มุกระวียกมือกุมหน้าอก เธอรู้ว่าสายตาเขามองอะไร “คนบ้า อึดอัดที่อยู่ใกล้คนอย่างท่านชีค ไม่ใช่อึดอัดเพราะขนาดหน้าอก” มุกระวีหน้ามุ่ยเหลืออด “ฉันอยากให้เราไปถึงที่หมายไวๆ และคุณได้ตัวคนร้ายสักที พอได้ของคืนแล้ว ถ้าคุณยังไม่ส่งฉันกลับ ฉันจะร้องเรียนไปที่สถานทูต”
“เก่งจริงๆ แต่ตอนนี้เธอทำใจสบายๆ แล้วมองออกไปนอกกระจก เพลิดเพลินกับการชมวิวด้านนอกดีกว่า เธอเองก็อยากมาทัวร์ทะเลทรายอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ก็ถือโอกาสชมวิวไปพลางๆ ก่อนสิ” ไม่พูดเปล่าฟาริสยังเอี้ยวตัวไปประคองใบหน้าสวยให้หันไปมองด้านนอก โดยมีตัวเขาขยับมาซ้อนอยู่ด้านหลัง “นั่นเห็นไหม ต้นอินทผลัม ส่วนนั่นกระรอกทะเลทราย”
“ใครอยากดู” ไหนบอกว่าสร้อยมรกตนั่นสำคัญมากมาย ยังมีเวลามาชมนกชมไม้อีก
“ไม่ดูข้างนอก งั้นก็ดูข้างใน นั่งจ้องหน้าผมไปตลอดทางละกัน”
มุกระวีชะงักและตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ เพราะความร้อนผะผ่าวจากแผ่นอกกว้างของชีคหนุ่มที่ประกบอยู่ด้านหลัง เธอได้กลิ่นน้ำหอมแบบบุรุษเพศของเขาแล้วเผลอสูดดมเข้าเต็มปอด
“เป็นยังไงสวยไหม เดี๋ยวถึงโอเอซิสผมจะพาไปเล่นน้ำ ถ้าโชคดีจะเจอแพรรี ด็อกด้วยนะ พวกมันน่ารักมากเลย”
“ก็ไหนว่ามาตามจับคนร้ายไง”
“แวะดูนิดหนึ่งไม่เป็นไร”
มุกระวีส่ายหน้าหวือ “แบบนี้ก็ได้เหรอ”
ระหว่างทางมุกระวีถูกชักชวนให้ดูทั้งเมียร์แคตและแมวป่าโอซีลอต ทำให้การไล่ล่าคนร้ายลดทอนความน่ากลัวลงไปมาก จนเผลอคิดไปว่าบริษัททัวร์กำลังชดเชยอาการเสียขวัญด้วยการส่งมัคคุเทศก์คนใหม่มาพาเธอทัวร์ทะเลทราย
จนกระทั่งมุกระวีเอ่ยปากบ่น “ท่านชีคคะ ฉันดูทะเลทรายมาถึงหกชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ฉันไม่นึกอยากดูแล้ว เมื่อไหร่เราจะถึงที่หมายคะ” มุกระวีตอบโดยที่ไม่กล้าหันหน้าไปหา แล้วก็ได้ยินเสียงเขา พร้อมกับชี้ให้ดู “เห็นพืชแปลกๆนั่นไหม ที่มีใบและมีหนามเยอะๆ ผลสีเขียวนั่นสามารถกินได้ เรียกว่าต้นนารา”
มุกระวีมองหน้าเขาแปลกๆ เธอไม่ได้ถาม แต่เขาพยายามอธิบาย
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่บอก” พอหันหน้าไปตอบก็รู้สึกว่าปลายจมูกโด่งอยู่ชิดริมใบหูเหลือเกิน “ท่านชีคช่วยขยับไปหน่อยได้ไหมคะ ฉันอึดอัด”
“ผมนึกว่าคุณซื้อตั๋วมาทัวร์ทะเลทรายเพราะอยากดูทะเลทรายของเราเสียอีก ผมก็เลยจะอาสาดูเป็นเพื่อน หรือถ้าคุณสงสัยอะไรก็ถามผมได้ ผมจะทำหน้าที่ไกด์ให้คุณฟรีๆ หนึ่งวัน โปรโมชันดีๆ แบบนี้ ทัวร์ที่ไหนก็ไม่สามารถขายแพ็กเกจนี้ให้คุณได้ยกเว้นผม”
ชีคหนุ่มบอกอย่างใจป้ำ เขาถูกใจแม่สาวเอเชียร่างเล็กคนนี้ เธอน่าสนใจ และดูแตกต่างไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยควงด้วย
มุกระวีค่อยๆ หันหน้ากลับมาสบตากับคนที่ตัวโตกว่า “ฉันอยากรู้ว่าคุณเป็นถึงชีค แค่ชุดมรกตชุดเดียวก็หาซื้อใหม่ได้ ทำไมต้องออกมาติดตามด้วยตัวเอง หรือว่าราคาของมันแพงมาก”
มุกระวีไม่เข้าใจว่าระดับชีคทำไมต้องลงทุนลงแรงมาตามหาด้วยตัวเอง นอกจากสิ่งนั้นจะมีราคาแพงมาก หรือว่ามีคุณค่าทางจิตใจ
ฟาริสเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม “คุณคิดว่าเพราะอะไรล่ะ”
“ฉันคิดว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจ มันอาจเป็นของพระมารดาท่านชีคหรือว่าเป็นของพระชายาท่านชีค ที่ฉันเดามาถูกต้องไหมคะ” เพราะของสวยๆ งามๆ แบบนั้นจะเป็นของใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่มารดาหรือว่าภรรยา ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เร่งออกตามหาด้วยตนเอง
“มันเป็นของใครไม่สำคัญ แต่ผมต้องได้มันคืนมา”
“งั้นแสดงว่าฉันเดาถูก มันมีเจ้าของ มรกตชุดนี้ที่ถูกขโมยไปเป็นของพระชายาท่านชีคใช่ไหมคะ” แน่นอนว่าสร้อยมรกตนี้ท่านชีคคงไม่ใส่เอง
“แล้วแต่คุณจะคิด ที่ถามแบบนี้เพราะอยากหลอกถามว่าผมโสดมีพระชายาหรือยังใช่ไหม”
“เปล่านะคะ” มุกระวีหน้าแดงไปหมด “ฉันแค่คิดว่าท่านชีคคงไม่ได้ใช้มรกตชุดนั้นเอง”
“นี่ถ้าอยากรู้ว่าผมโสดหรือเปล่า คุณเสิร์ชข้อมูลของผมในกูเกิลก็ได้”
มุกระวีส่ายหน้าหวือ “ท่านชีคคงเป็นชีคที่หลงตัวเองที่สุดในโลก ฉันไม่ได้สนใจประวัติส่วนตัวของท่านชีคสักนิด”
“แล้วตกลงคุณสนใจเป็นพระชายาของผมจริงไหม หรือว่าเกิดอยากเป็นเมียของผมขึ้นมาเลยโยนหินถามทางดูก่อน”
มุกระวีค้านหน้าแดงเถือก “ไม่ได้โยนหินถามทางค่ะ ไม่ได้อยากรู้เลยจริงๆ”
“งั้นผมจะบอกให้ว่าผมมีชายาได้สี่คน และสนมจำนวนเท่าไรก็ได้ไม่จำกัด คุณอยากเป็นเมียของผมไหม ผมจะให้คุณเป็นสนมก่อน”
“ใครอยากเป็นสนมของท่านชีคกันล่ะ เก็บความปรารถนาดีของคุณไปบอกผู้หญิงคนอื่นเถอะ” มุกระวีเกิดอาการหน้าแดงใจสั่นจนต้องเบือนหน้าหนีเพื่อปกปิดพิรุธของตัวเองว่ากำลังเขินขนาดไหน
มุกระวีกัดริมฝีปากแน่น อีตาบ้า พูดมาได้มาชวนให้เป็นเมีย เจ้าชู้ มักมาก มีชายาสี่ สนมเป็นร้อย แบบนั้นมันฮาเร็มชัดๆ ถ้าหากเธอยอมก็คงต้องต่อแถวยาวเหยียดกว่าสามีจะวนลูปมาหา ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเธอขอแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาสักคนดีกว่า ขณะที่สายตาของมุกระวีเหม่อออกไปนอกรถ ก็เห็นสิ่งที่จะทำให้เธอปลดทุกข์ได้
ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง ชี้มือชี้ไม้ไปด้านนอกรถอย่างดีใจ เพราะรู้สึกต้องการเข้าห้องน้ำ และล้างหน้า “ท่านชีค นั่นโอเอซิสใช่ไหม ฉันเห็นต้นปาล์มขึ้นเต็มเลย เราแวะที่นั่นกันได้ไหมคะ”
ท่าทางดีอกดีใจของมุกระวีทำให้ชีคหนุ่มคิดหนัก เพราะโอเอซิสที่เขาจะพักมันไม่ใช่โอเอซิสตรงนั้น ที่ที่มุกระวีชี้ไปมันเป็นโอเอซิสที่อยู่ในทำเลไม่ปลอดภัย ง่ายต่อการถูกดักซุ่มโจมตี
“เราพักที่นั่นแล้วค่อยออกเดินทางต่อเถอะนะคะ ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ ขาฉันปวดไปหมด อยากล้างหน้าและทำกิจวัตรส่วนตัว พักสักสิบนาทีก็ยังดี”
น้ำเสียงอ้อนวอนของมุกระวีทำให้ฟาริสระบายลมหายใจยาว ก่อนหันไปสั่งคนสนิท “อะลีฟ เดี๋ยวเราแวะที่โอเอซิสข้างหน้านี่”
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะท่านชีค”
“ทำตามที่ฉันสั่ง” พวกเขาสื่อสารกันด้วยภาษาที่มุกระวีไม่เข้าใจ
อะลีฟจำเป็นต้องหุบปากแล้วทำตามที่เจ้านายสั่ง เขาใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมบอกกับรถคันหน้าและรถที่ติดตามมาให้แวะพักที่โอเอซิสข้างหน้า
ไม่นานขบวนรถของฟาริสก็ไปหยุดที่โอเอซิส มุกระวีรีบเดินไปหาแอ่งน้ำแล้ววักน้ำล้างหน้าเพื่อเพิ่มความสดชื่นทันที เธอมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครอยู่แถวนี้ก็รีบไปหาที่ทำธุระส่วนตัว
“ให้ตายเถอะ การมาเที่ยวทะเลทราย ความลำบากมันอยู่ตรงหาที่ปลดทุกข์นี่ล่ะ คิดแง่บวก มันคือห้องน้ำแบบเอาต์ดอร์ที่มีวิวหลักล้านก็แล้วกัน”
อีกฟากหนึ่ง ฟาริสกำลังหน้าเคร่งเครียดกับการสั่งงานลูกน้อง “เราจะพักค้างแรมที่นี่ ตั้งกระโจมแล้วตั้งเวรยามดูแลให้ดี”
“แต่ว่าที่ตรงนี้ไม่ปลอดภัยนะพ่ะย่ะค่ะท่านชีค กระหม่อมว่าเราเดินทางไปพักยังโอเอซิสที่เราวางแผนไว้แต่แรกดีกว่า” อะลีฟเสนออย่างเป็นห่วงเจ้านาย
“ต้องใช้เวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะถึง ฉันคิดว่าทุกคนเหนื่อยล้ามาพอแล้ว พักที่นี่ก่อน แต่ให้จัดเวรยามแน่นหนาตลอดคืน”
อะลีฟไม่เข้าใจชีคหนุ่มเลย แต่หน้าที่ของเขาคือทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดและต้องทำอย่างดีด้วย เขาสั่งงานลูกน้องเสร็จแล้วก็มองไปที่เจ้านายของตัวเองที่หมุนตัวเดินตรงไปที่แอ่งน้ำ ก่อนจะรีบเดินตามไปเพื่ออารักขา