ตอนที่ 14

1960 Words
แตงอ่อนที่กำลังจะมาเยี่ยมแก้ว เห็นพ่อหล่อนอุ้มไก่ชนขึ้นเรือนมาก็จำได้ว่าเป็นไก่ของแก้ว หล่อนถามผู้เป็นพ่อท่านบอกจับได้แถวป่าข้างทางจะเอามาทำอาหาร แตงอ่อนรอพ่อหล่อนเผลอรีบอุ้มไก่ชนวิ่งหนีออกมาบังเอิญเจอเผือกที่กำลังพายเรือผ่านมา หล่อนเรียกให้เผือกไปส่งที่บ้านพระยาไชยากรทันที "ข้าก็กำลังจะไปดูอาการไอ้แก้วเหมือนกันไม่รู้ไปทำเช่นไรให้เยียบหางไอ้คุณยศเข้า มันยิ่งจ้องเล่นงานอยู่ เออนี่ข้าได้ยินชาวบ้านลือกันว่าท่านโมโหมากถึงกับลงหวายไอ้คุณยศเทียวนะเอ็ง ข้าละสะใจนัก เจ้าประคู๊ณ...ขอให้โดนไข้แดกตายด้วยเถอะ! " "ไอ้พี่เผือกอย่าพูดมากแจวเร็วๆ ข้าร้อนใจยิ่งนักพี่แก้วของข้าไม่รู้เป็นเยี่ยงใด" "แหม... พี่แก้วของข้า... มันคงเอาเอ็งหรอก เชอะ! " เผือกแอบค้อน เขาแอบชอบแตงอ่อนนานแล้วแต่หล่อนกลับชอบพอแก้ว ทั้งสองพายเรือจนถึงท่าน้ำเป็นจังหวะเดียวกับหมวยลูกสาวเถ้าแก่เซ่งที่มาเยี่ยมแก้วเหมือนกัน พอแตงอ่อนกับหมวยเจอกันสงครามขนาดย่อมก็เกิดขึ้น ทั้งคู่ทะเลาะกันตั้งแต่ท่าน้ำจนขึ้นเรือนใหญ่ร้อนเผือกต้องเป็นกรรมการห้ามมวย ทุกคุณยกมือไหว้เจ้าของเรือนแล้วขออนุญาตเยี่ยมแก้ว เผือกอุ้มไก่ไอ้โชคให้เขาดูบอกพ่อแตงอ่อนจับได้ "ลูกพ่อ... นึกว่าจะไม่ได้เจอหน้าเสียแล้ว..." แก้วยื่นมือขออุ่มไก่ชนตัวโปรด เขาคิดว่ามันตกไปอยู่หม้อแกงชาวบ้านเสียแล้ว เขาขอบใจหล่อนให้ลุงเจิมเอาไปขังไว้ในสุ่มไก่ หมวยกับแตงอ่อนยังคงแย่งกันถามแก้วมือไม้อยู่ไม่สุขจับเนื้อตัวไปทั่ว แก้วรู้สึกรำคาญมากแต่ไม่อยากเสียมารยาทไล่ ครู่ต่อมาเรไรที่ทราบข่าวแก้วก็มาเยี่ยมเขาอีกคนสร้างความไม่พอใจแก่สองสาวนัก "ดิฉันได้ข่าวพี่แก้วบาดเจ็บหนักเลยมาเยี่ยมเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ คุณหญิงน้ำทิพย์ มิทราบว่าที่พี่แก้วโดนทำร้ายนี่เกี่ยวกับดิฉันหรือไม่" หล่อนกังวลใจคิดว่าอาจเป็นโจรที่ดักปล้นหล่อนคราวก่อน เรไรมองแก้วสีหน้าบ่งบอกว่าห่วงใยเขามาก พระยาไชยากรบอกหญิงสาวตามตรง หล่อนหน้าเสียที่ญาติผู้พี่มีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้จึงเอ่ยขอโทษแทนหมื่นพิพัฒน์ แก้วนอนอิงหมอนให้หมวยกับแตงอ่อนแย่งกันป้อนน้ำ เรไรไม่พอใจอยากกระชากทั้งสองนางออกจากแก้วแต่ต้องสงบอารมณ์ไว้พยายามวางตัวให้สมกับเป็นผู้ดีชาววัง "เสน่ห์แรงจริงเว้ย... เรือชนกันถึงสามลำนี่ยังไม่นับสาวแก่แม่ม้ายในหมู่บ้านร้านตลาดอีกหนา อิจฉา... ทำไมไม่เป็นกูนะ..." เผือกแอบกระซิบป้าศรีที่นั่งชันเข่าตำหมากจีบพู "มึงดูโน้น... คนที่สี่นั่งปั้นลิงปั้นค่างอยู่ คนนั้นมาตั้งแต่ไก่โห่" นางชี้ให้ดูบัวที่นั่งเล่นกับปิ่นเงียบๆ เผือกทำตาโตไม่อยากเชื่อ "จริงหรือป้า... นั่นเขามีคู่หมายแล้วนะถึงจะยังไม่ทำพิธีรีตองก็เถอะ คนเขารู้ทั่วคลองบางรัก" "เอ็งอย่าเอ็ดไปเชียว ข้าก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ดอก แต่ข้าคิดว่าไอ้แก้วชอบแม่หญิงนะเวลาพูดถึงนางนี่หูพึ่งเชียว" ป้าศรีกับเผือกแอบนินทาพวกแก้วที่ดูทรงแล้วจะกลายเป็นรักสี่เศร้า นางห่วงแต่เรไรกับบัวที่ต่างก็เป็นคนของหมื่นพิพัฒน์อีกทั้งแก้วนั้นก็เป็นแค่ไอ้แก้วผู้แสนต่ำต้อยเหลือเกิน แล้วอย่างนี้ไอ้แก้วของนางจะสู้ใครเขาได้แพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม "มิต้องกลัวไปดอกป้าตอนนี้สถานะไอ้แก้วมันไม่เหมือนเดิมแล้ว เป็นถึงไอ้คุณแก้วหลานพระยาไชยากรเชียวนะ แลยังมีคุณนายนิ่มแม่ยกไอ้แก้วอีกผู้ใดใหญ่แค่ไหนนางก็ไม่กลัว รับรองไม่มีใครกล้าหือ คุณนายแกพึ่งกลับจากเมืองเหนือมาเมื่อคืนดียังไม่รู้ว่าไอ้แก้วโดนซ้อมนะไม่เช่นนั้นวุ่นกว่านี้อีก" ได้ยินอย่างนั้นป้าศรีก็ใจชื่นขึ้นหน่อยที่คุณนายนิ่มกลับมาจากค้าขาย นางเป็นเศรษฐีนีคลองบางรัก เป็นแม่หม่ายสามีและลูกชายเรือล่มเสียชีวิตทั้งคู่ นางรักแก้วเหมือนลูกชายคนหนึ่งถึงขนาดเคยขอแก้วไปเป็นบุตรแต่ท่านติดสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อแม่แก้ว "นี่พวกเอ็งไม่มีงานการทำกันหรือมานั่งเฝ้าไอ้แก้วทั้งวันเช่นนี้" ป้าศรีเห็นนานมากแล้วไม่มีใครกลับเลยเอ่ยปากไล่ "ไม่มี เตี่ยอั๊วให้มาเฝ้าเฮียแก้วเผื่อเฮียอีจะเห็นความดีอั๊วบ้าง" หมวยไม่สนที่โดนไล่นั่งพัดคลายร้อนให้แก้วต่อ "ข้าก็ไม่มีงานหรอกจ้ะแม่ป้า ข้าอยากดูแลพี่แก้วแลกลัวใครบางคนจะแย่งพี่แก้วของข้าไป" แตงอ่อนพูดพร้อมมองหน้าผู้หญิงทุกคนก่อนจะสะดุดสายตากับเรไรที่มองกลับตาขวางเป็นสายตาที่น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก แก้วแอบบอกเผือกให้พาสองสาวชาวตลาดกลับเพราะเขาอยากพักผ่อน เขาแกล้งไอสองสามทีและทำท่าทางปวดหัวให้ทั้งสองกลับไปก่อน เผือกรีบลากสองคนลงเรือกลับตลาดสร้างความไม่พอใจให้ทั้งสองจนเผือกเริ่มปวดหัวเองที่โดนต่อว่าจนหูแทบเสีย ส่วนเรไรเห็นแก้วเป็นอย่างนั้นก็ขอตัวกลับเหมือนกันเหลือแต่บัวที่ต้องอยู่เรียนงานบ้านงานเรือน "ไอ้ม่วงเอ็งไปซื้อยาที่ร้านขายยาสยามของมิสเตอร์แบร์นฮาร์ดให้ที" "มะ มิด...สะเตอ...แบน...แบน..." "มิสเตอร์แบร์นฮาร์ด แบร์น...ฮาร์ด... หมอยาชาวเยอรมัน มิสเตอร์โรเก็นหมอชาวอังกฤษแนะนำข้ามาว่าเป็นยาสมัยใหม่ดีนักแล ให้รับทานคู่กับสมุนไพรของหลวงโอสถ ท่านพูดภาษาเราได้บ้าง เอ็งเอากระดาษนี่ยื่นให้ท่านก็พอ" ขุนวิชิตยื่นกระดาษให้ม่วงที่ยังมึนงงกับชื่อของชาวต่างชาติ "แล้วร้านมันอยู่ที่ใดบ่าวมิเคยระคายหูมาก่อน" บัวเองก็ใคร่รู้มองขุนวิชิตขอคำตอบ "เอ็งไปที่ท่าน้ำโอเรียนเต็ล ถามคนแถวนั้นเอาอย่าได้ช้า" "ไยต้องไปเสียสตางค์ให้ไอ้บ่าวหน้าขาวนั่น ให้มันกินยาหม้ออีศรีก็ดีแล้ว" คุณหญิงประยงค์อดไม่ได้ที่จะท้วงติงขุนวิชิตที่ดูแลแก้วอย่างดีจนออกนอกหน้า "ยาของเจ้ายศด้วยขอรับ เดี๋ยวน้ายิ้มจะหาว่าลำเอียง" ขุนวิชิตรีบแจงก่อนจะลงใต้ถุนเรือนดูป้าศรีที่นำเปลือกพญาเสือโคร่งมาต้มน้ำให้เดือดแล้ว เคี่ยวไฟอ่อนๆจนได้น้ำสมุนไพรสีแดง นางต้มพญาเสือโคร่งให้แก้วเพื่อแก้ฟกช้ำและปวดตามข้อ อาการของแก้วดีวันดีคืนแผลฟกช้ำเริ่มจางหายเหลือแต่ขาที่ยังคงดามไม้ไว้ เขายังต้องใช้ไม้ช่วยพยุงตัวให้เดินเหินสะดวก "ทำไมมันคันเช่นนี้วะ โอ...อู้ย...อา...ซี้ด...." แก้วคันหลังหาไม้เกาไม่เจอจึงพยายามเอาหลังถูกับเหลี่ยมเสาคอกไก่อย่างเมามันพลางส่งเสียงครางออกมา "อา...ซี้ด..." "ทำกระไรน่ะ! ทุเรศ! นี่เอ็งทำบัดสีกระไรถึงได้ครางเสียงทุเรศเช่นนี้!!" บัวเห็นแก้วแต่ไกลก็เดินมาดูว่าเขามาทำอะไรทั้งที่ยังไม่หายดี หล่อนเห็นแก้วทำท่าแปลกๆ ส่งเสียงครางเหมือนเสียงที่พี่ชายร่วมหอกับภรรยาก็คิดไปไกล "มีกระไรหรือคุณหนูบัว... อา... กระผมแค่เกาหลังแต่มือมันไม่ถึงเนี่ยๆ!" แก้วชี้แจ้งพร้อมทำท่าทางให้หล่อนดู บัวอายที่มีความคิดบ้าๆ จึงจะเดินหนีแต่แก้วดึงแขนไว้บอกให้หล่อนช่วยเกาหลังให้หน่อย หล่อนลังเลก่อนจะบอกให้แก้วนั่งลงที่แคร่ให้หล่อนเกาหลังให้พลางถามไถ่กันตามประสา หล่อนอยู่เรือนรู้สึกเบื่อเลยออกมาเดินเล่นได้ยินเสียงไก่ร้องแต่ไกลเลยเดินตามเสียงมา ตาก็มองดูไก่ชนของแก้วด้วยความสนใจเพราะเห็นชายหนุ่มอุ้มไก่ไปไหนต่อไหนด้วยตลอด "หายโกรธบ่าวแล้วหรือ... " "เน่... พูดดีๆด้วยมิชอบ อยากให้ข้าร้ายใส่หรือไร!" แก้วสั่นหัวยิ้มๆบอกนางเกาขึ้นสูงอีก ชายหนุ่มชี้ไปยังไก่ที่ออกมาหากินนอกเล้า "ไอ้นี่ชื่อโชคลูกชายกระผมเอง ส่วนนี่ไอ้สมหวังไอ้หม่องไก่พม่า นี่ไอ้เบิดดูที่ตามันเอียงๆ ซื้อมาจากคนงานลาวที่มาซ่อมถนนที่เจริญกรุงเมื่อไม่นานนี่เอง ส่วนสองตัวนั่นแม่สำลีตัวขาวกับแม่ดำแลลูกๆทั้งหมดนี้เป็นไก่ของกระผมเลี้ยงไว้ ส่วนที่เล้าใหญ่เป็นของคุณชิดกระผมกับลุงเจิมเป็นคนเลี้ยงเช่นกัน" แก้วชี้ให้ดูทีละตัวสีหน้าดูมีความสุข เที่ยงวันแล้วเขาต้องกลับไปรับประทานยาจึงค่อยๆ เดินขาเดียวไปทีละก้าวอย่างลำบาก ภาพที่เห็นช่างขัดหูขัดตาบัวนักหล่อนจึงช่วยพยุง "กระผมเดินเองได้คุณหนูอย่าลำบากเลย" "เถอะหน่า กระเถิบไปอย่างนี้ชาติหน้าจะถึงเรือนหรือไม่พ่อ" หล่อนช้อนแขนแก้วอีกข้างพยุงเดินไปอย่างช้าๆ แก้วลอบยิ้มให้บัวที่หล่อนนั้นไม่นึกรังเกียจตนเหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันที่ตลาด "แก้วขอถามที่เถิด อย่าหาว่าแส่เลยนะพ่อแม่เอ็งหายไปไหนถึงได้ฝากท่านออกญาเลี้ยงดู เออ... แต่ถ้าพูดมิได้ก็ไม่เป็นไรนะ ข้าเข้าใจ..." บัวถามใคร่รู้ นางคิดว่าคงจะเป็นญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ต่ำศักดิ์กว่าถึงได้อยู่ที่เรือนบ่าว หล่อนเห็นคนบนเรือนเอ็นดูเขาจนออกนอกหน้าเกินบ่าวทั่วไปนึกสงสัย แก้วนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องราววัยเด็กที่พอจดจำได้ให้ฟัง "แต่เดิมทีตระกูลสาแหรกเป็นชาวกรุงเก่าเมื่อครั้งเสียกรุงอพยพมาอาศัยแถวอัมพวา คุณพ่อเป็นสหายรุ่นน้องท่านสนิทกันฉันญาติกระผมรู้เพียงนี้ ครอบครัวเป็นผู้ใดทำกระไรมิอาจทราบ จำความมิได้เคยตกเรือนหัวกระแทกพื้นจำได้ลางๆว่าตอนเจ็ดแปดขวบเรือนกระผมโดดวางเพลิงคนที่เรือนตายไปหลายคน พวกเราหนีไปที่ใดก็โดนลอบทำร้ายจนคุณพ่อเอากระผมมาฝากที่เรือนนี้เพราะกลัวอันตรายแล้วก็หายไป..." แก้วเล่าเท่าที่จะจำได้สีหน้าเศร้าสร้อยด้วยคิดถึงพ่อกับแม่ บัวได้ฟังก็เศร้าใจได้แต่โทษตัวเองไม่น่าถามเลย "ข้าขอโทษ... ไม่คิดว่าครอบครัวเอ็งจะโชคร้ายถึงเพียงนี้" "ท่านสัญญาไว้แล้วว่าจะกลับมาหา เฮ้อ...นี่ก็สิบปีได้กระมัง ก็อยู่ไปเช่นนี้แหละอย่าได้คิดมากเลยคุณหนูบัวก็เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้ว ถึงกระไดเรือนแล้วคุณจะขึ้นไปบนเรือนหรือไม่? " แก้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีบัวยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีคนมาขัดจังหวะเสียก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD