ตอนที่ 13

2286 Words
​เช้านี้ที่เรือนเจ้าพระยาไชยากรดูจะวุ่ยวายเป็นพิเศษ ป้าศรีลุงเจิมและขุนวิชิตทำหน้าที่ดูแลแก้วทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอน ชายหนุ่มไอออกมาเป็นเลือดสร้างความแตกตื่นให้กับทุกคน หมอที่ให้ไปตามไม่อยู่จึงดูแลกันตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ผู้คนที่เรือนพระยาภักดีดำรงค์แวะมาพูดคุยด้วยตามปกติ บัวจึงแอบติดตามมาด้วยพอได้เห็นอาการของชายหนุ่มที่หนักเอาการก็ใจเสีย แก้วหลับอยู่พระยาไชยากรให้ขึ้นมารักษาบนเรือนใหญ่จะได้ช่วยกันดูแล ส่วนยศนั้นเมื่อคืนเมามายพูดคุยไม่รู้เรื่องท่านจึงรอให้สร่างเมาก่อนค่อยว่าความกันไปตามผิดถูก "พึ่งหยุดสำรอกเป็นเลือด โถ...พ่อแก้วของป้า...คงถูกอัดท้องจนช้ำใน คุณยศไม่น่าทำเยี่ยงนี้เลย คุณยิ้มรึก็ให้ท้ายลูกชายไม่เลิก ฮึ! บ่าวเกลียดคุณยิ้มชอบสอนเด็กให้เกลียดกัน! ของชอบของนางบ่าวจะไท่ทำให้รับทาน!" "นังศรีเอ็งเลิกบ่นเสียทีข้ารำคาญ พูดไปก็เท่านั้นแม่ยิ้มเป็นคนใจคอคับแคบเจ้าคิดเจ้าแค้น คงจะแค้นใจที่ถูกปฏิเสธเลยเอาความแค้นใจมาลงที่ลูก" "คุณยิ้มโดนผู้ใดปฏิเสธกระไรหรือเจ้าคะ บ่าวหารู้เรื่อง" "เอ็งไม่ต้องรู้ไปเสียทุกเรื่องดอก" คุณหญิงน้ำทิพย์ไม่อยากจะพูดความหลังที่เป็นความลับของน้องสาวให้ผู้ใดฟังจึงเปลี่ยนเรื่องพูดคุย "ไอ้ม่วงเอ็งไปตามหมอที่คลองสาทรอีกที" พระยาไชยากรยื่นกระดาษที่ลูกชายเขียนเป็นภาษาอังกฤษให้เอาไปให้หมอท่านก็จะเข้าใจเอง คุณหญิงประยงค์มองดูใคร่รู้คิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา เพียงบ่าวในเรือนบาดเจ็บทำไมต้องเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดให้หมอฝรั่งมารักษาค่าบริการแต่ละทีก็แพงมากคนธรรมดารักษาไม่ได้ ท่านรู้สึกไม่ชอบแก้วเพราะดูจะเป็นตัวปัญหาด้วยเห็นหน้ากี่ครั้งเกิดแต่เรื่องทะเลาะกับยศ อีกทั้งคุณยิ้มยังใส่ร้ายแก้วให้ท่านฟังและท่านได้เชื่อคุณยิ้มไปแล้ว "หึ วุ่นวายกันไปหมด ตัวเสนียดอย่างที่แม่ยิ้มว่าสินะ" "คุณยาย..." บัวเอ็ดท่านกลัวคนเรือนไชยากรได้ยินจะไม่พอใจเอา หล่อนเห็นเช่นนี้ก็พอรู้ว่าแก้วคงจะเป็นคนสำคัญในครอบครัว บัวหัดร้อยอุบะตามคำสั่งสีหน้าเบื่อหน่ายหันไปดูแก้วเห็นหลับอยู่จึงแอบกระเถิบถอยไปทีละนิดใกล้ๆ ก่อนชะโงกดูหน้าตาแก้วที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำยิ่งกว่าคราวก่อน "ปากแตกตาเขียวช้ำ หน้าตาปูดบวมเช่นนี้ไม่เสียชีวิตก็บุญแล้ว เรานี่ท่าจะบ้าไปแล้วกระมัง มาเป็นห่วงไอ้มือไวนี่" หล่อนนั่งด่าตัวเองเบาๆ แล้วชะโงกหน้าดูอีกครั้ง แก้วลืมตาพอดีทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่งบัวรู้สึกตัวก่อนรีบหันหน้าหนี แก้วมองตามแอบยิ้มมุมปากดีใจที่หญิงสาวอุตส่าห์มาเยี่ยม บัวนึกคำถามที่จะถามชายหนุ่มอยู่ แก้วนอนนิ่งกระดิกตัวไม่ได้ปวดไปทั้งตัวและรู้สึกปวดปัสวะ อ้าปากพูดลำบากเพราะเจ็บคอ "อืม...ปวด..." "ฮือ..." บัวก้มหน้าเอียงหูฟังเสียงแก้วที่พูดเบาๆ ว่าเขาพูดอะไร "ปวดเยี่ยว..." แก้วบอกอายๆ "เดี๋ยวข้าเรียกลุงเจิมให้เจ็บมากไหม... ไม่ต้องตอบข้าดูก็รู้ว่าเจ็บมากสินะ ถ้าเป็นข้าโดนเยี่ยงนี้คงกลั้นใจตายแล้วล่ะเพราะคงทนเจ็บไม่ไหว..." บัวพูดเองเออเองก่อนเรียกลุงเจิมมาจัดการ หล่อนขยับออกไปนั่งเล่นกับปิ่นที่นั่งปั้นดินเหนียวกับบ่าว พวกผู้ใหญ่เข้าครัวทำของว่างเดินออกมาเห็นบัวเล่นอยู่ก็ดุเอา ถามหางานที่ให้ทำหล่อนจึงกลับมาร้อยอุบะต่อ ซึ่งฝีมือการร้อยอุบะของหล่อนนั้นใครเห็นเป็นต้องส่ายหน้า "แม่คนนี้นี่ยายสั่งไม่เคยทำเสร็จสักอย่างก็ไปเล่นละ ดูสิแม่ทิพย์จะมิให้บ่นได้เยี่ยงไร" เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงทุกคนนั่งรับประทานของว่างร่วมกัน หมอชาวอังกฤษมาถึงโดยวันนี้ล่ามภาษาประจำตัวหมอไม่อยู่ หมอถามคนไข้โดนอะไรมาแต่ไม่มีใครฟังออกขุนวิชิตก็ไปข้างนอก ดูทุกคนจะตื่นตกใจที่พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง "ฉิบหายท่านขุนไปวัดลาวกว่าจะกลับอีกนาน ฝา-หรั่งตัวเบ้อเริ่มเทิ่มเลยโว้ย!" "นังศรีหุบปาก" พระยาไชยากรหยิบดิกชันนารีแปลภาษาที่ลูกชายเตรียมไว้ขึ้นมากางเตรียมอ่านตามคำที่ขีดไว้ด้วยว่าแก้วหลับอยู่ "โอ...ซอรี่ ไอขอเทศ มีครายพอพูดภาษาไอด้ายหมาย" บัวอาสาหล่อนพอฟังภาษาอังกฤษออกเป็นบางคำด้วยจำจากมิชชันนารีแถวย่านปากน้ำโพ "บัวก็ฟังออกแค่งูๆปลาๆแหละเจ้าค่ะ ไม่รู้จะรู้เรื่องหรือไม่" หล่อนชี้แจง หมอตรวจอาการมีเลือดคลั่งข้างในกระดูกขาร้าวต้องดามไม้ไผ่ใหม่เนื่องจากม่วงดามผิดวิธีอาจทำให้กระดูกขาขดงอ ตามตัวมีแผลถลอก หมอพูดกับบัวแต่หล่อนฟังออกแค่กระดูกขากับไม้ไผ่ "เออ...คือ..น่าจะกระดูกสักอย่าง ที่เหลือบัวฟังไม่ออก เออ..." หล่อนพยายามให้หมอพูดใหม่ แก้วที่นอนหลับตาฟังอยู่นานเลยฝืนพูดสวนขึ้น "หมอท่านบอกกระดูกขาแตก... ต้องดามใหม่แลให้กินยาขับเลือดขอรับ..." "...." แก้วถามกลับด้วยภาษาอังกฤษว่าต้องทำอย่างไรด้วยความลำบาก คุณหญิงประยงค์กับบัวอึ้งไม่คิดว่าแก้วจะพูดเก่งเช่นนี้ พระยาไชยากรกับคุณหญิงน้ำทิพย์พยักหน้าให้กันอย่างพอใจ ไม่เสียแรงที่ท่านให้มิชชันนารีมาสอนลูกหลานที่เรือน หมอสั่งให้นำน้ำอุ่นกับผ้าสะอาดมาให้ก่อนจะสอนป้าศรีให้เช็ดตัวไล่พิษไข้ นางดูเคืองๆหน่อยเพราะหมอบอกนางเช็ดตัวผิดวิธี หมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดและดามขาให้ใหม่ "ท่านบอกให้กินยาเม็ดอย่าได้ขาดแล้วจะมาดูอาการใหม่ขอรับ..." เขารู้สึกเหนื่อย จะอ้าปากยังลำบากอยากให้หมอกลับไปเร็วๆ ตนจะได้พักผ่อน "ขนาดเล็กกว่ายาลูกกลอน เหมือนก้อนแป้งจะรักษาได้จริงหรือ ให้กินยาหม้อข้าเจ้าดีกว่ากระมัง" ป้าศรีไม่ไว้ใจหมอสมัยใหม่กลัวแก้วไม่หายดี "หลวงโอสถท่านรับรองจะกลัวไปไย เมืองฝรั่งเจริญกว่าชาวสยามมากโขเอ็งอย่าได้สงสัยทำตามที่มิสเตอร์โรเก็นบอก" พระยาไชยากรหันไปขอบคุณหมอโดยใช้บัวเป็นล่ามอย่างทุลักทุเล "โธ่โว้ย... รู้เยี่ยงนี้ขอพ่อท่านเรียนกับมิชชันนารีก็ดีหรอก..." บัวมองหมอชาวอังกฤษเดินลงเรือนไปพร้อมม่วงนึกเสียดายที่ตนเองพูดภาษาต่างแดนไม่เก่งเท่าแก้ว ยศตื่นขึ้นมาเกือบเที่ยงวัน เขานอนอยู่ใต้ถุนเรือนใหญ่โดยมีบ่าวคนสนิทอยู่เฝ้า พระยาไชยากรให้คนหามเขามานอนที่นี่สร้างความไม่พอใจให้คุณยิ้มอย่างมากแต่ไม่กล้าขัดได้แต่สั่งบ่าวพัดวีกันยุงและแมลงกัด พอตื่นขึ้นท่านก็เรียกพบทันที ท่านให้ยศดูสภาพของแก้วพอเห็นชายหนุ่มถึงกับไม่อยากเชื่อสายตาว่าแก้วจะเจ็บหนักขนาดนี้ เขาแค่อยากสั่งสอนเล็กน้อยเท่านั้นเอง ยศกลืนน้ำลายพูดไม่ออก พระยาไชยากรสอบถามยศอีกครั้งคราวนี้เขาส่างเมาบ้างแล้วพยายามใช้ความคิดว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน หมานบ่าวคนสนิทเล่าเหตุการณ์ให้ฟังโดยรวม ยศเถียงลุงบอกแก้วมายุ่งเรื่องตนก่อนเขาคิดเองเออเองว่าแก้วแอบตามตนไปเพราะจะหาเรื่องฟ้อง "ครานี้เอ็งทำเกินกว่าเหตุและยังอาจหาญไปเที่ยวที่โสมมเช่นนั้นข้าจะต้องลงโทษเอ็ง!" "ไม่นะเจ้าคะ! อย่าทำโทษลูกดิฉันเลยนะเจ้าคะคุณพี่! พ่อยศยังเด็กแค่ว่ากล่าวก็พอแล้ว! แต่นี่ไปน้องจะดูแลลูกอย่างดีจะไม่ให้มายุ่งกับไอ้แก้วอีกเลย!" คุณยิ้มร้องไห้คร่ำครวญขอโทษแทนลูกชาย ท่านชี้หน้าให้หยุดพูดถามยศว่าจะรับผิดหรือไม่ ยศลังเลกล้าๆกลัวๆทุกคนส่งสายตากดดันให้เขายอมรับผิดถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ "เออๆ หลานผิดเองที่ให้คนซ้อมไอ้แก้วมันแต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเจ็บหนักเช่นนี้เจ้าคุณลุงจะลงโทษกระไรก็ว่ามา" ยศคิดว่าอย่างมากก็แค่กักบริเวณงดเที่ยวเล่นแค่นั้นเอง แต่เขาคิดผิดท่านให้บ่าวจับตัวยศไว้ "ไอ้เจิมเอ็งไปเอาหวายมาข้าจะเฆี่ยนสั่งสอนเจ้ายศ" "ไม่นะคุณพี่!! พ่อยศของแม่!!" คุณยิ้มได้ยินเช่นนั้นแทบคลั่ง นางกระโดดกอดลูกชายไว้แนนไม่ยอมให้ใครทำร้ายลูกนาง "ถ้าไม่ยอมให้ลงโทษเอ็งกับลูกก็ออกจากเรือนข้าไปเสียแลไม่ต้องมาเยียบที่นี่อีก!!" พระยาไชยากรยื้นคำขาด ป้าศรีกับบ่าวผู้หญิงช่วยกันจับคุณยิ้มไว้ ส่วนบ่าวผู้ชายก็จับยศไว้ท่านลงมือเฆี่ยนยศเองพร้อมพูดสั่งสอน "จำไว้! อยู่บ้านเดียวกันกินข้าวหม้อเดียวกันต้องรักสามัคคีกัน!" เพียะ!! "แลอย่าทำนิสัยหมาหมู่เช่นนี้อีกเราเป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับเข้าใจใหม!!" เพียะ!! เพียะ!! ท่านเฆี่ยนยศไปได้หกที่แก้วก็ร้องห้ามบอกให้พอ เขาไม่ถือโทษยศให้ท่านลงโทษอย่างอื่นแทนท่านจึงหยุดมือ "แต่นี้ห้ามเอ็งออกนอกเรือนจนกว่าไอ้แก้วจะหาย! พอไอ้แก้วหายดีแล้วข้าจะส่งเอ็งทั้งสองไปอยู่วัดเดียวกันให้เรียนหนังสือกับพระครูเนื่อง ในเมื่อแยกกันอยู่ยังทะเลาะกันชังน้ำหน้ากันข้าก็จะให้พวกเอ็งไปอยู่ด้วยกัน!!" คำสั่งท่านถือเด็ดคาดไม่มีใครกล้าขัด คุณยิ้มกอดยศที่ยืนหลังลายเลือดซิบน้ำตาซึมด้วยความเจ็บแสบและความอายที่คนเป็นลุงเฆี่ยนตีตนต่อหน้าคนเรือนพระยาภักดี ที่ท่านทำเช่นนี้เพราะคิดว่ายศจะได้เกิดความละอายจะได้ไม่กล้าทำผิดอีก ยศไม่เคยโดนเฆี่ยนตีมาก่อนกลับเรือนไปถึงกลับไข้ขึ้นเดือดร้อนคุณยิ้มต้องคอยดูแลอยู่ตลอดด้วยความแค้นใจแก้วที่เป็นเหตุให้ลูกชายนางเจ็บตัว "ไอ้แก้ว... มึงทำลูกกูเจ็บตัวอย่าให้ถึงทีกูแล้วกัน..." "หมื่นพิพัฒน์มันร้ายนักคิดจะปอกลอกตายศเหมือนครอบครัวพันฉายเป็นแน่ เราต้องรีบแยกออกจากกันไม่รู้เสี้ยมสอนกระไรไปบ้างเจ้าคุณพ่อคิดเช่นไร" ขุนวิชิตคิดหนักเรื่องที่ยศมักไปสุงสิงกับหมื่นพิพัฒน์ผู้ที่ร่วมทุนเปิดบ่อนและโรงโสเภณีกับพวกพ่อค้าชาวจีนจนกิจการรุ่งเรืองให้โต "ไอ้หมื่นนี่มันจ่ายค่าใบอนุญาตตั้งโรงโสเภณีถึงสามสิบบาท อีกทั้งพวกนางโคมเขียวของมันมีแต่นางหน้าตางดงามราคาแพง บางนางราคาสูงถึงสี่บาทเทียบเท่าพวกญี่ปุ่นกับฝรั่งเชียวราคานี้มีแต่พวกมียศทั้งนั้นกล้าจ่าย ถ้าจะปิดคงยากนักแต่พ่อได้ขู่มันไปแล้วมันคงไม่กล้าให้ไอ้ยศไปที่นั่นอีก" "ถึงจะเป็นเงินภาษีถนนก็เถอะแต่ก็เป็นเงินบาป บางนางก็ถูกผัวถูกพ่อแม่ขายมามิได้เต็มใจลูกเห็นละสงสารพวกนางนักบางนางโดนชำเราทั้งวันทั้งคืน" ขุนวิชิตนึกถึงสายตาหญิงโสเภณีที่เคยช่วยชีวิตไว้ช่างหน้าเวทนานัก ถูกสามีขายเพื่อใช้หนี้พนันถูกย้ำยีศักดิ์ศรีความเป็นคนจนคิดฆ่าตัวตาย เขาช่วยชีวิตนางได้ทันแต่ไม่รู้เป็นการดีหรือไม่เพราะนางต้องทนต่อสายตาและคำดูถูกดูแคลนผู้คนไปตลอดชีวิต "ท่านขุน หลวงโอสถฟากกระโน้นได้ยินว่ามีคนเจ็บในเรือนเลยให้คนนำยาสมุนไพรมาให้เจ้าค่ะ" "เอาไปให้นังศรีต้มแล้วแบ่งไปให้แม่ยิ้มด้วย" บ่าวรับใช้ลงเรือนไป "คุณพ่อแน่ใจหรือที่จะให้ไอ้สองตัวนั่นไปอยู่วัด" ปกติท่านกับลูกชายจะเป็นคนสอนหนังสือยศกับแก้วเอง ส่วนภาษาต่างประเทศก็ได้ว่าจ้างมิชชันนารีชาวอังกฤษมาสอน "อายุพวกมันก็สิบเจ็ดสิบแปดแล้วจะให้เรียนอยู่บ้านก็ใช่ที อีกหน่อยก็ต้องออกไปทำงานดูแลครอบครัวรับใช้บ้านเมือง ส่งไปอยู่กับพระครูเนื่องให้ท่านสอนสั่งลูกศิษย์ท่านได้ดีกันทุกคน" ท่านรินน้ำชาให้ลูกชายมองไปทางแก้วที่นอนนิ่งอยู่ไม่ไกลนักมีปิ่นนั่งอยู่ใกล้รอเขาตื่นอย่างใจจดใจจ่อ "เฮ้อ... เมื่อไหร่พี่แก้วจะฟื้นเสียที ปิ่นเบื่อ" "ถ้าเบื่อนักก็ลงไปเล่นกับลูกบ่าวด้านล่างไป พ่ออนุญาต" เด็กหญิงลุกพรวดทันทีที่ท่านอนุญาต "อีพวงดูลูกข้าดีๆ ล่ะ" ท่านให้ลูกสาวลงเรือนก่อนจะดึงเอกสารออกมาอ่านให้ลูกชายฟังพลางปรึกษา ด้วยตอนนี้บ้านเมืองเจริญขึ้นอย่างรวดเร็วงานราชการของท่านจึงล้นมือ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD