บทที่ 9

1287 Words
ประโยคสุดท้ายชีคฟารีสต์เค้นตอบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ลดใบหน้าคมเข้มลงต่ำ กระทั่งจมูกโด่งเป็นสันสัมผัสกับปลายจมูกเล็ก ลมหายใจอุ่นๆ หอมสะอาดเป่ารินรดทั่วใบหน้างามที่เริ่มแดงซ่านไปทั่ว ก่อนจะเค้นเสียงเยาะหยันออกมาอีกครั้ง “ตอนอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ใครๆ ก็รู้ว่าไอ้ตะวันหวงน้องสาวมาก เราอยากเห็น ใบหน้าหล่อๆ ของมันจริงๆ ว่ามันจะทำหน้าอย่างไร ตอนที่มันรู้ว่าเจ้าอยู่กับเราที่นี่” จิลลาภัทรหน้าถอดสีเผือดมากกว่าเดิม เมื่อจู่ๆ ก็กลายมาเป็นเหยื่อในการแก้แค้นของชีคฟารีสต์ หญิงสาวหายใจหัวเร็ว เมื่อริมฝีปากร้อนผะผ่าวได้ลดลงต่ำสัมผัสบางเบาบนเรียวปากอิ่มสีหวาน เธอพยายามผงะถอยหนี พร้อมกับตะโกนด่าคนที่สวม กอดตัวเธอไว้แนบแน่น “ท่านชีค! ท่านกำลังทำไม่ถูกต้อง ท่านมีปัญหาส่วนตัวกับพี่ตะวัน แล้วทำไมไม่เคลียร์กันเอง ท่านจะดึงฉันไปเกี่ยวข้องด้วยทำไม” ชีคฟารีสต์เผยสีหน้าตกใจตอนถูกจิลลาภัทรตะโกนสั่งสอน แต่กระนั้นก็ยังยิ้มกว้าง แล้วเอ่ยตอบให้จิลลาภัทรได้เห็นลางพ่ายแพ้ของตัวเอง “แก้แค้นกับเจ้าสิถึงจะสนุก ตัวเจ้าทั้งนุ่มเนียนมือ หอมละมุนติดจมูก และดูท่าว่าจะหวานฉ่ำอยู่ไม่น้อย” ขณะกระซิบตอบเสียงสั่นพร่า มือใหญ่ก็ลูบไล้ทั่วดวงหน้างาม ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากร้อนผ่าวลงบนเรียวปากสีกุหลาบ เพื่อพิสูจน์ว่าเรียวปากอิ่มคู่นี้จะหวานฉ่ำดังที่นึกคิดและจินตนาการไว้หรือเปล่า จิลลาภัทรพยายามขบเม้มเรียวปากไว้แน่น ไม่ให้ลิ้นนุ่มร้อนผ่าวได้สอดเข้าไปกระหวัดชิมความหวานฉ่ำที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน ขณะเดียวกันก็พึมพำตะโกนด่าเสียงอู้อี้ “ปล่อย! ไอ้ชีคบ้า” ชีคฟารีสต์หาสนใจคำตะโกนด่าของจิลลาภัทรไม่ เมื่อเรียวปากอิ่มไม่ยอมเปิด ทางให้ค้นหาแหล่งน้ำทิพย์อันชุ่มฉ่ำหวานล้ำ ก็เอื้อมทั้งสองกอบกุมเคล้นคลึงปทุมถันงามสล้างที่ถูกสร้างมาเพื่อพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น การแก้แค้นของชีคฟารีสต์คงได้ดำเนินเกมต่อจนกระทั่งสุขสมเป็นแน่ ถ้าหากเสียงโทรศัพท์มือถือของจิลลาภัทรไม่ดังขึ้นซะก่อน และผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ไม่มีสิทธิ์กดรับสาย เพราะชีคฟารีสต์ไวกว่ามาก รีบคว้าโทรศัพท์ของจิลลาภัทรมากดรับสาย และด้วยมั่นใจเกินร้อยว่าคนที่โทร.มาจะต้องเป็นพี่ชายของหญิงสาวแน่ๆ จึงกดรับสายพร้อม กับเค้นเสียงทักทายเย็นยะเยือกว่า “สวัสดีไอ้ตะวัน” สิ่งที่ภูริชทำเป็นกิจวัตรแทบจะประจำวันเมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่พักแล้วคือการโทร.เช็คความเคลื่อนไหวของจิลลาภัทร และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาภายในห้องพักในโรงแรมหรูแล้วก็หยิบโทรศัพท์โทร.หาน้องสาวในทันที นอกจากจะสอบถามความเป็นอยู่ของจิลลาภัทรแล้ว เขาจะบอกให้น้องสาวรู้ด้วยว่าการแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรในแบรนด์ วิชชุกร ได้รับการตอบรับเกินคาด ลูกค้าต่างก็สนใจและสั่งจองเครื่องเพชรเป็นจำนวนมาก ซึ่งทันทีที่เขากลับถึงประเทศไทย ลูกน้องในบริษัทของเขาได้ทำงานมือเป็นระวิงแน่ แค่ออร์เดอร์สั่งจองเครื่องเพชรที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้มีถึงสองพันรายการแล้ว ยังไม่นับรวมการจองที่จะตามมาอีกเรื่อยๆ ด้วย ขณะรอสัญญาณให้จิลลาภัทรรับสาย ใบหน้าของภูริชก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มของความภาคภูมิใจที่ธุรกิจเครื่องประดับของตนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่แล้ว...รอยยิ้มที่ปรากฏบนในหน้าคมเข้มก็มีอันต้องจางหายไป เมื่อปลาย ทางได้กดรับสาย และมีน้ำเสียงห้าวห้วนเอ่ยทักทายแทนที่จะเป็นน้ำเสียงหวานๆ ของน้องสาวของเขา “สวัสดีไอ้ตะวัน” ภูริชขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง เมื่อได้ยินเสียงทักทายเป็นเสียงบุรุษหนุ่ม หาใช่น้ำเสียงของจิลลาภัทรไม่ เขาเอาโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู แล้วมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เพื่อให้มั่นใจว่าตนเองไม่ได้กดผิด ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเขาได้กดโทรออกจากรายชื่อที่ได้บันทึกไว้ในโทรศัพท์ ซึ่งไม่มีทางโทรผิดเบอร์อย่างแน่นอน “คุณเป็นใคร ทำไมถึงเอาโทรศัพท์ของจันทร์เจ้ามาใช้” ขณะเอ่ยถามภูริชก็พยายามคิดในทางที่ดีว่า จิลลาภัทรอาจทำโทรศัพท์หายและมีคนอื่นเก็บได้ แต่เขาลืมนึกไปว่าปลายทางที่กดรับสาย ได้เรียกชื่อเล่นของเขาได้อย่างถูกต้อง “ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่ปี จำไม่ได้แล้วหรือว่าเราคือใคร” เจอคำถามนี้เข้า ภูริชก็พยายามนึกทบทวนว่าใครคือเจ้าของน้ำเสียงเยาะหยันเสียงนี้ แต่เมื่อนึกไม่ออกก็ตะคอกถามเสียงดังลั่น “แกเป็นใคร เอาโทรศัพท์ของจันทร์เจ้ามาใช้ได้ยังไง” ชีคฟารีสต์หัวเราะร่วนเสียงดัง จากนั้นก็เค้นเรียกชื่อภูริชอย่างเน้นคำ ด้วยสรรพนามที่พระองค์เคยเรียกอีกฝ่ายเสมอ ตอนที่พำนักอยู่ในรัฐอิลลินอยส์ “ฮึๆ ไม่นึกว่า ‘ไอ้กระจอก’ จะลืมเราได้เร็วถึงเพียงนี้” “ชีคฟารีสต์!” คราวนี้ภูริชตะโกนดังลั่นกว่าเดิม เริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ เมื่อรับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร “นายไปทำอะไรที่บ้านของเรา แล้วจันทร์เจ้าอยู่ที่ไหน เรียกเธอมารับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้” ชีคฟารีสต์ทรงหัวเราะอีกครั้งกับคำสั่งของภูริชที่ไม่มีผลต่อพระองค์สักนิด “พูดผิดพูดใหม่ได้นะไอ้กระจอก เราไม่ได้อยู่ที่บ้านของเจ้า แต่น้องสาวของเจ้าต่างหากที่โผบินเข้ามาอยู่ในกรงทองของเรา” “หมายความว่ายังไงชีคฟารีตส์” ภูริชตะโกนถามด้วยความหวาดกลัว ไม่อยากนึกคิดไปไกลว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของตน เมื่อต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของชีคจอมบ้าอำนาจ “เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็คิดไม่ออก” ชีคฟารีสต์เยาะหยัน ก่อนจะเค้นเสียงบอกให้อีกฝ่ายได้คลั่งเพราะความโกรธ “จะบอกให้เอาบุญนะไอ้กระจอก ตอนนี้น้องสาวของเจ้าเป็นเมียของเราแล้ว” “ชีคฟารีสต์! ปล่อยจันทร์เจ้าเดี๋ยวนี้” ภูริชตะโกนสั่งดังลั่น แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะราชนิกุลหนุ่มผู้มีชัยเหนือกว่าได้กด ตัดสาย พร้อมกับปิดโทรศัพท์เพื่อป้องกันไม่ให้ภูริชโทรมารบกวนเวลาสำราญของพระองค์ “บ้าชะมัด ไอ้ชีคบ้ามันกดวางสายแล้ว” ภูริชกัดฟันกรอดขณะสบถลั่น ลองกดโทร.หาน้องสาวอีกหลายๆ ครั้ง ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะนอกจากจะตัดสายทิ้งแล้ว ชีคฟารีสต์ยังปิดโทรศัพท์เพื่อตัดขาดการติดต่อด้วย “ไอ้ชีคจอมบ้าอำนาจ” ภูริชยังตะโกนด่าไม่มีหยุด และเมื่อนึกถึงคำพูดของชีคฟารีสต์ที่บอกว่าจิลลาภัทรตกเป็นเมียของพระองค์แล้ว ก็เป็นห่วงน้องสาวจับใจ และไม่รอช้ารีบผุดลุกขึ้นจัดกระเป๋าเดินทาง เพื่อบินกลับประเทศไทยเป็นการเร่งด่วน “ชีคฟารีสต์ ถ้าคุณรังแกจันทร์เจ้า ทำให้น้องสาวของผมต้องน้ำตาตก คุณได้เจอกับผมแน่ ชีคก็ชีคเถอะ พ่อจะซัดให้น่วมเลย” ภูริชเค้นเสียงคาดโทษด้วยความโกรธแค้นไปถึงประมุขแห่งแผ่นดินทะเลทราย ซึ่งเป็นคู่แค้น คู่กัดกับเขาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD