บทที่ 10

1261 Words
ภูริชไม่เกี่ยงเรื่องการบินจากกรุงลอนดอนมายังประเทศไทย แม้สายการบินที่บินตรงจากแดนผู้ดีมายังประเทศไทยเต็มทุกที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็นชั้นประหยัดหรือชั้นธุรกิจ เขาก็เลือกเดินทางด้วยสายการบินอื่น ที่ต้องทำการเปลี่ยนเครื่องบินหนึ่งครั้ง ก่อนจะบินมาประเทศไทยในที่สุด และแม้ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินเกือบสิบห้าชั่วโมง แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีบ่น ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย นาทีนี้เขาต้องการเดินทางถึงประเทศไทยให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้สอบถามกับนวินดา คนที่เป็นทั้งเพื่อนและเลขาฯ ส่วนตัวของจิลลาภัทรว่า จิลลาภัทรได้เดินทางไปประเทศอัสดารานส์ตั้งแต่เมื่อไร และทันทีที่รถเบนซ์สีดำได้แล่นมาจอดภายในบริเวณคฤหาสน์หรูหรา ซึ่งมีพื้น ที่หลายสิบไร่ เจ้าพ่อแห่งคิง ออฟ พาราไดซ์ ก็รีบก้าวยาวๆ เข้าไปในบ้าน พร้อมกับตะโกนหาคนที่เป็นเพื่อนรักของน้องสาว “วินด้า! ยายวินด้าอยู่ไหน” คนที่ถูกตะโกนเรียกเสียงดังลั่นบ้าน แทบวิ่งออกมาจากห้องนอนไม่ทัน เธอเพิ่งกลับมาจากบริษัทได้เมื่อสักครู่ และยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงนั่ง ก็ได้ยินเสียงเจ้าของบ้านตะโกนเรียกดังทั่วท้องทุ่ง “มาแล้วค่ะคุณตะวัน วินด้ามาแล้วค่ะ” นวินดาตะโกนบอกพร้อมกับวิ่งเร็วๆ ลงมาตามบันไดบ้าน นึกหวาดเสียวอยู่เหมือนกันว่าหากสะดุดล้มเข้า คงได้หัวทิ่มตกบันไดคอหักตายแน่ “พี่ตะวัน มาถึงเมื่อไรคะ” นวินดาถามเสียงปนหอบ เมื่อวิ่งมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ กับร่างสูงใหญ่กำยำ ซึ่งยังคงอยู่ในชุดสูทเต็มยศ “เรื่องของพี่ไว้พูดทีหลัง ตอนนี้พี่อยากรู้ว่าทำไมเธอถึงได้ปล่อยให้จันทร์เจ้าหนีไปเที่ยวที่ประเทศอัสดารานส์ ทั้งๆ ที่พี่สั่งห้ามไว้แล้ว” ภูริชมักจะแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เสมอเวลาเอ่ยพูดกับผู้ที่เป็นเพื่อนรักของน้องสาว ในขณะที่นวินดาเองก็เจียมเนื้อเจียมตัว เรียกภูริชผู้มีพระคุณต่อตนเองด้วยคำว่า ‘คุณ’ แม้ภูริชเคยบอกให้เธอเรียกเขาว่าพี่ตามที่จิลลาภัทรได้เอ่ยเรียก แต่เธอก็ไม่คิดอาจเอื้อมตีตนเสมอนาย “คือ...คือ...วินด้าพยายามห้ามแล้วค่ะ แต่คุณจันทร์เจ้าก็ยืนกรานว่าอยากจะไปเที่ยวทริปนี้ให้ได้ คุณจันทร์เจ้าบอกว่ารอโอกาสนี้มานานแล้วนะคะ” นวินดากำลังอยู่ในข่ายที่เรียกว่า กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนนี้ก็นาย คนโน้นก็นาย ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพื่อไม่ให้ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนรักและเป็นเจ้านายของตัวเองต้องถูกพี่ชายทำโทษเอา “ฮึ! จันทร์เจ้าคงกระโดดตีปีกแน่นๆ ตอนที่รู้ว่าพี่จะไปประชุม ถ้าให้พี่เดา พอพี่ขึ้นเครื่องบินไปแล้ว จันทร์เจ้าก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าทันทีเลยใช่ไหม” ภูริชเอ่ยคาดเดาอย่างรู้นิสัยของน้องสาวดี และรู้ด้วยว่านวินดาคงไม่กล้าห้ามปรามจิลลาภัทรเช่นเดียวกัน นวินดายิ้มเจื่อนๆ ให้ภูริช ก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ “คุณจันทร์เจ้าออกเดินทางหลังคุณตะวันหนึ่งวันค่ะ” “มีประเทศแถบทะเลทรายเป็นสิบเป็นร้อยให้เลือกไปเที่ยว แต่ทำไมจันทร์เจ้าต้องจำเพาะเจาะจงไปเที่ยวที่ประเทศอัสดารานส์ด้วย จันทร์เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าพี่สั่งห้ามนักห้ามหนา ไม่ให้ไปเหยียบแผ่นดินประเทศนี้” เพราะมีความแค้นความหลังกับชีคฟารีสต์ผู้เป็นเจ้าของประเทศ ภูริชจึงสั่งห้ามไม่ให้น้องสาวไปเที่ยวแผ่นดินทะเลทรายที่ว่า แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะจิลลาภัทรขัดคำสั่งของเขาเรียบร้อยแล้ว “คุณจันทร์เจ้าบอกว่าอยากไปดูพระจันทร์เต็มดวงที่ประเทศอัสดารานส์ค่ะ” “อุว่ะ! ที่เมืองไทยไม่มีพระจันทร์ดวงกลมๆ หรือยังไง จันทร์เจ้าถึงต้องถ่อสังขารข้ามทวีปโลกเพื่อไปดูดวงจันทร์ดวงเดียว” ภูริชร้องขัดขึ้นมาด้วยความโมโห ทั้งๆ ที่นวินดาบอกเหตุผลยังไม่หมดด้วยซ้ำไป และตอนนี้ก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกหลายเท่า เมื่อคิดว่าน้องสาวไปเที่ยวประเทศของชีคฟารีสต์ด้วยเหตุผลอันแสนไร้สาระ ประเทศไหนๆ ก็มีดวงจันทร์เต็มดวงทั้งนั้น ทำไมจิลลาภัทรต้องเลือกไปประเทศอัสดารานส์ด้วย เธอไม่รู้หรืออย่างไรว่าชีคฟารีสต์จ้องจะทำร้ายเธออยู่ ‘ดูแลน้องสาวให้ดีๆ นะไอ้ตะวัน ไม่ยังงั้นน้องสาวของนายได้ตกเป็นของเล่นของเราแน่’ คำขู่ของชีคฟารีสต์ยังคงดังก้องอยู่ในหัวสมองของเขาเสมอ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าชีคฟารีสต์ขู่แต่ปาก เพราะอีกฝ่ายคงไม่มีเวลามาตามแก้แค้นเขาถึงประเทศไทย แต่นี่น้องสาวของเขากลับเป็นฝ่ายเดินเข้าถ้ำเสือ ไปเป็นอาหารอันแสนโอชะให้ชีคฟารีสต์เชือดถึงถิ่น นวินดายิ้มแห้งๆ ตอนได้ยินภูริชสบถลั่นด้วยความโมโห ถ้าหากเธอบอกเหตุผลทั้งหมดให้ทราบ ภูริชคงได้โมโหหนักกว่านี้อีกแน่ “ที่คุณจันทร์เจ้าอยากไปดูพระจันทร์เต็มดวงในประเทศอัสดารานส์ ก็เพราะมีคำเล่าลือว่า หากใครได้ขึ้นไปชมดวงจันทร์เต็มดวงบนหอคอยในวิหารศักดิ์สิทธิ์ และอธิษฐานขอพรให้พบกับเนื้อคู่ คนเหล่านั้นก็จะสมหวังในพรที่ได้ขอไป คุณจันทร์เจ้าบอกด้วยว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้แค่ปีละครั้ง และช่วงจังหวะที่คุณจันทร์เจ้าจะเดินทางไปที่ประเทศอัสดารานส์ ก็มีพิธีราชาภิเษกพอดี ซึ่งเขาจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยค่ะ” “จันทร์เจ้าฟังคำเล่าลือมาจากไหนกัน มีใครบ้างที่สมหวังหลังจากขอพร จันทร์เจ้าท่าจะฟังนิทานหลอกเด็กมากเกินไปแล้ว” ภูริชตำหนิน้องสาวของตน ก่อนจะหันมาเล่นงานนวินดาบ้าง “ทำไมวินด้าไม่ไปกับจันทร์เจ้าด้วย วินด้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าบ้านเมืองนั้นมันไม่ปลอดภัยสำหรับจันทร์เจ้า” นวินดาหน้าเสียเล็กน้อย เมื่อถูกผู้มีพระคุณตำหนิต่อว่าเอา “วินด้าอยากไป เหมือนกันค่ะคุณตะวัน แต่ว่าวินด้าต้องอยู่ทำงานแทนคุณจันทร์เจ้าทั้งหมดนะคะ” “เฮ้อ...ปวดหัวกับจันทร์เจ้าจริงๆ” ภูริชบ่นอุบ ไม่นึกว่าน้องสาวจะดื้อด้านขัดคำสั่งของเขาเสียทุกอย่าง “ตั้งแต่จันทร์เจ้าไปประเทศอัสดารานส์ วินด้าได้ติดต่อกับจันทร์เจ้าบ้างหรือเปล่า” “คุณจันทร์เจ้าโทรมาหาวินด้าแล้วค่ะ บอกว่าถึงประเทศอัสดารานส์แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นก็ไม่ได้โทรมาอีกเลย วินด้าเองก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการต้อนรับลูกค้าจากต่างประเทศ ที่เดินทางมาดูเครื่องเพชรชุดใหญ่ วินด้าก็เลยไม่ได้โทรหาคุณจันทร์เจ้าสักทีค่ะ” นวินดาไม่ได้เอ่ยแก้ตัว เพราะหลายวันที่ผ่านมา มีลูกค้ารายใหญ่จากต่าง ประเทศถึงสี่ราย ที่ได้เดินทางมาชมอัญมณีที่ทางบริษัทได้จัดจำหน่าย ลูกค้าเหล่านั้นชื่นชอบการออกแบบเครื่องประดับที่เป็นแบบไทยๆ กอปรกับเพชรเม็ดงามที่ทางบริษัทได้คัดสรรเลือกมาทำเครื่องประดับราคาแพง ทำให้พวกเขาตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องประดับล้ำค่าจากทางบริษัท
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD