“เอาละ! เอาละ! เงียบๆ อย่าพากันเอ็ดอึงไป โปรเจกต์ในปีนี้ขอให้ทุกคนตั้งใจทำให้เต็มที่ เพราะนอกจากจะเป็นผลคะแนนทำให้จบการศึกษาอย่างสมบูรณ์แล้ว บทละครที่สมบูรณ์แบบและมีคะแนนมากที่สุด ซึ่งจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น จะได้รับการเซ็นสัญญาจากบริษัท Jay Walk Studio เพื่อนำไปผลิตซีรีย์เรื่องยาว และเซ็นสัญญากับบริษัท Mountain Top เพื่อนำไปผลิตภาพยนตร์ รวมไปถึงเจ้าของบทละครจะได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนักแสดงนำที่ตัวเองเขียนบทด้วย”
สิ้นเสียงของอาจารย์ผู้สอนเสียงเอ็ดอึงของเหล่านักศึกษาดังขึ้นมายิ่งไปกว่าเดิม สายตาหลายคู่เปล่งกระกายแห่งความหวังขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น แต่คนที่มีแววตาปริวิตกกลับเป็นหวังฉิงชวนเท่านั้น ที่มีความรู้สึกแตกต่างจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง
“โอโห่! รู้สึกว่าโปรเจกต์งานนี้จะเข้าทางลี่อิงเข้าให้อย่างจังเลยว่าไหม”หยู่เยี่ยนถามเพื่อนสนิทของเธอ
“เข้าทางแม่นั่นเต็มๆ แต่พังทางนี้นะสิ! ลำพังเขียนบทมันก็ยากสำหรับฉันอยู่แล้ว ไอ้เรื่องผลประโยชน์ที่จะได้รับหลังจากนั้นไม่ได้มองเลยนะ เพราะฉันจะทำอย่างไรถึงจะเขียนบทเพื่อสร้างซีรีย์เรื่องยาวขนาด 40 ตอนจบแบบนั้นออกมาได้ต่างหากเล่า งานนี้หินชัดๆ นี่ถ้าสอบไม่ผ่านละก็แม่ฉันเอาตายแน่เลยแก”หญิงสาวนั่งบ่นพึมพำออกไม่ขาดสาย
“ไม่พังอย่างที่เธอบอกกระมังเสี่ยวชวน มันคงไม่อยากเกินกำลังของคนเราไปได้หรอก เอาเถอะนะเดี๋ยวฉันที่มีคะแนนลำดับเกือบโหล่จะช่วยเธอเอง”หยู่เยี่ยนพูดพร้อมตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ เพื่อให้กำลัง
ครั้นฉิงชวนได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวส่งยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อนของเธอ
“ข้าน้อยซาบซึ้งใจในไมตรีของเจ้ายิ่งนักเสี่ยวเยี่ยน แต่คนสอบได้ที่โหล่อย่างฉันกับรองโหล่อย่างเธอของวิชานี้จะพากันเป๋ไปด้วยกันทั้งคู่นะสิ”หญิงสาวตอบเพื่อนรักกลับไป
ในขณะที่หยู่เยี่ยนเพื่อนรักเพื่อนเลิฟทำได้แต่เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ ครั้นได้ยินเช่นนั้น
ในขณะเดียวกันเสียงของอาจารย์ผู้สอนกำลังอธิบายเพิ่มเติมอย่างละเอียดเกี่ยวกับโปรเจกต์งานดังกล่าว
“โปรเจกต์นี้จะกำหนดเมนเรื่องและให้นักศึกษาแต่ละคนทำการจับสลาก เช่นจับสลากได้คำว่าจอมยุทธ์ ก็ต้องเขียนบทละครที่เกี่ยวกับเหล่าจอมยุทธ์ หรือจับสลากได้คำว่าวังหลัง ก็ต้องเขียนบทละครเกี่ยวกับวังหลังออกมาในลักษณะนี้ ถ้าพวกเธอเข้าใจแล้วอาจารย์จะป้อนโปรแกรม คำที่พวกเธอจะต้องจับสลากเข้าไปในเครื่องหลังจากนั้น ให้กดปุ่มตรงหน้าโต๊ะที่เคยใช้ออกเสียงลงคะแนนโหวต จับสลากคำที่จะต้องทำโปรเจกต์ต่อไป”
เสียงของอาจารย์ผู้สอนยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่หวังฉิงชวนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ด้วยเพราะกำลังครุ่นคิดอย่างหนักกับโปรเจกต์งานดังกล่าว พร้อมจอภาพขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางชั้นเรียนตรงกำแพง สัญญาณสั่งให้กดปุ่มเพื่อเลือกคำนำมาใช้เขียนโปรเจกต์งานเริ่มต้นทันที
แสงสีแดงวิ่งพล่านไปทั่วกลุ่มคำที่อยู่บนจอชั่วขณะ ก่อนจะหยุดลงพร้อมคำที่ถูกได้รับเลือกโผล่ขึ้นมา พร้อมหมายเลขลำดับของที่นั่งปรากฏขึ้นอยู่ใต้คำดังกล่าว ว่าแต่ละคนได้เป็นเจ้าของคำใดบ้าง และนั่นก่อให้เกิดเสียงเอ็ดอึงตามมาทันทีที่นักศึกษาได้คำที่จะต้องนำกลับไปเขียนโปรเจกต์ ก่อนจะถูกบันทึกข้อมูลส่งลิงก์เข้าระบบของภาควิชา
ทันทีที่หญิงสาวเห็นคำที่จะต้องนำกลับไปเขียนบทละครโทรทัศน์ที่มีความยาวถึง 40 ตอนจบ
“ตายแน่ฉิงชวนเอ๊ยฉิงชวน งานนี้เธอจบแห่แน่นอนแล้ว”หญิงสาวพึมพำออกมาทันทีด้วยความหนักใจกับคำที่ต้องนำกลับไปเขียนโปรเจกต์
“สลัด! เสี่ยวชวน! คำนี้โคตรแกล้งงานเขียนของเธอมากเลยวะ ไม่แตกต่างจากฉันเลย แล้วนี่ดูของฉันสิได้คำว่า ผัก เราสองคนนั่งใกล้กัน กลุ่มคำมันก็เลยแยกมาหาคนละคำ ถ้ารวมกันก็คือคำว่าสลัดผัก โอ๊ย!จะบ้าตาย!”คราวนี้หยู่เยี่ยนเป็นฝ่ายบ่นกระปอดกระแปดยิ่งกว่าเพื่อนรักของเธอเสียอีก
“เหอะ..เหอะ กลุ่มคำโคตรแกล้งกันเลย สลัดผัก! แยกออกเป็นสลัดกับผัก ลางมันบอกมาแล้วว่าฉันกับเธองานนี้หืดขึ้นคอมากแน่ๆ ไม่รู้ว่าวิชานี้จะฉุดเกรดเฉลี่ยของฉันตกฮวบลงมากแค่ไหน”ฉิงชวนบ่นพึมพำ
“มากๆ หรือไม่แต่แน่นอนว่ากระทบหนักเอาการ อย่างน้อยก็ขอให้มีรายชื่อได้รับใบประกาศเพราะเป้าหมายฉันไม่ได้เป็นนักแสดงแต่เป็นงานเบื้องหลังในกองถ่ายต่างหาก ความฝันจะได้เป็นผู้กำกับเห็นทีจะแย่”เสี่ยวเยี่ยนพูดพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างแรง
“หืดขึ้นคอเป็นบ้างานนี้”ฉิงชวนบ่นพึมพำ
ในขณะที่สองเพื่อนซี้กำลังนั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่ในขณะนั้น ฟ่านลี่อิงเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับหวังฉิงชวนมาโดยตลอดส่งเสียงหัวเราะพร้อมลอยหน้าลอยตาทำท่าร้องไห้และเบ้ปากเหยียดกลับมาให้เธอ
“โอ๊ยนางนี่! มันอะไรกันหนักกันหนาวะ! โรคจิตหรืออย่างไง”ฉิงชวนพูดพร้อมยกนิ้วกลางชูขึ้นกลางอากาศส่งกลับไปให้คู่อริอย่างเหลืออด
ในขณะที่ฟ่านลี่อิงยักไหล่ไหวมาติดต่อกัน พร้อมพูดออกมาโดยไม่มีเสียงแต่ให้คู่อริของเธออ่านปากเอาเอง
“แล้วไง! ใครแคร์ยะนางบ้านนอก!”ฟ่านลี่อิงพูดตอกหน้ากลับไป ก่อนจะสะบัดหน้าคอแทบหักพร้อมนั่งลงส่งเสียงหัวเราะทำหน้าระรื่นด้วยความสะใจ เมื่อเห็นคู่อริของเธอได้กลุ่มคำที่ไม่เอื้ออำนวยในการเขียนโบรเจกต์งานเอาเสียเลย
“อือหือแม่นี่!”หญิงสาวกัดฟันตัวเองเอาไว้แน่นพยายามข่มใจให้สงบ
“ดักตบเลยไหม เอาให้จมูกที่แม่นั่นเพิ่งศัลยกรรมมาเบี้ยวคืนรูปไม่ได้เลย”หยู่เยี่ยนพูดออกมาทันที
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ฉิงชวนยกมือตบลงบนบ่าของเพื่อนเธอเบาๆ
“ไม่ต้องทำหรอก..เปลืองมือไปเปล่าๆ เพราะใช่ว่าแม่นั่นจะได้คำที่ดีไปกว่าพวกเราเสียที่ไหน”ฉิงชวนบอกเพื่อนของเธอกลับไป ทำให้แม่เพื่อนรักรีบเงยหน้าดูจอภาพขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางชั้นเรียนทันที ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาทันใด
“ลืม!”หยู่เยี่ยนพูดคำดังกล่าวออกมา
“ฉันเชื่อแล้วว่ายายลี่อิงมันบ้าจริงๆ เที่ยวเยาะเย้ยคนอื่นแต่กลับไม่ดูกลุ่มคำของตัวเองว่าจะไปรอดไหม”พูดพร้อมส่ายหน้าไปมาติดต่อกัน
“แต่ฉันคิดว่าลี่อิงเยาะเย้ยพวกเราแบบนั้นออกมาได้ จะต้องมั่นใจในการเขียนบทของตัวเองแน่ๆ เลยเสี่ยวเยี่ยน ลืมไปแล้วเหรอว่าพ่อของเจ้าหล่อนเป็นผู้กำกับชื่อดัง จะต้องมีทีมเขียนบทฝีมือดีและเชื่อเถอะว่า เผลอๆ โปรเจกต์งานทำบทละครในครั้งนี้ แม่ฟ่านลี่อิงอาจจะไม่ได้เขียนบทละครนี้ด้วยตัวเอง เชื่อฉันดิ”สาวน้อยฉิงชวนบอกเพื่อนรักกลับไป
“เออ...จริงด้วย”หยู่เยี่ยนพูดออกมาทันทีเมื่อได้ยินเพื่อนของเธอบอกกลับมาเช่นนั้น
“ความรวยไม่เข้าใครออกใครจริงๆ เลยเนอะ มีพ่อเป็นผู้กำกับใหญ่กว้างขวางในวงการบันเทิงถ้าจะเอาเงินฟาดหัวให้นักเขียนบทมืออาชีพสักแสนหรือสองแสนหยวน ให้เขียนบทละครแทนเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับคนพวกนั้นไปแล้ว ปล่อยให้แม่นั่นไขว่คว้าความฝันไปให้ถึงจุดหมายของเจ้าหล่อนไปเถอะ คนแบบนี้รับรองว่าถ้ามาพลาดเมื่อไรละก็กลับเข้าวงการบันเทิงไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต”
หวังฉิงชวนพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนสนิท
“เย็นนี้ไปหากินหม้อไฟเนื้อแพะ กระดกเบียร์เย็นๆ แก้เครียดดีกว่าเสี่ยวเยี่ยน บางทีหัวอาจจะแล่นคิดขีดเขียนอะไรออกมาก็ได้ ว่าแต่กำหนดส่งโปรเจกต์งานนี้อาจารย์ให้เวลาทำกี่เดือน”เธอถามเพื่อนกลับไป
ฝ่ายคุณเพื่อนรีบชี้ไปทางหน้าจอภาพที่มีกำหนดวันเวลาส่งงานบอกเอาไว้อย่างชัดเจน
“6 เดือนเต็มๆ”หยู่เยี่ยนบอกเพื่อนกลับไป
และนั่นทำให้ใบหน้าของฉิงชวนทำหน้าซังกะตายยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
“6 เดือนแค่นั้นเองนะเหรอ ระยะเวลาแบบนั้นมันต้องเป็นนักเขียนบทมืออาชีพ ไม่ใช่นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายอย่างพวกเรานะเว้ย”ฉิงชวนโวยวายออกมาทันใด
ทว่าคุณเพื่อนกลับทำท่าเหลือบตามองบน เมื่อได้ยินเพื่อนสาวพูดออกมาเช่นนั้น
“แกสับสนอะไรมากหรือเปล่าเสี่ยวชวน โปรเจกต์งานนี้ให้เวลาเขียนถึง 6 เดือนไม่ใช่น้อยเลยนะเว้ย จะต้องใช้เวลานานมากกว่านี้แค่ไหนเชียว เพราะไอ้ระยะเวลาที่เหลืออยู่เป็นเทอมสุดท้ายของพวกเรา อย่าบอกนะว่าตัวแกใช้เวลาเขียนบทเป็นปี”หยู่เยี่ยนถามประชดกลับไป
ฉิงชวนยกสองมือขึ้นเท้าคางพร้อมเป่าลมออกจากปากและถอนหายใจไปในคราเดียวกัน
“ถ้าเลือกได้ก็อยากมีเวลาเป็นปีที่จะได้เขียนแบบนั้น แต่มันเป็นไปไม่ได้”หญิงสาวตอบเพื่อนกลับไป
“เออนั่น! แทนที่จะรีบจบจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงิน กลับจะมาเสียเวลาในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง วันหยุดพรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้านแกจะไปด้วยไหม เที่ยวพักผ่อนตามเกาะ นั่งกินลมชมวิว เดี๋ยวเอาเรือเร็วของพ่อออกไปนั่งตกหมึก เที่ยวมันให้ฉ่ำปอดหาแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง เผื่อบางทีแกอาจจะมีไอเดียอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก็ได้ หรือจะไปส่องหนุ่มๆ เล่นกัน”หยู่เยี่ยนพูดพลางหัวเราะเป็นการใหญ่
“เชอะ! ที่แท้ชวนฉันเอาไปเป็นไม้กันหมาละสิ จะหาเวลาไปส่องหนุ่มๆ โดยที่พ่อแกว่าอะไรไม่ได้”เธอบ่นอย่างรู้ทัน
“แล้วจะไปด้วยกันไหมเล่า! บ่นอยู่ได้ยายแก่”หยู่เยี่ยนถามเพื่อนสาวกลับมา
ฉิงชวนเหลือบตามองบนอยู่เพียงครู่ พร้อมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูตารางงานที่เธอไปรับจ๊อบหารายได้เสริม เมื่อมีสัญญาณเตือนข้อความดังเข้าเครื่อง
มีงานด่วนเข้ามา เข้ามาทำโอทีหลังจากเลิกเรียนและช่วงวันหยุดด้วย
“สงสัยฉันจะไปกับแกไม่ได้แล้วเสี่ยวเยี่ยน”ฉิงชวนตอบเพื่อนสนิทกลับไปครั้นเห็นข้อความบนมือถือปรากฏอยู่บนหน้าจอของเธอในขณะนี้
“อ้าวเหรอมีอะไร!หรือมีงานด่วนเข้ามา”หยู่เยี่ยนถามกลับไปทันที
ฉิงชวนยื่นโทรศัพท์มือถือส่งให้เพื่อนรักของเธออ่านแทน ในขณะที่อีกฝ่ายก็ยื่นมือรับไปแบบงงๆ
“อ้าว!ให้อ่านเองเหรอ”หยู่เยี่ยนพึมพำเบาๆ พลางก้มหน้าอ่านข้อความที่ปรากฏอยู่บนจอโทรศัพท์
“ว้า! แบบนี้ก็ไม่ได้ไปกินหม้อไฟอะดิ!”หญิงสาวบ่นออกมาทันที
“ใครบอกว่าไม่ได้กินยะ! ก็กินก่อนไปทำงานไงเล่า ยังมีเวลาอีกตั้งถมเถ ถ้าเธอกับฉันไปกินหม้อไฟด้วยกันทันทีที่เลิกเรียนก็ไม่ทำให้งานของฉันเสียด้วย เพียงแต่ไม่ได้ไปเที่ยวที่บ้านของเธอด้วยก็เท่านั้นเอง”ฉิงชวนบอกเพื่อนสาวกลับไป
จางหยู่เยี่ยนพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กัน เมื่อได้ยินเพื่อนสนิทตอบกลับมาเช่นนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก ใช่ว่าเธอจะไม่เคยไปบ้านฉันเสียที่ไหน เอาไว้ค่อยหาเวลาไปคราวหลังก็แล้วกัน”หยู่เยี่ยนตอบกลับไปพลางยื่นมือถือส่งกลับคืนให้เพื่อนตามเดิม
“เสี่ยวชวนเอ๊ยเสี่ยวชวน เธอจะเรียนจบไหมว้างานนี้”หญิงสาวยังคงรำพึงรำพันมิรู้วาย