้อมเสียงของพนักงานร้านดังแทรกขึ้น
“อ้าว! ตกลงภาพวาดนั้นไม่ใช่คุณลูกค้าอย่างนั้นเหรอคะ”
ฉิงชวนส่ายหน้าไปมาเป็นการยืนยันกลับไป
“ไม่เคยไปนั่งให้ใครวาดภาพเลยนะพี่สาว”ฉิงชวนยังยืนกรานเสียงแข็ง
และนั่นทำให้พนักงานร้านคนดังกล่าวได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ กลับมา
“ถ้าเช่นนั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ นึกว่าเป็นคนเดียวกัน”
ทันทีที่กล่าวขอโทษเป็นที่เรียบร้อย พนักงานร้านหันหลังเดินกลับไปที่หน้าเคาน์เตอร์ดั่งเดิม ท่ามกลางสายตาของสองสาวเพื่อนคู่ซี้
“แปลก!”ฉิงชวนส่งเสียงบ่นพึมพำ
“อย่าเสียเวลาคิดอยู่เลยเสี่ยวชวน กลับกันเถอะ! ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ จะได้ย่อยไปในตัววันนี้กินอย่างเยอะเลยแก”หยู่เยี่ยนบอกเพื่อน
“เอาสิ! พวกเราเดินดูของตามร้านบนถนนเส้นนี้ไปเรื่อยๆ แล้วแกก็ค่อยเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน ส่วนฉันพอใกล้ถึงเวลาก็จะไปทำงานต่อ”ฉิงชวนบอกเพื่อนสนิทพลางยกแขนเหนี่ยวรั้งคอเพื่อนสาวพร้อมลุกออกจากร้านไปด้วยกัน