หลังจากถูกพาออกห่างจากไกรทองไปเรื่อยๆ คนรับใช้ข้างกายก็จูงคนงามลงน้ำอย่างรวดเร็วโดยที่เขายังไม่ทันเตรียมตัว น่าแปลกที่ร่างกายของเขาปรับตัวได้อย่างว่องไว
จากที่ควรจะสำลักน้ำตะเกียดตะกายเหมือนคนใกล้ตาย กลับกลายเป็นว่าเขาสามารถหายใจในน้ำได้ ซ้ำร่างกายที่เคยเป็นมนุษย์ยังมีหลายส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั่วกายมีบางส่วนที่กลายเป็นจระเข้ อย่างเช่นมือหรือเท้า ไปจนกระทั่งหางใหญ่ๆที่งอกออกมาช่วยให้เขาว่ายน้ำได้สะดวกขึ้น
แม้ใต้น้ำจะมืดมิดจนแทบไม่มีแสง แต่ด้วยประสาทสัมผัสและสายตาที่พิเศษมันก็ทำให้เขาสามารถไปถึงเมืองจระเข้ได้ในที่สุด
ร่างโปร่งแตะขาลงกับพื้นถ้ำที่มีแสงส่องประกายจากด้านใน ภายนอกแม้จะดูเหมือนเป็นเพียงถ้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อได้ก้าวผ่านมิติบางอย่างไปข้างใน กลายเป็นว่าเหมือนกับเขาหลุดออกมาอีกโลกหนึ่งเลย
ข้างในนี้ไม่มีน้ำ เป็นที่เดียวที่สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้ สมกับเป็นถ้ำวิเศษและใจกลางเมืองจระเข้ ไม่ธรรมดาอย่างที่เคยจินตนาการไว้จริงๆ
"นายท่าน รีบไปหาท้าวรำไพเถิดขอรับ"
ด้วยความที่ว่าชาละวันไม่ยอมกลับมาที่ถ้ำเป็นเวลานาน ท้าวรำไพจึงไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ที่เจ้าหลานดื้อแพร่งเอาแต่ใจ ไม่ยอมถือศีลเป็นจระเข้ที่ดีอย่างเขา
ทางคนตัวขาวเองก็พอจะเห็นชะตากรรมตัวเองอยู่ลางๆ คาดว่าไม่นานตนคงจะถูกท้าวรำไพตำหนิในสิ่งที่เจ้าของร่างคนเก่าสร้างปัญหาไว้เป็นแน่
"มาแล้วรึชาละวัน"
ท้าวรำไพผู้มีญาณมองเห็นอนาคตรู้อยู่แล้วว่าหลานตัวเองจะเข้ามาในวันนี้ เขาจึงได้มารออีกฝ่ายตั้งแต่หัววันจนกระทั่งได้พบ
ดวงตาคู่งามมองผู้มีศักดิ์เป็นปู่ด้วยแววตาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ใบหน้าของชาละวันที่มักจะแสดงท่าทีไม่พอใจยามนี้กลับนิ่งงันเหมือนว่าไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
"เดี๋ยวนี้เอ็งดูกล้าแข็งข้อกับข้ากว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะ"
ท้าวรำไพว่าเสียงแข็ง จ้องมองหลานชายที่เหลือเพียงคนเดียวของตน ทางชาละวันเองแม้ว่าภายนอกจะดูไม่สนฟ้าสนดินเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว เขานั้นกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรเลยต่างหาก
นี่หรือท้าวรำไพพญาจระเข้ผู้ยิ่งใหญ่ ขนาดไม่ได้เข้าใกล้มากยังสัมผัสได้ถึงรังสีอันน่าเกรงขาม นี่ถ้าคนตรงหน้าจับได้ว่าชาละวันตอนนี้ไม่ใช่หลานชายจริงๆของตน ตัวเขาจะไม่แย่เอาหรอ
"ท่านปู่คิดมากเกินไปแล้ว ใครมันจะไปกล้าแข็งข้อกับท่านกัน"
คนงามตอบกลับเสียงเรียบ ยังคงประคองสติสตางค์ของตัวเองไว้ได้แม้ต้องเผชิญกับสถานะการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
"พูดมาได้อย่างไรว่าไม่กล้าแข็งข้อกับข้า หากเป็นอย่างที่ว่าจริง เอ็งก็ต้องฟังคำของข้า นำนังหญิงมนุษย์นั่นกลับคืนเมืองมนุษย์ไปแล้ว"
นังผู้หญิงมนุษย์ที่ว่าจะเป็นใครไปได้นอกจากตะเภาแก้วคนที่ถูกชาละวันลักพาตัวมา พอท้าวรำไพพูดถึงตะเภาแก้วเขาก็เหมือนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
เดิมทีแล้วที่ไกรทองคิดจะมากำจัดชาละวันมันเพราะต้องการสังหารจระเข้ที่ฆ่าตะเภาแก้วไม่ใช่หรือ เช่นนั้นแล้วหากเขานำนางไปคืนเมืองมนุษย์เศรษฐีเมืองพิจิตรอาจจะยกเลิกประกาศจับเพราะได้ลูกสาวคืน
ถึงแบบนั้นมันก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ เพราะเดิมทีแล้วพวกจระเข้สร้างความหวาดหวั่นให้ชาวเมืองที่นี่ไม่น้อย เป็นไปได้ว่าไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายเศรษฐีนั่นก็จะไม่ยกเลิกประกาศ
แล้วเขาก็จะถูกไกรทองฆ่าอยู่ดี
"เช่นนั้นท่านปู่ ข้าจะให้พวกจระเข้นำนางไปคืนเมืองมนุษย์"
"ว่าอย่างไรหนา?"
"ข้าเองก็เบื่อนางแล้วเช่นกัน เล่นนางเสร็จไม่ฆ่าก็คืน แต่ข้าว่าท่านคงไม่พอใจหากมีคนมาตายที่นี่ เช่นนั้นก็คืนนางไปเถิด"
"..."
ฝีปากชาละวันคนนี้แพรวพราวยิ่งนัก สามารถสวมบทบาทได้อย่างไม่มีติดขัด อีกทั้งยังสามารถหาเหตุผลต่างๆมาสมทบตัวเองได้อย่างลื่นไหล
"เอ็งคิดได้เช่นนั้นก็ดี ข้าจะให้พวกจระเข้นำนางไปคื--"
"ไม่ได้หนาเจ้าคะ!"
เสียงหวานใสของหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นมาก่อนท้าวรำไพจะพูดจบ ทันทีที่ชาละวันหันมองตามหญิงสาวคนนั้นก็รีบเข้ามากอดแขนเข้าไว้ก่อนแล้ว
ด้วยความว่าสถานที่ที่ท้าวรำไพและชาละวันคุยกันอยู่เป็นโถงกว้างซึ่งไม่ได้ปิดประตูไว้ คาดว่าคนที่ผ่านไปผ่านมาบางคนก็อาจจะได้ยิน
"ตะเภาแก้วรึ"
เป็นท้าวรำไพที่พุดออกมา ร่างโปร่งที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบหันมองสตรีที่เกาะแขนตนอยู่ นางมีใบหน้างดงามอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังมีความเป็นมนุษย์ชัดเจนต่างจากพวกจระเข้ที่เดินผ่านไปมาแถวนี้
"เจ้าพี่ ไหนท่านบอกว่าชมชอบตัวข้าอย่างไร แล้วเหตุใดจึงจะส่งข้ากลับเมืองมนุษย์เล่า"
นางพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พยายามเอาหน้าอกอันใหญ่เบียดเสียดชายที่นางรักอย่างสุดความสามารถ
ชาละวันนิ่งค้างทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะรับมือยังไง แต่ที่แน่ๆคือเขาไม่ชอบเลยที่มีคนมาแตะเนื้อต้องตัวแบบนี้
"อย่ามาจับข้า ถอยออกไป"
เจ้าของดวงตาสีปีกกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก แน่นอนว่าแต่ไหนแต่ไรเขาไม่ชอบให้คนไม่สนิทแตะต้องตัวอยู่แล้ว ยิ่งคุกคามเขาขนาดนี้เขายิ่งไม่ชอบ
"ได้ยินหรือไม่นังมนุษย์ ผัวข้าบอกให้ปล่อยก็ปล่อยสิวะ"
สตรีอีกนางตรงเข้ามายามได้ยินบทสนทนา จากการคาดเดาแล้วสตรีนางนี้คงจะเป็นวิมาลาไม่ก็เลื่อมมายวรรณ หนึ่งในเมียของชาละวันเจ้าของร่างคนเก่า
นางตรงเข้ามากระชากแขนตะเภาแก้วออกจากสามีตัวเอง เท่านั้นแหละศึกแย่งผู้ชายก็บังเกิดขึ้นทันที
"เอ็งกลัวเขาจะรักข้ามากกว่าล่ะสิ!"
"ถ้าเขารักเอ็งเขาไม่ไล่เอ็งเช่นนี้ดอกอีแพศยา!"
ชาละวันไม่ได้เอ่ยห้ามหรือพูดอะไร เขาทำเพียงเดินถอยหลังออกจากทั้งคู่เท่านั้น ตอนนี้หน้าที่ต้องจัดการสองสตรีเลยตกไปที่ผู้อาวุโสอย่างท้าวรำไพแทน
"หยุดประเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นจะนางไหนข้าก็ไม่ให้ยุ่งกับหลานข้าทั้งนั้นแหละ!"
เสียงเอ็ดของท้าวรำไพทำให้สตรีทั้งสองซึ่งกำลังตะกุยหน้ากันหยุดลง ทว่ามันก็ยังหยุดความบาดหมางของทั้งคู่ไม่ได้
"วิมาลาข้าบอกเอ็งแล้วว่าให้อยู่ห่างๆนางมนุษย์นี่ไว้ ส่วนเอ็งหนาตะเภาแก้ว ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวว่าตนอยู่ที่ใด วิมาลาสามารถสังหารเอ็งได้ในชั่วพริบตา"
"นางไม่กล้าดอกเจ้าค่ะ เพราะข้ามีท่านพี่ชาละวันอยู่"
"เอ็งไม่เห็นหรือว่าเขาไม่เห็นหัวเอ็งเลยสักนิด เมื่อครู่ที่เอ็งถูกทำร้ายเขาก็ไม่ได้ช่วยเหลือเอ็ง"
ความจริงข้อนี้ทำให้ตะเภาแก้วไร้ทางจะเถียง รวมถึงวิมาลาด้วย เพราะหากชาละวันรักนางจริงเขาก็คงเข้ามาดูอาการนางแล้ว คงไม่เอาแต่มองดวงแววตาไร้อารมณ์เช่นนั้น
"ขึ้นไปเมืองมนุษย์เสียนาน คงจะได้นางบำเรอคนใหม่แล้วสิท่า"
"ไม่เกี่ยวกับเอ็ง"
วิมาลาที่พยายามพูดแซะถูกชาละวันสวนกลับโดยพลัน นางกำมือแน่นอย่างไม่สบอารมณ์อย่างไรเสียเดิมทีนางเองก็ไม่ได้รักเขาเช่นกัน ที่มาอยู่ที่นี่เพียงเพราะแค่อำนาจของเขาเท่านั้น
"ชิ"
วิมาลาหันหลังเดินหนีกลับเข้าห้องตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ ชาละวันเองก็รำคาญใจกับปัญหาจึงขอตัวกลับไปพักผ่อน
"ประเดี๋ยวเจ้าพี่ชาละวันแล้วข้าล่ะ"
"ก็บอกแล้วอย่างไรว่าข้าจะส่งเอ็งกลับเมืองมนุษย์ จะกลับไม่กลับเรื่องของเอ็ง แต่หากยังอยู่ข้าไม่รับประกันชีวิต"
พูดจบก็เดินจากไปอย่างไม่ใยดี ทิ้งไว้แต่ตะเภาแก้วซึ่งแสดงใบหน้าน่ารังเกียจด้วยความไม่พอใจลำพังเช่นนั้น
ร่างโปร่งล้มตัวลงนอนกับตั่งในห้องของชาละวัน ดีหน่อยที่มีคนช่วยนำทางเขาจึงมาถึงที่แห่งนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ชีวิตวันแรกของการเป็นชาละวันเต็มตัวสงบสุขดี(มั้ง) แต่เกือบเป็นลมอยู่บ้างตอนเห็นจระเข้ตัวเป็นๆว่ายน้ำไปมาแถวนี้
"น่ากลัว..น่ากลัวจังเลยไกรทอง..."
เจ้าของใบหน้างดงามนิ่งค้าง จู่ๆก็เผลอเรียกชื่อคนๆนั้นออกมาพลันในใจก็วูบโหวง ตั้งแต่มายังโลกนี้ไกรทองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว
ก่อนนอนทุกคืนก็เห็นกันเป็นคนสุดท้าย ตื่นมาทุกเช้าก็เห็นคนๆนั้นเป็นคนแรก จู่ๆวันหนึ่งแยกจากกันกระทันหันโดยแม้แต่คำร่ำลายังไม่มี
"ขอโทษหนาไกรทอง.."
เรื่องนี้เขารู้สึกผิดจนแทบจะข่มตาไม่ลง เขาทอดทิ้งอีกฝ่ายแล้วหนีมาดื้อๆโดยที่แม้แต่คำลาสักคำยังไม่มี
บุญวาสนาของเราทั้งคู่คงมีเท่านี้จริงๆ แต่อย่างไรเสียไกรทองก็ยังเป็นพระเอกในวรรณคดีคนนึง ชีวิตของเขาในภายภาคหน้าย่อมต้องดีอยู่แล้ว
"ข้าคงต้องกักตัวเงียบๆสักปีสองปี เป็นไปได้ก็อยู่แต่ในถ้ำตลอดชีวิต.. ข้าคงไม่มีหน้าไปเจอเอ็งอีก"
ชายร่างสูงผิวเข้มค่อยๆลืมตาพลางหยัดกายที่หนักอึ้งพิงนั่งกับต้นไม้ เขามองไปรอบๆทิวทัศที่คุ้นเคยแม้ว่าขมับจะปวดหนึบก็ตาม
คืนก่อนเขาเมาจนจำอะไรแทบไม่ได้ ถึงกระนั้นมันก็ยังมีหนึ่งสิ่งที่ชัดเจนในความทรงจำไม่เลือนหาย
"คนงามของข้า.."
การที่เขาเสียคนของตัวเองไปโดยที่ไม่รู้จะได้กลับมาพบกันอีกหรือไม่ มันเป็นความผิดของเขาเองที่ใจร้อนพูดไม่คิด ทั้งยังเผลอใช้มือคู่นี้ของตัวเองทำร้ายผู้เป็นที่รักอีก
ร่างสูงรีบส่ายหัวไล่ความมึน เขาวิ่งโซซัดโซเซพยายามหาที่ๆคนงามน่าจะอยู่ แม้ใจนึงจะรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้พบคนผู้นั้นอีก แต่อีกใจก็อยากให้เรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน
ในกระโจมที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยกันตอนนี้มันว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต รอบข้างเงียบสงัดมีเพียงเสียงสัตว์ป่าที่ร้องระงม มันช่างดูเปล่าเปลี่ยวกว่าในความทรงจำของเขาเสียอีก
"ข้าไม่เห็นจำได้ว่าที่แห่งนี้เงียบเหงาเช่นนี้มาก่อน หรือมันเป็นเพราะเอ็งไม่อยู่ที่แห่งนี้จึงเดียวดาย"
กายสูงทรุดตัวลงกับพื้นทุบกำปั้นลงกับดินที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เขาเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆในหัว พยายามเค้นความทรงจำอันน้อยนิดที่ยังคงเหลือ
จะว่าไปแล้วเมื่อคืนคนสองคนที่โผล่มาเรียกคนงามของเขาว่า'นายท่าน' เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะรู้จักกัน แล้วตอนนี้คนงามของเขาจะถูกพาตัวกลับบ้านของตัวเองไปแล้ว
แล้วยิ่งอีกคนไปโดยไม่หันกลับมาแบบนั้น เจ้าตัวคงจะได้รับความทรงจำกลับมาแล้วเป็นแน่
"ไปไม่ลาสักคำเลยหนาทูลหัว...ไปแต่ตัวไม่ว่า เหตุใดจึงต้องนำหัวใจของข้าไปด้วยเล่า.."
ดวงใจของไกรทองปวดหนึบเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ตลอดชีวิตของเขาคนงามที่ได้พบคือรักแรกและรักเดียวของไกรทอง
เขาไม่เคยรักใครขนาดนี้ ไม่เคยคิดจะมอบดวงใจดวงนี้ให้ใคร จนกระทั่งมาเจอกับบุรุษรูปงามที่งามสะกดใจยิ่งกว่าผู้ใด
"จะว่าเอ็งนำดวงใจของข้าไปก็ไม่ถูก...เป็นข้าเองที่เต็มใจเอาให้..."
"..."
"ให้เอ็งไปทั้งใจ โดยที่จะนำไปทิ้งหรือเหยียบย่ำข้าก็ยินดีทั้งสิ้น"
ปกติแต่งนิยายมานายเอกจะเป็นฝ่ายอาภัพรักนะ คราวนี้พระเอกเป็นฝ่ายอาภัพบ้างล่ะ?
(จริงๆดํแล้วอาภัพคู่)
เราแช่งพระเอกหลายเรื่องโบ้มาเยอะแล้ว ตอนนี้เรามาโอ๋ เจ้าหมายักษ์กันเถอะ???