“ท่านพ่อใจเย็นค่ะ” เจ้าหญิงอลีมาเอ่ยห้ามพระบิดาติดน้ำเสียงขุ่น ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเย็น “ในวันราชาภิเษกสถาปนาชีคฟารีสต์ขึ้นเป็นประมุขแห่งประเทศอัสดารานส์ อลีมาได้เตรียมของขวัญชิ้นพิเศษไว้ให้ท่านชีคพระองค์ใหม่แล้ว รับรองว่าชีคฟารีสต์ต้องนึกไม่ถึงกับเรื่องเซอร์ไฟรส์ในครั้งนี้แน่นอนค่ะ”
ประมุขแห่งประเทศอะเดลาคลี่ยิ้มออกมาได้ จากนั้นก็หันไปมองโอรสที่ยังนั่งนิ่งเฉย ก่อนจะตรัสถามออกมา เพื่อให้มั่นใจว่าโอรสหนุ่มจะไม่ทำให้พระองค์ต้องผิดหวัง
“แล้วเจ้าล่ะอะเดลี เจ้าจะเผด็จศึกเจ้าหญิงฟาติยาด้วยวิธีใด”
“อีกไม่นานท่านพ่อก็จะรู้เอง ผมเตรียมแผนไว้รอรับเจ้าหญิงฟาติยาแล้ว รับรองว่าเจ้าหญิงฟาติยาต้องตกเป็นของผมในเร็ววันนี้แน่”
เจ้าชายอะเดลีกระตุกยิ้มตรงมุมปาก ดวงตาอันแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมไหววาบกับแผนการที่เตรียมไว้มอบให้กับเจ้าหญิงฟาติยา ไม่นานเกินรอเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์คนนี้ต้องมานอนครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา เจ้าหญิงจะต้องหลงใหลกับเซ็กซาดิสม์ที่เขาเตรียมไว้ให้ และจะอ้อนวอนให้เขามอบเซ็กอันดิบเถื่อนให้กับเธอในตลอดเวลา
ระหว่างที่ภูริชเข้าร่วมประชุมกับผู้ค้าอัญมณีระดับโลก และเข้าชมพร้อมทั้งนำเครื่องประดับราคาแพงลิบในแบรนด์วิชชุกรเข้าร่วมแสดงแฟชั่นโชว์อัญมณีในกรุงลอนดอน ทางด้านของจิลลาภัทรก็ขัดคำสั่งของพี่ชาย แอบหนีมาเที่ยวประเทศอัสดารานส์จนได้
และแค่เพียงวันแรกที่เดินทางมาถึงแผ่นดินทะเลทราย จิลลาภัทรก็ต้องเจอกับเหตุการณ์เสี่ยงตายเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อผ้าพันคอของเธอถูกกระแสลมพัดกระทั่งปลิวไปตกอยู่ในสนามประลองความเร็วม้า และขณะเข้าไปคว้าผ้าพันคอกลับคืนก็เกือบถูกเจ้าอาชาไนยของชีคฟารีสต์เหยียบเอา หากท่านชีคผู้นี้ไม่บังคับม้าให้หลบไปอีกทางได้ซะก่อน
แม้จะปลอดภัยจากการถูกม้าเหยียบ แต่จิลลาภัทรก็ยังไม่หายตกใจ และขณะกำลังจะกลับโรงแรม หญิงสาวก็เผอิญเก็บสร้อยคอของชีคฟารีสต์ที่ทำตกไว้ตรงบริเวณสนามประลองความเร็วม้า
และในค่ำคืนวันเดียวกันนั้น ผู้เป็นเจ้าของสร้อยคออันล้ำค่าก็มาทวงถามเอาสร้อยคอคืนจากจิลลาภัทรถึงห้องพักในโรงแรม
จิลลาภัทรเบิกตาโตอ้าปากค้าง อยู่ในอาการที่เรียกว่าตกใจแทบช็อก เมื่อจู่ๆ ราชนิกุลหนุ่มได้มายืนอยู่ตรงหน้า ทั้งๆ ที่เธอล็อกประตูห้องพักไว้อย่างแน่นหนา พอเห็นชีคฟารีสต์เข้ามาในห้องก็ร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นและลุกพรวดจากอ่างจากุซซี่ ลืมซะสนิทใจว่าตอนนี้ตัวเธอไม่มีอาภรณ์ปกปิดร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว
“กรี๊ดดดด!!! คุณ...ท่านชีค เข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง”
ชีคฟารีสต์ถึงกับลืมหายใจชั่วขณะ กลืนน้ำลายลงคอ กัดฟันกรอดเพื่อระงับไฟสวาทซึ่งกำลังปะทุเดือดพล่าน เมื่อมองปะทะกับเรือนร่างอรชรเปล่าเปลือย ที่อวดความงดงามอยู่ตรงหน้า และต้องใช้เวลาหลายนาที กว่าจะควบสติได้และเค้นตอบพร้อมกับกระตุกยิ้มตรงมุมปาก
“โรงแรมนี้เป็นของเรา ทำไมเราจะเข้ามาในห้องของเจ้าไม่ได้”
“ท่านมาเอาสร้อยคืนใช่ไหม มันวางอยู่บนหัวเตียง เอาคืนไป แล้วออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว”
จิลลาภัทรชี้นิ้วตวาดออกคำสั่ง ขณะเดียวกันดวงตาคู่สวยก็สอดสายตามองหาลู่ทางที่จะวิ่งหนีจากเงื้อมมือของชีคฟารีสต์
“เราไม่ได้ต้องการแค่สร้อยกลับคืน แต่เราต้องการอย่างอื่นด้วย”
ชีคฟารีสต์ผู้ฟังคำสั่งใครไม่เป็น หาได้ทำตามคำสั่งของจิลลาภัทรไม่! ขณะเอ่ยตอบเสียงติดสั่นพร่า เรือนกายกำยำก็ย่างก้าวเข้าหาจิลลาภัทรราวกับราชสีห์กำลังจะตะครุบกระต่ายน้อยเนื้อหวาน ดวงตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวจ้องมองร่างบางเปล่าเปลือยที่กระเถิบกายถอยหนี ยิ่งเพ่งสายตามองดวงหน้างามลออ ก็ยิ่งรู้สึกว่าคุ้นสายตากับใบหน้าและดวงตาคู่นี้ และก็นึกคิดถึงคำพูดของพนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่บอกกับพระองค์ว่า
‘คุณจิลลาภัทร วิชชุกร เธอพักอยู่ชั้นสิบ ห้องหมายเลขเก้าครับ’
“จิลลาภัทร วิชชุกร...วิชชุกร”
เจ้าแห่งทะเลทรายพึมพำอยู่ในลำคอ แล้วจู่ๆ ใบหน้าคมเข้มก็ตีสีหน้าถมึงทึง ดวงตาลุกวาบด้วยไฟโทสะ ก่อนจะเค้นถามเสียงลอดไรฟัน เมื่อนึกออกแล้วว่าเคยได้ยินนามสกุลนี้มาจากที่ไหน
“วิชชุกร นามสกุลของไอ้ภูริช เธอเป็นอะไรกับไอ้ภูริช วิชชุกร”
จิลลาภัทรทั้งจุกทั้งเจ็บ ตอนถูกกระชากให้ปะทะกับกำแพงมนุษย์หนาแข็งแกร่ง หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีจากสายตาคมกริบ ซึ่งกำลังจ้องมองเขม็งขณะเค้นเอาคำตอบ แต่ด้วยปลายนิ้วที่ยังคงจับยึดปลายคางมนไว้แน่น ส่งผลให้เธอทำตามใจต้องการไม่ได้ และเมื่อถูกจ้องเขม็งไม่วางตา ก็จำใจเอ่ยตอบคำถามออกมาในที่สุด
“พี่ตะวันเป็นพี่ชายของฉัน ท่านชีครู้จักพี่ตะวันด้วยหรือคะ”
ชีคฟารีสต์ไม่รู้ตัวเลยว่าได้คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ตอนได้ยินคำตอบซึ่งหลุด
ออกมาจากเรียวปากสีสวย พอรู้ว่าจิลลาภัทรยังไร้ซึ่งพันธะ ไร้ซึ่งภมรดอมดม พระองค์ก็ไม่ลังเลที่จะผูกมัดให้หญิงสาวตกเป็นเครื่องมือการแก้แค้นของพระองค์
“ทำไมเราจะไม่รู้จักไอ้ตะวันพี่ชายของเจ้า เรารู้จักและจำหน้ามันได้ไม่เคยลืม ว่ามันเป็นคนแย่งผู้หญิงของเราไป”
ประมุขแห่งแผ่นดินทะเลทรายตอบเสียงห้วน ดวงตาสีนิลลุกวาบด้วยไฟแห่งความแค้น ตอนพระองค์ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยชิคาโก พระองค์ถูกหนุ่มชาวไทย ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นวิชาเรียนได้หักหน้า ทำให้พระองค์ขายหน้าผู้คนทั่วทั้งมหาวิทยาลัย พระองค์ไม่ได้เสียดายผู้หญิงที่มากรักใจโลเลทิ้งพระองค์ไปซบอกไอ้หนุ่มชาวไทย แต่พระองค์รู้สึกเสียหน้าที่ถูกหนุ่มชาวไทย ซึ่งพระองค์จำชื่อได้ไม่เคยลืมว่าชื่อ ภูริช วิชชุกร ได้ลูบคม
จิลลาภัทรหน้าถอดสีเผือด รู้แล้วว่าเพราะเหตุใด พี่ชายถึงห้ามนักห้ามหนาไม่ให้มาเที่ยวยังแผ่นผืนทะเลทราย โดยเฉพาะประเทศอัสดารานส์ ที่เธอดื้อดึงอยากจะมาเที่ยวให้ได้
“ท่านชีคจำผิดคนหรือเปล่าคะ พี่ตะวันไม่มีทางแย่งผู้หญิงของใครอย่างเด็ด
ขาด”
ทั้งๆ ได้ยินคำตอบจากชีคฟารีสต์อย่างชัดเจนแล้ว แต่จิลลาภัทรก็พยายามเอ่ยแก้ต่างให้กับพี่ชาย
“ฮึ! ใครจำหน้าคนที่แย่งผู้หญิงของตัวเองไม่ได้ ก็ถือว่าแย่แล้วล่ะจันทร์เจ้า ต่อให้ผ่านไปอีกสิบปียี่สิบปี เราก็จำพี่ชายของเจ้าได้แม่นยำ และเราจะแก้แค้นไอ้ตะวันกลับคืนด้วย”