"คนงามตอบข้าหน่อย เป็นอันใดไป ได้ยินหรือไม่"
ข้อความจากเจ้าของเสียงทุ้มเข้มไม่ได้เข้าหูของคนตัวขาวเลยสักนิดหลังจากได้รับรู้เรื่องราวสุดคาดไม่ถึงมา แต่ก็ยังดีที่ไกรทองยังพอเรียกสติคนตรงหน้าได้โดยการเขย่าตัวร่างโปร่งไปหลายที
"มะ..มีอะไรหรือ"
เจ้าของดวงตาสีปีกกาตอบกลับเสียงสั่น ใบหน้างดงามมองสบนัยน์ตาสีรัตติกาลเพียงครู่หนึ่งก่อนจะหลุบมองไปทางอื่น
กลัวตัวเองก็กลัว กลัวคนตรงหน้าก็กลัว ตอนนี้เขาลนลานทำอะไรไม่ถูกไปหมดแล้ว
"ข้าสิควรจะถามเอ็ง เหตุใดจึงทรุดตัวลงเช่นนี้ แล้วพวกนั้นเป็นใครกันเขาทำอันใดเอ็ง"
"ไม่ๆ เขาไม่ได้ทำอะไรข้า ไม่มีใครทำอะไรข้า"
เจ้าของใบหน้างดงามรีบปฏิเสธก่อนที่คนตรงหน้าจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ร่างโปร่งรีบหยัดตัวขึ้นพลางปัดเศษดินทรายที่ติดตามตัว ก่อนจะฝืนยิ้มให้หนุ่มผิวเข้มแล้วจึงลนลานขอตัวไปที่อื่นก่อน
"ข้า..ขออยู่คนเดียวครู่หนึ่ง"
ไกรทองจะรั้งไว้ก็รั้งไม่อยู่ได้แต่ยืนมองร่างของคนงามหันหลังเดินออกไปไกลลิบๆ
อันที่จริงเขาก็อยากตามอีกคนไปดูอาการอยู่หรอก แต่เมื่อได้สบมองดวงตาคู่นั้นแล้ว บางทีการตามใจเจ้าตัวอาจจะดีกว่า
พอคนตัวขาวปลีกตัวออกมาในที่ลับตาคน เขาก็รีบยกมือขึ้นมากุมหัวใจที่เต้นระรัวของตัวเองไว้ทันที
ปัญหามากมายประเดประดังเข้ามารอบตัวเขาจนเขาไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง ควรจะอยู่กับไกรทองต่อดีไหม หรือเขาควรกลับไปยังที่ที่ตัวเองควรอยู่ดี
ถ้าเลือกกลับไปยังที่ของตัวเอง เป็นไปได้ว่าสักวันเขาก็ต้องถูกไกรทองตามมาฆ่า ส่วนอีกทางที่เลือกอยู่กับอีกฝ่ายต่อ วันใดวันหนึ่งที่ไกรทองจับได้ไม่ใช่ว่าเขาก็ต้องตายอยู่ดีหรือ
ไม่ว่าจะทางไหนจุดจบของเขาก็คือการต้องถูกไกรทองสังหารทั้งสิ้น จากคนที่เป็นเหมือนเพียงความหวังเดียวของเขา กลับกลายเป็นว่าตอนนี้คนๆนั้นกลายเป็นคนที่จะคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะกลับไปมองหน้าไกรทองอย่างไรดี
ในอีกหลายวันต่อมา อาการแปลกๆของคนงามไกรทองยิ่งสามารถเห็นได้ชัด จากวันนั้นที่คนงามเปลี่ยนไปในตอนนี้อะไรหลายๆอย่างก็ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก
ตั้งแต่เจ้าตัวดูไม่ร่าเริงอย่างแต่ก่อน อีกทั้งยังมักจะทำสีหน้าเหมือนคนใกล้ตายไปซะทุกครั้ง เวลาถามอะไรก็ตอบเพียงคำห้วนสั้น
ที่หนักสุดเลยคงเป็นการตีตัวออกห่างของเจ้าตัวที่นับวันยิ่งเรียกได้ว่าแทบจะไม่เฉียดเข้าใกล้เขาอยู่แล้ว
"ข้าว่าอีกไม่นานเอ็งโดนเมียทิ้งแน่ โอ้ย!"
พูดยังไม่ทันขาดคำฝ่ามือพิฆาตของไกรทองก็ฟาดลงบนหัวสหายร่วมวงเหล้าปากเสียแล้ว
"ปากเอ็งนี่นะ คนงามเขาจะทิ้งข้าได้อย่างไร ข้าน่ะดูออกหนาว่าเขามีใจ อย่างไรเขาก็ไม่ทิ้งข้าง่ายๆ"
หลังจากที่คนงามเมินเฉย ไกรทองจึงไปนั่งดื่มเหล้าย้อมใจกับสหายอื่นๆพร้อมขอคำปรึกษา แต่ดูท่าว่านอกจากเขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาแล้วพวกนี้ยังจะเสี้ยมให้เขาผิดใจกับคนงามอีก
"อะไรทำให้เอ็งมั่นหน้า-- เอ้ย มั่นใจขนาดนั้นว่าเขาชอบวะ"
"เหอะ..ก็จะอะไรล่ะ..."
พ่อหนุ่มเมืองนนกระดกเหล้าเข้าปากก่อนจะสาธยายสิ่งที่เขาสัมผัสได้หลังจากอยู่ร่วมกับคนงามมานาน
ช่วงแรกๆที่ยังไม่สนิทคนงามแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัว อีกอย่างถึงเจ้าตัวจะหน้านิ่งหน้ามึน แต่เวลาไม่พอใจอะไรมันก็จะออกทางแววตาชัดเจนมาก
ยิ่งเวลาชักสีหน้าใส่คนที่ไม่ชอบยิ่งชัดเจนไปใหญ่ แต่หลังจากอยู่ด้วยกันไปสักพัก นอกจากคนงามจะยอมให้เข้าถึงตัวแล้ว บางทีก็จะเป็นฝ่ายเข้ามากอดมาอ้อนเขาเองโดยไม่รู้ตัวก็มี
"และที่สำคัญที่สุด..คือสายตาคู่นั้นของเขาที่มองข้า มันลึกซึ้งและเสน่หาไม่เหมือนที่มองคนอื่น..."
เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลอธิบายเสียงเรียบคนอื่นๆเองก็ฟังแบบไม่มีข้อโต้แย้ง ใจจริงก็อยากจะบอกว่าสหายคนนี้มโนไปคนเดียวอยู่หรอก แต่เมื่อมาลองพินิจดูแล้ว ทั้งสายตาและการกระทำของคนงามก็ชัดเจนจริงๆว่ามีใจ
"เออ..ข้าเชื่อ แต่ว่าหนาไอ้ไกร เช่นนั้นแล้วเขาจะมีทีท่าเช่นนั้นได้อย่างไรวะ"
"ข้าก็ไม่รู้ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นตอนคนงามไปเจอใครก็ไม่รู้สองคน หลังจากวันนั้นก็เปลี่ยนไปเลย"
ไกรทองเล่าเรื่องคร่าวๆให้คนในวงเหล้าฟัง คนที่เริ่มเมาจนได้ที่หลายๆคนจึงลงความเห็นไปต่างๆนานาทั้งมีมูลบ้างและไม่มีมูลบ้าง
"ข้าว่าบางทีสองคนนั้นอาจจะเอาเรื่องเสียๆของเอ็งไปเล่าให้คนงามฟัง เขาก็เลยไม่ชอบขี้หน้าเอ็งขึ้นมา"
"ข้าไม่มีเรื่องเสื่อมเสียเท่าที่จำความได้"
"ไม่เขาก็อาจจะใส่สีตีไข่เรื่องของเอ็ง เล่าเอ็งเสียๆหายๆ แล้วคนงามก็เชื่อสนิท"
"..."
บางทีคำพูดของคนที่โดนฤทธิ์แอลกอฮอลก็ดูไร้เหตุผลไปบ้าง แต่สำหรับคนเมาอีกคน นี่เองก็เป็นเหตุผลที่มากพอแล้ว
"นี่คนงาม..เชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่าตัวข้างั้นรึ.."
ชายร่างสูงเริ่มกำจอกสุราแน่น อารมณ์ของเขาปั่นป่วนไปหมด ทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง บางทีก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
"นั่นน่ะสิ อยู่กับเอ็งตั้งนานแต่ดันเชื่อคำผู้อื่น ใช้ไม่ได้ๆ"
"เอ็งว่าเขาจะใส่สีไอ้ไกรว่าอันใดวะ"
"คงจะเป็นเรื่อง...สมองกล้ามเก่งแต่ใช้กำลัง อันธพาลชอบมีเรื่องชกต่อย"
"โอ้ว! ข้าว่าก็เข้าเค้าอยู่"
ไกรทองนั่งฟังคนอื่นๆพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ขณะที่ในใจเกิดกองไฟเล็กๆที่ปะทุขึ้นมาเตรียมแผดเผา
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือน้ำเย็นๆมาดับไฟในใจ แต่ยิ่งรอบข้างพูดไปมากเท่าไหร่ มันก็เหมือนเติมเชื้อไฟในตัวเขาให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ตัดภาพไปที่คนงามซึ่งตอนนี้กำลังเจรจาบางอย่างกับจระเข้รับใช้ของตัวเอง เป็นฤกษ์งามยามดีที่ไกรทองออกไปข้างนอกเขาจึงสามารถแอบมานัดพบใครคนอื่นได้
"นายท่านว่าอย่างไรหนา ลืมวิธีลงไปใต้น้ำรึขอรับ"
เรื่องแรกที่สำคัญเลยหากชาละวันคนนี้คิดจะกลับไปใช้ชีวิตแบบจระเข้ คือเขาไม่สามารถใช้มนต์อะไรของเจ้าของร่างคนเก่าได้ อีกทั้งยังไม่รู้แม้แต่วิธีจะทำให้ตัวเองอยู่ในร่างไอ้เข้อีก
"เอ่อ..ข้าขึ้นมาเมืองมนุษย์นาน จึงไม่มั่นใจเท่าใดนัก ช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่"
จระเข้ในร่างมนุษย์สองตัวมองหน้ากันไปมา ถึงจะสงสัยในคำถามอยู่บ้างแต่ในเมื่อเจ้านายถามมาเขาก็จะตอบไป
เหตุผลที่คนตัวขาวตัดสินใจว่าจะกลับไปใช้ชีวิตเป็นชาละวันเงียบๆอยู่ใต้บาดาลเป็นเพราะมันคือที่ๆเขาควรจะอยู่จริงๆตั้งแต่แรก
อีกอย่างหากยังอยู่กับไกรทองต่อไป โอกาสการตายของเขานั้นมีมากกว่าเป็นเท่าตัว
ถึงกระนั้นเหตุผลจริงๆที่เขาไม่สามารถอยู่กับไกรทองต่อได้ คงจะเป็นตอนนี้แม้แต่ใบหน้าของไกรทอง เขาก็ยังไม่สามารถมองมันตรงๆได้เลย
คนงามคิดเอาไว้คร่าวๆว่าหากได้กลับไปยังเมืองของจระเข้ เขาจะนำตะเภาแก้วที่ชาละวันคนก่อนลักพาตัวมาไปคืนเศรษฐี ถ้าโชคดีอาจจะรอดตัวไป เนื่องจากเศรษฐีได้ลูกสาวคืนแล้วจึงยกเลิกประกาศ
ส่วนถ้าโชคร้าย..อันนี้เขาก็ยังคิดไม่ออก
"นายท่านจะเริ่มเดินทางตอนนี้เลยดีหรือไม่ขอรับ"
"ตอนนี้? ตอนนี้เลยหรือ"
ดวงตาสีปีกกาล่อกแล่กไปมาอย่างไปไม่เป็น สำหรับเขาแล้วการไปไม่ลามันไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ แต่หากจะลาจริงๆเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะไปลาไกรทองอีก
"มีอะไรรึขอรับ หรือท่านยังมีธุระบนเมืองมนุษย์ต่อ?"
"แต่ข้าว่าเอาไว้ก่อนเถอะขอรับ ตอนนี้กลับไปหาท้าวรำไพก่อนดีกว่า"
ชาละวันนิ่งค้างขบคิดอยู่กับตัวเองพักใหญ่ ใจจริงเขาก็อยากจะตามทั้งคู่ไป แต่มันก็เหมือนมีชะงักบางอย่างบอกให้เขารออะไรบางอย่างอยู่ก่อน
แต่ว่า..รออะไรล่ะ?
"ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง"
เสียงทุ้มเข้มอันคุ้นเคยทำให้คนตัวขาวถึงกับรีบหันมอง
และเป็นร่างของไกรทองที่ยืนมองเขาอยู่โดยที่สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกใดๆ
มันจะบังเอิญอะไรปานนั้น แล้วนี่ทำไมไกรทองถึงได้กลับเร็วนักล่ะ
"ไกรทอง.."
พูดยังไม่ทันจบร่างหนาก็รีบพุ่งเข้ากอดคนงามไว้แน่น เขากอดร่างที่เล็กกว่าตัวเองไว้อย่างหวงแหนในขณะที่สายตาก็จ้องเขม็งไปที่ร่างสองร่างที่อยู่ข้างคนงามของตน
คนตัวขาวยามได้กลิ่นแอลกอฮอล์บนร่างที่กอดเขาอยู่ก็รู้สึกเวียนหัวอาการไม่ค่อยดีนัก จึงพยายามดันร่างหนาออกจากกายทว่านั่นก็ยิ่งเพิ่มความเข้าใจผิดให้คนตรงหน้าไปอีก
"นี่เอ็งรังเกียจข้าจริงๆสินะ"
เสียงทุ้มเข้มแข็งกระด้างไม่เหมือนอย่างเคย คนงามที่ได้ยินดังนั้นกำลังจะเอ่ยปากตอบทว่ายังไม่มีอะไรออกจากปากสักคำอีกคนก็ชิงพูดก่อนเสียแล้ว
"เอ็งเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อข้า! มันเป็นเช่นนั้นจริงๆใช่หรือไม่!"
เสียงตะคอกมาพร้อมกับแรงบีบมหาศาลที่แขนเรียวของคนงาม คนตัวเล็กกว่าสั่นกลัวจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็พอเดาได้ว่าคนตรงหน้าคงถูกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เล่นงาน
"อย่าเอามือสกปรกๆของเอ็งมาแตะต้องนายข้า!"
หนึ่งในจระเข้รับใช้รีบผลักไกรทองออกจากร่างโปร่ง พร้อมจระเข้รับใช้อีกคนที่ดึงร่างของคนงามรวบเข้าอ้อมแขนตน เท่านั้นแหละที่ไฟซึ่งเคยลุกไหม้ในใจของไกรทอง ก่อเป็นเปรวเพลิงกองใหญ่ยากจะดับลงโดยง่าย
"นี่พวกเอ็งเป็นใครวะ.."
ไกรทองพูดเสียงแข็งมองสอดสายตาไปที่ร่างทั้งสาม หนึ่งคือคนที่ตอนนี้ยืนประจันหน้าเขา สองคือคนงามที่เขารู้จักดีและอีกคนที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ที่สุด เพราะมันกำลังโอบคนงามของเขาอยู่
"ปล่อยมือจากคนของข้า!"
ชายผิวเข้มไม่รอช้ารีบพุ่งไปหวังจะคว้าตัวคนงามกลับมา ทว่ายังไม่ทันถึงตัว ข้ารับใช้อีกคนก็เอาตัวมาบั้งไว้แล้ว
"เอ็งพานายกลับไปก่อน"
"ได้"
ทั้งสองจัดการหน้าที่กันเสร็จสรรพ ข้ารับใช้คนหนึ่งก็รีบจูงคนงามไปทางอื่น แน่นอนว่าร่างโปร่งเดิมทีตัดสินใจจะไปแต่แรกอยู่แล้วจึงหันหลังให้ไกรทองแล้ววิ่งไปพร้อมใครอีกคน
นี่เองก็ทำให้นัยน์ตาสีรัตติกาลที่มองอยู่หม่นแสงทันที ดวงใจของเขาวูบโหวงเหมือนถูกอะไรสักอย่างมากระชากออก เขาแน่นิ่งทำอะไรไม่ถูก ในขณะนั้นเองที่น้ำตาหยดใสคลอเต็มเบ้าตา
ทางชาละวันที่เดินไปตามทางก็พยายามฝืนกลั้นตัวเองไม่ให้หันกลับไป เขาเอามือกุมดวงใจที่เหมือนจะหลุดออกจากอกไปหาคนที่เขารัก พยายามบอกมันว่าให้ยอมรับความเป็นจริงว่าอย่างไรเสียเรื่องของพวกเขาก็เป็นไปไม่ได้
คนที่จากไปไม่ได้หมายความว่าจะไม่เสียใจ
และคนที่ไม่ร้องไห้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รักเช่นกัน
ขมๆ ยามดึก กำลังปรุงสุกได้ที่
พระเอกเรื่องนี้ดูไม่หมานะคะ?
แล้ว..ก่อนนอนก็ ฝันดีนะคะ??️??️