บทที่12

1208 Words
ภูริชตบเบาๆ บนบ่าเล็กของหญิงสาวที่ตนเองรักและเอ็นดูไม่ต่างจากจิลลา ภัทร พร้อมกันนั้นก็คลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยออกมาจากใจจริง “พี่รู้ว่าวินด้าเป็นห่วงจันทร์เจ้าไม่ต่างจากพี่ หากวินด้าคิดอยากจะช่วยจันทร์เจ้า วินด้าก็ต้องเชื่อฟังพี่ด้วย จองตั๋วให้พี่ และอยู่ฟังข่าวที่นี่อย่าเพิ่มภาระให้พี่อีกคน พี่จะพาจันทร์เจ้ากลับบ้านของเราให้เร็วที่สุด” “ก็ได้ค่ะคุณตะวัน วินด้าจะทำตามที่คุณตะวันบอกค่ะ” นวินดายอมทำตามคำสั่งในที่สุด เพราะคำพูดของภูริชทำให้เธอคิดได้ เธอไม่ควรไปเป็นภาระเป็นตัวถ่วงให้กับภูริช เพราะการเดินทางไปยังแผ่นดินของศัตรูคู่แค้น ใช่ว่าจะได้รับการต้อนรับเลี้ยงดูปูเสื่อจากชีคฟารีสต์ ดีไม่ดีภูริชอาจจะถูกขึ้นบัญชีดำ หมายหัวไว้ว่าห้ามเข้าประเทศอัสดารานส์ด้วยซ้ำไป... ภูริชพยักหน้ารับอย่างโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ที่นวินดายอมทำตามคำสั่ง จากนั้นก็เดินออกจากห้องรับแขก แต่พอก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าวก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันมาเอ่ยสั่ง นวินดา โดยไม่นึกเสียดายเงินทองที่ต้องเสียไป “วินด้า หากจองตั๋วไปประเทศอัสดารานส์ไม่ได้ ก็เช่าเหมาลำเครื่องบินได้เลย เรื่องราคาไม่ต้องสนใจ พี่พร้อมจะจ่าย และจ่ายเป็นเช็คเงินสดด้วย ขอแค่ให้มีเจ้านกยักษ์พาพี่ไปที่ประเทศอัสดารานส์ก็พอแล้ว” ภูริชสั่งเสียงเข้มรู้สึกเป็นห่วงจิลลาภัทรมาก เขาพยายามโทรหาน้องสาวแทบจะตลอดเวลา แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถติดต่อกับน้องสาวได้เลย โทรศัพท์มือถือของจิลลาภัทรถูกปิดตาย ซึ่งเขามั่นใจว่าชีคฟารีสต์จอมบ้าอำนาจ ต้องเก็บโทรศัพท์ของจิลลาภัทรไว้อย่างแน่นอน ตอนนี้เขาได้แต่ภาวนาให้น้องสาวปลอดภัย ไม่ถูกชีคฟารีสต์รังแกให้ชอกช้ำใจ... บทที่ 6 สนามบินนานาชาติประเทศอัสดารานส์ ภูริชเป็นพี่ชายที่มีความอดทนต่อการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มบินจากกรุงลอนดอนมาถึงประเทศไทยไม่ทันครบ 24 ชั่วโมง ก็บินต่อมายังประเทศ อัสดารานส์ในทัน และต้องหลับๆ ตื่นๆ อยู่บนเครื่องบินอีกสิบหกชั่วโมง กว่าจะมาถึงแผ่นดินทะเลทรายในที่สุด และทันทีที่เหยียบแผ่นดินของคู่อาฆาต เจ้าพ่อแห่งคิง ออฟ พาราไดซ์ ก็อดแขวะถึงผู้เป็นเจ้าครองแผ่นดินไม่ได้ “หากไม่ติดว่าต้องมารับจันทร์เจ้ากลับบ้าน พ่อจะไม่เหยียบทะเลทรายให้เสียขาเลย ให้ตายเถอะ!” ภูริชขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวด้วยความโมโห ทันทีที่ได้ย่ำเท้าลงบนแผ่นดินของชีคฟารีสต์จอมบ้าอำนาจ พอออกมาจากสนามบินแล้ว ก็เข้าไปเจรจาว่าจ้างรถแท็กซี่ให้พาไปส่งยังโอเอซิส ซึ่งเขาคาดเดาว่าจิลลาภัทรอาจถูกชีคฟารีสต์กักตัวไว้ที่นั่น “ไม่เห็นจะมีอะไรให้น่าเที่ยวน่าชมเลย มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นอินทผลัมต้นใหญ่ๆ กับไอ้ทะเลทรายแสนแห้งแล้ง ไม่เห็นจะเจริญหูเจริญตาตรงไหน” ภูริชบ่นอุบขณะนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนมุ่งหน้าไปยังโอเอซิสแหล่งน้ำแหล่งชีวิตในแผ่นดินทะเลทราย เขาพยายามทำใจให้เป็นกลางที่สุดขณะมองทิวทัศน์สองข้างทางถนน แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นอินทผลัมผล ไม้รสชาติหวานฉ่ำราคาแพง กับคลื่นทะเลทรายสีทองแห้งแล้งฝุ่นคละคลุ้ง ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าจิลลาภัทรคิดอย่างไร ถึงได้หลงใหลประเทศนี้เป็นอย่างมาก “อีกไกลไหมกว่าจะถึงโอเอซิส” ภูริชถามคนขับแท็กซี่ ซึ่งตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งครัด คนขับแท็กซี่ซึ่งได้รับค่าจ้างมากโขจากการขับรถมาส่งลูกค้าในโอเอซิส ได้ละสายตาจากท้องถนน หันมาเอ่ยตอบคำถามของผู้โดยสาร ซึ่งกำลังตีสีหน้าเมื่อยราวกับ เบื่อหน่ายสุดๆ สำหรับการเดินทางที่แสนไกลในครั้งนี้ “อีกราวๆ สามสิบนาทีก็ถึงแล้วครับ” “อีกสามสิบนาทีเลยหรือ คุณเร่งความเร็วกว่านี้ได้ไหม ผมใจร้อน อยากไปถึงโอเอซิสเร็วๆ” ภูริชออกคำสั่ง รู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ที่คนขับแท็กซี่ขับรถไม่ได้ดั่งใจที่เขาต้องการ ถ้าหากเขานั่งอยู่หลังพวงมาลัย นำรถยนต์ออกมาวิ่งบนท้องถนนที่ปราศจากรถราวิ่งขวักไขว่เหมือนในกรุงเทพฯ เขาคงเหยียบคันเร่งจนมิดเท้าไปแล้ว คงไม่ขับเป็นเต่าคลานด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เช่นดังคนขับแท็กซี่คนนี้กำลังขับอยู่ คนขับแท็กซี่หันมามองผู้โดยสารหนุ่มซึ่งนั่งคู่กันอยู่ตอนหน้า ก่อนจะเอ่ยบอกถึงเหตุผลที่ทำให้เขาขับรถเร็วตามที่อีกฝ่ายออกปากสั่งไม่ได้ “ผมขับได้เร็วสุดแค่นี้แหละครับคุณผู้ชาย เพราะถ้าหากขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด ไม่เกินวันพรุ่งนี้ก็จะมีใบสั่งส่งไปที่บ้านของผมอย่างแน่นอน ใจเย็นๆ นะครับ อีกไม่นานก็ถึงโอเอซิสแล้ว” ภูริชได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆ ด้วยความโมโห หากเขารู้ทางไปโอเอซิส เขาจะไม่ง้อแท็กซี่พวกนี้เลย เขาจะเช่ารถขับเองและเหยียบให้มิดเท้าเพื่อจะได้ไปรับน้องสาวกลับบ้านเร็วๆ และจากที่พยายามอดทนนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ร่วมชั่วโมง ภูริชก็ได้มายืนอยู่หน้าตำหนักส่วนตัวของชีคฟารีสต์ในที่สุด “อย่าเพิ่งไปนะ ผมไปรับน้องสาวแค่ครู่เดียว แล้วก็จะกลับเมืองหลวงเลย” ภูริชสั่งคนขับแท็กซี่ ซึ่งเขาได้ว่าจ้างเหมาเป็นรายวันไว้เรียบร้อยแล้ว “อีกประเดี๋ยวได้เจอกันแน่ไอ้ชีคฟารีสต์ เจอหน้าเมื่อไรพ่อจะตะบันหน้าเอาให้แตกยับ เอาให้หมดหล่อกันไปข้าง” ภูริชเค้นเสียงลอดไรฟันด้วยความแค้น มือใหญ่กำเข้าหากันแน่น ก่อนจะก้าวเท้าด้วยท่าทีมั่นคงขึ้นบันไดแค่ไม่กี่ขั้นแล้วผลักประตูตำหนักให้เปิดออกกว้างพร้อมกับประกาศก้อง หวังว่าจะได้พบน้องสาวอยู่ในตำหนักแห่งนี้ “จันทร์เจ้า พี่มารับน้องกลับบ้านแล้ว!” ภายในตำหนักของชีคฟารีสต์ ทุกคนกำลังเคร่งเครียดกับการประชุมวางแผนเพื่อค้นหาจิลลาภัทร ซึ่งถูกเจ้าชายอะเดลีจับตัวไปก่อนที่ภูริชจะเดินทางมาถึงประเทศ อัสดารานส์แค่เพียงหนึ่งวัน คำประกาศก้องของภูริช ทำให้ชีคฟารีสต์ เจ้าหญิงฟาติยาและองครักษ์อีกหลายคน ซึ่งกำลังประชุมกันอย่างเคร่งเครียดได้หันไปมองผู้มาเยือนเป็นสายตาเดียว และชีคฟารีสต์ก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง เพราะคาดไม่ถึงว่าพี่ชายของจิลลาภัทรจะเดินทางมาที่ประเทศอัสดารานส์เร็วกว่าที่คิดไว้มาก “ไอ้ตะวัน!” ชีคฟารีสต์เค้นเสียงเรียกขณะจ้องมองผู้ที่มาเยือนราวกับไม่เคยเห็น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD