"นี่ๆ เขาว่าหมื่นพิพัฒน์โดนคนทำร้ายจนสลบหลังตลาด แหม่... ข้าสะใจนักกรรมตามทันจริงจริ๊งแม่ป้าว่าเป็นผู้ใดที่กล้าทำเรื่องใหญ่เช่นนี้" เผือกแวะมาเยี่ยมแก้วพูดคุยกับป้าศรีและแก้วอย่างออกรสออกชาติราวไม่ได้เจอกันเป็นปี แก้วคิดหนักเกี่ยวกับข่าวที่เผือกมาแจ้งเขาพอรู้ว่าเป็นฝีมือใคร คราวก่อนเขามีเรื่องกับนักเลงชนไก่แถวทุ่งมหาเมฑก็ได้นางช่วยไว้
"ข้าว่าอาจเป็นแม่ทูนหัวเจ้าแก้วก็ได้นะ คุณนายนิ่มนางค่อนข้างนักเลง ลูกน้องเก่าผัวนางก็มีแต่พวกนักมวยวัดดังๆ ทั้งนั้น ถ้ามิใช่คุณนายข้าก็นึกไม่ออกว่าใครจักกล้าหือกับหัวหมื่น เอ... หรือว่าจะเป็นท่านเจ้าคุณ ไม่กระมังท่านเป็นคนตรงๆ ไม่น่าทำเช่นนั้น" เผือกครุ่นคิดหยิบหมากที่ป้าศรีเจี่ยนไว้ใส่ปาก
"ข้าก็ว่าคุณนายนิ่มเป็นแน่ ข้าเลี้ยงไอ้แก้วมาไม่เคยเห็นมันจักไปหาเรื่องผู้ใดก่อน สมควรแล้วที่หัวหมื่นโดนตีน"
ยศตั้งแต่เห็นเรไรมาเยี่ยมแก้วหลายวันก่อนก็หายหน้าไปเลย ซึ่งทุกคนก็ดีใจทีทั้งคู่ไม่ต้องเจอกันจะได้ไม่ทะเลาะกันอีก คุณยิ้มเองก็เคืองพี่สาวและพี่เขยไม่มาที่เรือนใหญ่ถ้าไม่จำเป็น
"แก้วไม่มากินข้าวร่วมสำรับเดียวกันเสียให้เสร็จมาเร็ว" ขุนวิชิตเรียกแก้วให้มารับประทานอาหารด้วยกันที่สำรับใหญ่ ที่เรือนนี้เจ้านายกับบ่าวรับประทานอาหารพร้อมกันเพียงแต่แยกสำรับ แก้วยังคงนั่งทานกับป้าศรีลุงเจิมและม่วงเช่นเดิม ถึงเขาจะถูกยกฐานะขึ้นมาเทียบนายบนเรือนแต่เขายังคงปฏิบัติตนไม่เคยเปลี่ยนยังคงเสมอต้นเสมอปลาย ตอนนี้ขาเขาก็หายดีแล้วใช้เวลาเกือบเดือนถึงหาย เขาเดินดูบริเวณบ้านอันกว้างขวางอย่างเบื่อหน่าย ขุนวิชิตไม่ให้เขาไปหาข่าวเหมือนเช่นเคยเพราะกลัวจะได้รับอันตรายเขาจึงคิดว่าจะทำอะไรดีเพราะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ทำงานเยอะเหมือนแต่ก่อน มีเพียงหน้าที่เลี้ยงไก่เลี้ยงม้าที่ไม่ยอมเลิกทำกับช่วยคัดเอกสารราชการต่างๆ ตามสั่ง มองดูแปลงผักที่ตนเองเคยปลูกไปขายที่ตอนนี้ว่างเปล่าจึงคิดที่จะหาเบี้ยผักมาปลูกไว้ขายอีกครั้ง ยศกับพวกนั่งเล่นหมากรุกอยู่ใต้ต้นไทรเจอแก้วก็ไม่วายหาเรื่องอีก เขาเดินหนีไม่สนใจแต่หมานบ่าวของยศเดินไปดักหน้าและยังพูดจาหาเรื่อง ยศเดินมาผลักอกแก้วเหยียดยิ้ม
"บัดเดี๋ยวนี้เดินชูคอไม่เห็นหัวข้าเลยนะไอ้ขี้คอก ได้ขึ้นไปอยู่เรือนใหญ่หน่อยเริ่งซะ"
ยศอดไม่ได้ที่จะตอแยแก้วทั้งที่โดนสั่งแล้วก็ตาม เห็นหน้าแก้วที่ไรให้นึกถึงหน้าเรไรก็แค้นใจที่หญิงสาวไม่สนใจจึงหาทางระบาย
"คุณยศต้องการกระไรว่ามา กระผมมีงานต้องทำมิว่างทำตัวลอยไปลอยมาไร้สาระไปวันๆ
แก้วอดที่จะเหน็บแนมไม่ได้ ในเมื่อเขายิ่งยอมยศก็ยิ่งได้ใจเช่นนั้นก็ตาต่อตาฟันต่อฟันแล้วกัน
"นี่เอ็งว่าข้ารึ! อยากโดนตีเหมือนคราวก่อนสินะ!!"
ไม่ทันขาดคำยศสั่งบ่าวของเขาสามคนช่วยกันทำร้ายแก้วโดยไม่ลืมสั่งห้ามต่อยใบหน้าเด็ดขาดให้ต่อยท้องอย่างเดียว แก้วหลบหมัดพันลวันก่อนจะต่อยเข้าที่ท้องและถีบพวกหมานจนล้มกองที่พื้น ถ้าเป็นบ่าวพวกนี้เขาสู้ได้สบายไม่กลัวใครทั้งนั้น เขามองดูยศสีหน้าเรียบเฉย ยศเริ่มเหงื่อออกตามใบหน้าเขาเรียกพวกบ่าวให้มาช่วยแต่ยศโดนแก้วถีบกระเด็นใส่ต้นไทร แก้วบีบเข้าที่คอของยศสีหน้าบ่งบอกว่าเหลืออดเต็มทน เขาพยามยามสงบสติอารมณ์แล้วแต่ยศยังมายุ่งกับเขาอีกจึงให้พลานนึกถึงตอนที่ตนโดนทำร้ายว่าเจ็บปวดขนาดไหน
"ไอ้คุณยศข้าบอกเอ็งก็หลายครั้งหลายคราแล้วไม่ให้มายุ่งกับข้าให้ต่างคนต่่งอยู่! คราก่อนที่ให้คนซ้อมข้าอุตส่าห์ไม่ถือสาหาความด้วยเห็นเอ็งเป็นคนในครอบครัวต้องอยู่เจอหน้ากันอีกนานแต่เอ็งนี่วอนโดนตีนเหลือเกิน ทำไมฮะ... ถ้ามิได้แกล้งข้าสักวันจะตายเยี่ยงนั้นหรือ คนเยี่ยงเอ็งนี่นอกจากชาติตระกูลร่ำรวยแล้วข้าไม่เห็นมีดีกระไรสักอย่าง ชอบทำตัวเป็นหมาลอบกัด! ถุย!"
แก้วด่ายศไม่ไว้หน้าบีบเข้าที่คออย่างแรง ยศเริ่มขาสั่นยืนไม่อยู่ด้วยรู้ครั้งนี้แก้วเอาจริง
"มึงจะทำกระไรกู...มึงจะฆ่ากูรึกูจะฟ้องคุณแม่จะฟ้องเจ้าคุณลุงด้วย! จะฟ้องทุกคนเลย!! ปล่อยกู!!"
"ลองฟ้องดูสิ! ตอนนี่ข้าหาใช่เด็กที่จะยืนให้เอ็งรังแกงอยู่ผู้เดียว ข้าไม่มีกระไรจะเสียอยู่แล้วฆ่าเอ็งตายสักคนแผ่นดินคงจะสูงขึ้น!!"
แก้วชักมีดพกปักเข้าต้นไทรเฉียดใบหูยศเพื่อสั่งสอน ยศตาเบิกกว้างตกใจ แก้วปล่อยยศเข่าอ่อนขาสั่นทรุดลงกับพื้นก่อนจากแก้วขู่ยศเหมือนที่เคยขมขู่เขาคราวหน้าถ้ายังหาเรื่องตนอีกเขาจะฆ่ายศทิ้งเสีย แก้วเอามีดชี้หน้ายศแล้วเดินจากไปปล่อยยศนั่งตกใจไม่หายด้วยปกติเป็นคนขี้ขลาดอาศัยพวกมากจึงไม่กลัวใคร พระยาไชยากรกับลูกชายยืนดูด้วยความพอใจที่แก้วไม่ยอมให้ยศข่มเหงได้เหมือนแต่ก่อน ถือโอกาสดัดนิสัยเกเรชอบหาเรื่องคนของยศไปด้วย
"ให้มันได้เยี่ยงนี้สิไอ้หลานรัก"
"คุณยายกับคุณตาไปเยี่ยมน้องสาวที่อ่างศิลาวันพระหน้าถึงจะกลับ หึ สบายเลยนะเจ้าบัว"
พุ่มมองน้องสาวที่นอนแผ่อยู่ใต้ต้นไม้ หล่อนรู้สึกสบายใจมากที่ผู้ใหญ่ในเรือนไม่อยู่โดยเฉพาะคุณหญิงประยงค์ ตั้งแต่หล่อนมาอาศัยกับท่านก็รู้สึกอึดอัดใจ ไม่ว่าจะย่างกายทำอะไรท่านก็เอาแต่จ้องจับผิดอยู่ตลอด
"คุณยายน่าะไปซักหนึ่งเดือนไม่สิซักปีหนึ่งไปเลยเนอะพี่พุ่ม มิรู้พี่ทนอยู่กับท่านได้เยี่ยงไรตั้งหลายปีดีดัก"
บัวพูดไปกัดกินมะม่วงมันไปคำทั้งที่ยังนอนอยู่บนเสื่อ ตามองไปยังเด็กเล็กที่กำลังฝึกวิชามวยทีมีพุ่มเป็นอาจารย์ พุ่มดูจะไม่พอใจกับกิริยาน้องสาวที่เกินงามไปหน่อย
"ที่ท่านบ่นเพราะหวังดี พี่เองรำคาญบ้างต้องปิดตาเสียข้างหนึ่ง"
"ปิดไม่ไหวดอกจะบ้าตาย ช่างเถิดคุณยายไม่อยู่แม่ท่านไม่อยู่เยี่ยงนี้เมี่ยงเราไปเที่ยวเล่นแถวเจริญกรุงกันไหม ข้าไม่อยากอยู่เรือน"
"จะไปคนเดียวได้เยี่ยงไรเจ้ายังไม่รู้จักถิ่นนี้ดีพอประเดี๋ยวก็หลงไปถึงเสาชิงช้า"
"เน่... จะหาว่าน้องเป็นสาวบ้านนอกหรือ"
หล่อนหน้ามุ้ยสำรวจการแต่งกายตนเองที่บัดนี้ได้เปลี่ยนมาไว้ผมทรงปีกและปล่อยผมยาวถึงกลางหลัง นุ่งผ้าจีบห่มผ้าแพรสไบจีบเฉียงทับบนเสื้อแขนยาวตามประสาสาวผู้ดีนิยมสวมใส่
"เอ... หรือว่าจะทำทรงปีกแล้วไถให้สั้นดี จะได้คลายร้อนด้วย"
"โอ้ย...ไม่งามไว้ยาวดีแล้วเจ้าค่ะ ถ้าเรากลับพิษณุโลกจะได้เกล้ามวยได้"
"เอ็งคิดว่านายเอ็งจะได้กลับหรือ ฝันกลางวัน เอาเถิดพี่รู้ว่าเจ้าเบื่อที่จะอุดอู้อยู่เรือนไว้พี่จะพาไปเจริญกรุงใกล้ๆนี้"
"เย้!! พี่พุ่มใจดีที่สุดเลย!!"
หล่อนชูแขนดีใจก่อนจะลุกพรวดเข้าไปกอดพี่ชาย
"ฮืม... ไปไกลๆ อึดอัด! โตแล้วยังทำตัวเป็นเด็กเล็ก"
บัวยิ้มให้กอดพี่ชายแน่นกว่าเดิม แก้วที่เอาสมุนไพรหายากมาคืนเห็นท่าทางของบัวอดที่จะยิ้มไม่ได้ บัวที่เหลือบไปเห็นก็ชูกำปั้นใส่แก้เก้อที่เจอหล่อนอ้อนพี่ชาย
"นี่คือสมุนไพรที่ป้าศรีแกตากไว้ให้เอามาคืนขอรับ มีแต่ของหายากต้องขึ้นเขาหลายวันบ่าวละเกรงใจนัก"
"เออ...วางไว้ตรงนี้แหละ พอห่มผ้าแต่งกายเสียใหม่ดูดีใช่เล่นหนา"
พุ่มสำรวจแก้วตั้งแต่หัวจรดเท้าที่แต่งกายด้วยผ้าเนื้อดีราคาแพง มองดูสมกับเป็นหลานชายพระยาไชยากร ขุนวิชิตให้ตัดชุดใหม่ให้แก้วซึ่งเขาเกรงใจท่านมากแต่ปฏิเสธไม่ได้อีกทั้งชุดเดิมโดนลุงเจิมเผาทิ้งหมดแล้ว
"กระผมอยากที่จะเรียนวิชามวยกับคุณพุ่มมิทราบว่าจะสอนกระผมได้หรือไม่"
พุ่มยินดีที่แก้วอยากจะมีวิชาติดตัวรีบตกปากรับคำทันที เขาใช้ให้เมี่ยงไปเอาดอกไม้ธูปเทียนแพมาให้แก้วกราบขอเป็นลูกศิษย์
"จะไหวหรือหุ่นบางเยี่ยงนี้"
บัวมองแก้วที่หุ่นบางกว่านักมวยที่หล่อนเคยเห็น แก้วได้ยินหล่อนค่อนแขวะเช่นนั้นก็หึกเหิมอยากจะลบคำสบประมาทเร่งให้พุ่มสอนวิชาเสียวันนี้เพราะอย่างไรเสียเขาก็มีเวลาว่างเหลือเฟือ พุ่มพยักหน้ารับคำพาเขาไปลานฝึกซ้อมที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนนัก มีเด็กเล็กและเด็กหนุ่มฝึกวิชามวยอย่างขยันขันแข็ง สร้างความพอใจให้แก่พุ่มอย่างมาก นอกจากพุ่มจะรับราชการทหารตำแหน่งนายพันแล้วเขายังมีหน้าที่เป็นครูสอนมวยที่เป็นศิลปะการต่อสู่ที่ถูกสืบทอดจากบรรพบุรุษสมัยกรุงศรีอยุธยาจากรุ่นสู่รุ่น ถึงอายุเขาจะเพียงยี่สิบห้าปีแต่ฝีมือนั้นไม่ธรรมดาจนมีลูกศิษย์มากมายทั้งลูกหลานพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางหรือบุคคลที่มีฐานะ
"เอ็งนี่หัวไวดีนี่ ข้าสอนเพียงสองครั้งก็จดจำท่าได้"
พุ่มเอ่ยชม บัวที่ช่วยพี่ชายดูเด็กๆได้ชำเลืองมองเขาเป็นระยะ เมี่ยงเห็นเช่นนั้นก็ชะโงกหน้าดูหล่อน
"คุณหนูมองสิ่งใด"
"เปล๊า... มองนกมองกา"
มองนกมองกา ตรงไหนมิเห็นมีสักตัว
"นังจำปา! เอ็งอยากมีเรื่องกับข้ารึ! ทำข้าวของข้าเสียหายยังจะบอกมิได้ทำอีก!!"
เสียงภรรยาทั้งสองคนของพุ่มดังมาทางเรือนหลังเล็ก เขาขอตัวไปจัดการให้แก้วทบทวนกระบวนท่ารอ
"ท่านี้เจ้าต้องออกหมัดให้แรงกว่านี้ แล้วขาต้องกางออกอีกสักหน่อยจะได้ทรงตัวดีขึ้น"
บัวเห็นแก้วออกหมัดแปลกๆจึงช่วยแก้ไขและทำท่าทางให้แก้วดูเป็นตัวอย่าง แก้วแปลกใจบัวเป็นมวยด้วย หล่อนบอกเป็นเพราะพี่ชายสอนแต่เด็กเพื่อป้องกันตัว หล่อนจับที่หมัดของแก้วให้ต่อยไปด้านหน้า แก้วหันมามองหน้าบัวก่อนทั้งสองจะสบตากัน เขาหัวใจเต้นแรงขึ้นรู้สึกประหม่าจนหน้าแดงบัวก็เช่นกัน ทั้งสองหลบสายตาของกันและกัน แก้วหันหน้าไปทางอื่นส่วนบัวรีบปล่อยมือเขาทันที
"อืม... เนี่ยงนั้นแหละ ออกหมัดตรงๆ เออ... เอ็งฝึกไปคนเดียวข้าจะไปดูคุณหนูสน"
บัวรีบเดินหนีหน้าแดงเทือกทั้งใบ ซึ่งอาการของทั้งสองนั้นถูกเห็นโดยขุนวิชิตที่มาดูแก้ว
"นั่นแม่เรไรจะออกไปที่ใดกัน พึ่งมาถึงเรือนมิใช่หรือ"
หมื่นพิพัฒน์พบเรไรที่ท่าน้ำก็ร้องทักสีหน้าไม่พอใจ เขาได้รับข่าวจากยศว่าหล่อนยังเทียวไปหาแก้วโดยอ้างว่ามาหาบัวเลยมาไหว้ผู้ใหญ่แต่ไม่มีใครเชื่อ สายตาที่หล่อนมองแก้วนั้นไม่ใช่สายตาของคนธรรมดามองกัน แต่เป็นสายตาที่หญิงมองชายอันเป็นที่รัก
"ฉันออกไปไหนแล้วพี่หมื่นสนใจด้วยหรือ ปกติมิได้ใส่ใจกันนี่เจ้าคะ"
"แม่จะต่อปากพี่ไปไย หึ คงจะไปหาไอ้ขี้ข้าเรือนขุนวิชิตสินะ ทีพ่อยศชาติตระกูลเพียบพร้อมกับเจ้าทุกด้านกลับไม่ชอบพอ กลับไปนั่งเฝ้าคนไร้หัวนอนเจ้าช่างเป็นหญิงใฝ่ต่ำนัก"
"นี่พี่ด่าข้ารึ! จะมากไปแล้วกระมัง! ข้ามิใช่คนที่พี่จะกดหัวได้เหมือนแต่ก่อนระวังปากเสียบ้าง!"
อยู่ๆ ก็มาต่อว่ากันหล่อนเองก็ไม่ยอมสวนกลับทันควัน หมื่นพิพัฒน์บีบเข้าที่คางญาติผู้น้องอย่างแรงไม่พอใจที่หล่อนขึ้นเสียงกลับ
"ก็เอ็งทำตัวให้ข้าด่า! อยากมีผัวก็น่าจะเลือกเสียหน่อยมิใช่ขี้ข้าชาติไพร่ที่ไหนก็เอาหมดเช่นนี้ก็มิต่างกระไรกับอีพวกในซ่อง!"
"หยุดต่อว่าข้าบัดเดี๋ยวนี้..."
เรไรดึงมือหมื่นพิพัฒน์ออกจ้องหน้ากลับไม่เกรงกลัว
"พี่เป็นเพียงญาติมิใช่พ่อมิใช่เจ้าชีวิตของข้า! ข้าจะรักชอบเจ้าแก้วแล้วจะทำกระไรข้า? ตอนนี้เขามิใช่ไพร่แล้วทำไมข้าจะชอบมิได้! พี่นั่นแหละอย่าสะเออะ!
"นี่เอ็ง!!"
"ข้ายังพูดมิจบ! อย่าลืมว่าข้าเป็นผู้ใด! ข้าถวายตัวเข้าวังแล้วมีเสด็จคอยคุ้มครองจะพูดจาอันใดก็ระวังปากเสียบ้าง ข้าเป็นคนโปรดของเสด็จระวังจะหัวขาด!!"
เรไรไม่กลัวขู่หมื่นพิพัฒน์กลับ ม่ทันที่เขาจะสวนกลับหล่อนก็เดินกระแทกไหล่เขาเดินลงเรือไปสร้างความเจ็บใจให้แก่เขาเป็นอย่างมาก แต่เขาเองทำอะไรหล่อนไม่ได้ด้วยบารมีของเสด็จในวัง
"ไอ้แก้ว... มึงจะมีเรื่องกับกูให้ได้สินะ"
เมื่อทำอะไรเรไรไม่ได้เขาจึงคิดหาทางเล่นงานแก้วโดยจะใช้ยศเป็นเครื่องมือ
"นายแก้วเอ็งซ้อมมวยเสร็จทำไมไม่กลับเรือนตนล่ะ ชิ้ว!กลับได้แล้วเหม็นขี้เต่า"
บัวย่นจมูกทำหน้ารังเกียจ แก้วดึงเสื้อที่ถอดไว้มาสวมใส่เพื่อปกปิดร่างกาย
"เรือนกระผมก็อยู่แค่นี้จะรีบไล่ไปไหน อีกไม่นานจะมิเจอหน้ากันแล้ว"
"อ้าว... จะรีบไปตายที่ไหนละพ่อยังหนุ่มอยู่เลย"
บัวพูดแหย่ แก้วบอกต้องไปอยู่ที่วัดแล้ว ขุนวิชิตจะไปส่งอีกหลายเดือนถึงจะกลับ
"จะมีผู้ใดคิดถึงบ่าวคนนี้บ้างไม่หน้อ..."
"มีสิ ก็คุณข้าหลวงเรไรอย่างไรเล่า คงจะกินมิได้นอนมิหลับที่ะมิได้เจอหนาใครบางคน"
ชิ... ก็เทียวหากันออกบ่อยยังจะถามเราอีก
"กับคุณหนูเรไรกระผมมิได้คิดกระไรกับนางจริงๆนางดีมาก็ดีตอบ ก็เหมือนกับทุกคนนั่นแหละ คุณหนูบัวเช่นกันดีกับกระผมก็ดีตอบหรือจะให้ร้ายใส่หรือขอรับ" แก้วยืมคำหล่อนมาใช้
"เออ...ไม่พูดด้วยแล้ว! "
บัวเริ่มรำคาญความดีของแก้วที่มีแด่สาวๆ ดูเด็กๆ ฝึกมวยท่าพื้นฐานต่อ แก้วเห็นดังนั้นจึงกลับไปฝึกซ้อมต่อซึ่งวิชามวยของพุ่มนั้นได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษที่เคยฝึกปรือวิชาจากพระเจ้าเสือ ท่วงท่าและหมัดแต่ละหมัดดุดันดังเสือ แต่บัวดูท่าทางของแก้วแล้วดูอย่างไรก็ยังเหมือนลูกแมว
ยังไม่ทันที่หล่อนจะแนะนำคุณหญิงประยงค์ที่กลับมาถึงและเรียกขึ้นเรือน ท่านไม่ค่อยพอใจที่บัวคุยกับแก้ว ซึ่งหล่อนได้บอกไปแล้วว่าเป็นแค่คนรู้จักกัน
"เจ้ามีคู่หมายแล้วจะเที่ยวชายตาพูดคุยกับชายอื่นมันไม่งาม แลถึงท่านพระยาจะยกย่องไอ้แก้วแต่อย่างไรฐานะเจ้ายังห่างกันนัก พ่อแม่เป็นผู้ใดก็มิอาจรู้ถามท่านก็มิบอก"
"ใช่! แล้วนี่แม่บอกกี่ครั้งแล้วเป็นหญิงจะไปชกต่อยมวยทำไมมิใช่กิจของเจ้า ทีงานบ้านงานเรือนละวิ่งหนีเชียวนะ ซนเป็นม้าดีดกระโหลกไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย เฮ้อ..."
นางพุดซ้อนช่วยผู้เป็นแม่ดุบัวพลางจัดข้าวของเตรียมกลับปากน้ำโพส่วนพุดลูกชายคนรองกลับไปก่อนแล้ว เศรษฐีบุญช่วยให้ยอดบีบคลายเส้นให้ได้ยินแม่ยายและภรรยาดุลูกสาวก็ออกตัวช่วยลูกสาว
"เป็นหญิงแล้วจะทำไม มีวิชาป้องกันตัวดีแล้วจะได้มิมีผู้ใครกล้ารังแก... สมัยนี้ผู้หญิงต้องปากกัดตีนถีบแล้ว จะมาทำเหนียมอายต้วมเตี้ยม เฮอะ... ไม่ทันกินเข้าหรอก!"
"เอ้... ไอ้บุญช่วยนี่ก็ประไร! เจ้าบัวเป็นหญิงอีกหน่อยต้องออกเรือนแล้วจะรู้มากเก่งกว่าผัวไปกระไรกัน เราจะต้องเป็นช้างเท้าหลังเป็นเมียที่ดี อยู่ในโอวาทผัวดูแลบ้านช่องทรัพย์สมบัติแลบ่าวไพร่เพียงนี้ก็พอแล้ว" คุณหญิงประยงค์ชี้แจงให้ฟัง
"หัวโบราณ!" บัวกับพ่อเอ่ยพร้อมกัน นางพุดซ้อนหยิบพัดทำท่าจะโยนใส่ที่บังอาจมาเถียงพวกตน นายบุญช่วยยังไม่หยุดเถียงกับแม่ยายต่อบัวดูท่าไม่ดีแอบกระเถิบถอยหลังลงเรือนไปเนียนๆ ยังไม่ทันพ้นบันไดหมื่นพิพัฒน์ก็เดินขึ้นเรือนมาเขาทักบัวพร้อมโปรยยิ้มที่คิดว่าสาวใดเห็นจะต้องเคริ้ม แต่บัวกลับมองแล้วขนลุก
"มาเสวนากันก่อนสิน้องบัวคนงาม พี่นี้เฝ้าคิดถึงแม่อยู่ทุกเชื่อวันแต่ติดราชการเลยมาเยี่ยมไม่ได้ พี่ละคิดถึ๊งคิดถึง"
ไม่พูดเปล่าเขาจับมือบัวแล้วลูบเบาๆ บัวกระชากกลับชักสีหน้าใส่บ่งบอกว่าไม่ชอบใจที่เขาฉวยโอกาสกับหล่อนอีกแล้ว บัวบอกห้ามทำกับเธอเช่นนี้อีกหล่อนไม่ชอบ
"จะเป็นไรไปไม่นานเราจะเป็นคนๆเดียวกันแล้ว อีกหน่อยเราก็ต้องร่วมหอกันถึงตอนนั้นพี่หมื่นคนนี้จะไม่ให้น้องนอนเลย..."
หมื่นพิพัฒน์ไม่หยุดพูดจาแทะโลมพร้อมจับคางบัวเชยชม บัวไม่ทนอีกต่อไปจับมือชายหนุ่มที่จับคางหล่อนหักไขว้หลัง หมื่นพิพัฒน์ร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดก่อนจะผลักชนราวบันไดอย่างแรง ทุกคนได้ยินเสียงต่างลงมาดูเห็นหมื่นพิพัฒน์นั่งกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เขาไม่คิดว่าบัวจะสามารถทำให้เขาเจ็บได้ขนาดนี้ นางพุดซ้อนรีบเข้าไปพยุงว่าที่ลูกเขยเอ่ยถามสาเหตุบัวบอกผู้ใหญ่ตามตรง แต่ผู้เป็นยายและแม่กลับเข้าข้างหมื่นพิพัฒน์
"พี่เขาแค่เย้าเล่นแม่บัวนี่ก็คิดมาก ดูสิทำพี่เขาเจ็บตัวขอโทษคุณพี่ประเดี๋ยวนี้! "
"ไม่... บัวบอกคุณยายแลแม่หลายครั้งแล้ว!บัวมิชอบหมื่นท่านแลมิชอบผู้ชายเจ้าชู้เมียเยอะชอบลวนลามผู้หญิง! อยู่ๆ ก็มาบังคับจิตใจกันบัวว่ามันมากไปกระมัง!"
"เจ้าบัว... นี่กล้าขึ้นเสียงเชียวรึ..."
คุณหญิงประยงค์ตกใจตั้งแต่มาอยู่เรือนปีหนึ่งท่านไม่เคยเห็นบัวก้าวร้าวขนาดนี้ อย่างมากแค่เถียงนิดหน่อยพอไม่เหงาปาก
"เจ้าค่ะ... แล้วแต่คุณยายจะคิด บัวพูดในสิ่งที่บัวอยากพูดไปแล้วก็แล้วแต่คุณยายอยากจะลงโทษ"
เศรษฐีบุญช่วยเห็นท่าไม่ดีรีบลากบัวออกมาไม่ให้ต่อปากแม่ยายมีอะไรเขาจะจัดการเอง คุณหญิงฯสั่งห้ามไม่ให้ไปไหนและท่านประกาศเสียงดังฟังชัดให้หมื่นพิพัฒน์เตรียมผู้ใหญ่มาสู่ขอตบแต่งกันให้เร็ววัน บัวอึ้งพูดไม่ออกเศรษฐีบุญช่วยค้านบอกไหนว่าจะรอให้ได้ยศขุนก่อนค่อยแต่ง
"ลูกกระผมอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดจะรีบให้มันมีผัวไปทำไม! กระผมไม่ยอม! คุณแม่ไม่มีเหตุผล!!"
"แต่งๆไปเสียก็โตเป็นผู้ใหญ่เอง! ดึงเวลาไปก็เท่านั้น"
พระยาภักดีดำรงค์ช่วยภรรยาพูด ท่านกลัวใจบัวจะทำเรื่องเสื่อมเสียจึงอยากให้ออกเรือนเร็วที่สุด บัวเถียงไม่ยอมแต่งแต่ผู้เป็นยายยื่นคำขาด
"ถ้าเจ้ายังเห็นหัวหงอกๆของยายเจ้าก็ต้องแต่ง! ไม่เช่นนั้นเราตัดขาดกันไม่ต้องมาเรียกข้าว่ายายอีกต่อไป!! "
"คุณยาย!!"
"คุณแม่!!"