"นายมาแล้ว" เมลินได้ยินเสียงบอดี้การ์ดที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังคุยกันก็รีบหันไปมอง แล้วเป็นจริงดังว่าเมื่อเห็นร่างสูงกำยำของลูก้ากำลังเดินเข้ามา
"นี่ใช่กระเป๋าของคุณหรือเปล่า" เขาถามเสียงเรียบพร้อมยื่นกระเป๋าให้เธอ
หญิงสาวไม่ตอบแต่ยื่นมือไปรับกระเป๋ามาแล้วเปิดดูข้างในทันที โทรศัพท์ กระเป๋าเงิน และของจิปาถะทั้งหลายแหล่ยังอยู่ครบ เว้นเสียแต่...
"พาสปอร์ตล่ะ? ไม่มีพาสปอร์ต ฉันต้องแย่ๆ ถ้ามันหายไป!" เมลินแทบจะลมจับเมื่อของอะไรไม่หายแต่ดันเป็นของสำคัญอย่างหนังสือเดินทาง
"ใจเย็นก่อนคุณ หายก็ทำใหม่ได้ แจ้งความแล้วค่อยไปทำใหม่ที่สถานทูต" มาเฟียหนุ่มบอกอย่างใจเย็น ผิดกับอีกคนที่ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟบ่นเป็นภาษาบ้านเกิดออกมา
"โจรอะไรจะขโมยพาสปอร์ต ของมีค่าอย่างอื่นก็ยังอยู่ครบ โทรศัพท์เอย เงินเอยไม่เอา แต่เอาพาสปอร์ตเนี่ยนะ หรือว่าจะเป็นฝีมือของอีตายักษ์ตาฟ้านี่ แล้วเขาจะเอาไปทำไมกัน" ความคิดในหัวของเมลินตีกันยุ่งเหยิงไปหมด แต่ถึงอย่างไรแจ้งความไว้เป็นดีที่สุด เธอจึงหันไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหมือนจะเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว
หญิงสาวให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนมาถึงคำถามที่คนแอบฟังอยู่ถึงกับหูผึ่ง
"ฉันพักอยู่ที่โรมค่ะ เพราะต้องขอความช่วยเหลือบางอย่างกับทางสถานทูตก็เลยต้องลงเครื่องที่โรม เมื่อเช้านั่งรถไฟมาที่นี่คิดว่าภารกิจจะลุล่วงด้วยดี แต่กลับ...ไม่เป็นอย่างใจคิด" สีหน้าของหญิงสาวสลดลง แต่พอนึกอะไรขึ้นได้ก็รีบถามกลับไป "คุณทำงานอยู่ที่นี่นานหรือยังคะ"
"ผมเหรอ? ก็...สองปีกว่าแล้วครับ"
"ถ้าอย่างนั้นคุณเคยเห็นร้านอาหารไทยเปิดอยู่ใกล้ๆ แถวนี้บ้างไหมคะ"
"ร้านอาหารไทยเหรอ" เจ้าหน้าที่ตำรวจพึมพำทวนคำถาม "เหมือนจะเคยเห็นนะ แต่ไม่รู้ว่าใช่คนไทยหรือเปล่า เพราะผมแยกหน้าตาคนเอเชียไม่ออก"
"ค่ะ" เมลินรับคำเสียงแผ่ว ก็คงเหมือนกับคนเอเชียที่แยกหน้าตาคนยุโรปหรืออเมริกันไม่ออก
"โอเค เรียบร้อยแล้ว เก็บเอกสารนี้ไว้ไปทำพาสปอร์ตใหม่นะครับ ถ้ามีอะไรให้รับใช้ก็แวะมาได้ทุกเมื่อครับ"
"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวกล่าวขอบคุณพร้อมยื่นมือไปรับเอกสารมาใส่กระเป๋า ก่อนจะหันกลับไปหาคนที่ยังรออยู่ด้านหลัง ในใจก็คิดหาทางที่จะสลัดพวกเขาให้หลุดไปด้วย
"เรียบร้อยดีใช่ไหม" เสียงทุ้มถามขึ้น เธอพยักหน้า เขาจึงถือโอกาสถามต่อ "แล้วคืนนี้คุณจะพักที่ไหน กลับโรมตอนนี้คงไม่ทันแล้ว"
"เดี๋ยวฉันหาโรงแรมแถวๆ นี้ก็ได้ อยู่ใกล้สถานีตำรวจอุ่นใจดี ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยเหลือ ฉันจะไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย เชิญพวกคุณกลับไปเถอะค่ะ" ว่าแล้วเธอก็มองหาทางไปห้องน้ำ
ลูก้ารู้สึกเหมือนถูกน็อกกลางอากาศเมื่อเห็นท่าทีเธอเหมือนจะรีบไล่ให้เขาไปไกลๆ ซึ่งไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำมาก่อน
"จะกลับเลยไหมครับนาย" เลขาฯ คนสนิทถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายยืนนิ่งอยู่นาน
"นายอยากกลับนักก็กลับไปก่อนเลย!" ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความฉุนจัด ก้าวออกไปรอข้างหน้าด้วยแววตาวาวโรจน์
"อะไรของเขา จะว่าอารมณ์แปรปรวนเพราะใกล้วัยทองก็ไม่น่าจะใช่ เพราะยังไม่ถึงสามสิบเลยนี่นา" โยเซฟบ่นพึมพำก่อนจะตามเจ้านายออกไป
เมลินหลบในห้องน้ำอย่างหวาดๆ อยู่นาน กะว่าให้คนที่อยู่ข้างนอกกลับไปแล้วถึงจะออกไป จนนานพอที่คิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วจึงค่อยๆ แง้มประตูออกไป เห็นทางสะดวกก็ย่องเบาๆ มองซ้ายทีขวาที
หญิงสาวเลือกที่จะออกประตูหลัง แต่พอเปิดออกไปก็ตกใจวาบเมื่อมีชายร่างสูงสามคนยืนจังก้าขวางประตูอยู่ ขาของเธอถอยหลังทันทีตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด
หนีเสือปะจระเข้จริงๆ ยัยเมเอ๊ย...
แต่แล้วมือหยาบกร้านก็กระชากแขนเธอไว้ พร้อมกับอะไรบางอย่างโปะเข้าที่ใบหน้า พลันร่างบางก็ทรุดลงหมดสติไป
หนึ่งในสามของชายปริศนายกร่างที่ไร้สติของเมลินขึ้นพาดไหล่จะไปที่รถ แต่ลูก้าที่เห็นว่าหญิงสาวเข้าห้องน้ำนานเกินไปจึงเกิดความสงสัยเลยให้บอดี้การ์ดมาดู ปรากฏว่าเห็นชายสามคนกำลังจะพาเธอขึ้นรถ จึงรีบรายงานกับเลขาฯ คนสนิทของเจ้านาย
พอโยเซฟได้รับรายงานก็รีบแจ้งต่อเจ้านายทันที "เกิดเรื่องกับเธออีกแล้วครับ ทางด้านหลัง"
ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเธออีกแล้ว ลูก้าก็สั่งเสียงเหี้ยม "จัดการคนพวกนั้น อย่าให้พวกมันทำอะไรเธอได้" สั่งงานจบเขาก็วิ่งไม่คิดชีวิต
ทันทีที่ได้รับคำสั่ง บอดี้การ์ดก็จัดการกับชายฉกรรจ์สามคนทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก จนอีกฝ่ายยอมถอยวิ่งหนีไป
"พวกมันหนีไปแล้วครับนาย"
"แล้วผู้หญิงล่ะ" มาเฟียหนุ่มรีบถามหาเมลินทันที
"อยู่บนรถครับ" บอดี้การ์ดพูดจบเขาก็รีบเดินไปดูที่รถ ดวงตาสีน้ำทะเลของมาเฟียหนุ่มจ้องมองร่างบางที่นอนหลับไม่ได้สติก็ขบกรามแน่น ก่อนจะช้อนร่างของเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด
"ไปที่เซฟเฮาส์ แล้วตามหาว่าไอ้พวกนั้นมันเป็นใคร ต้องการอะไรจากเธอ" ออกคำสั่งแล้วเขาก็อุ้มคนในอ้อมแขนกลับไปที่รถ
"คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมคนพวกนั้นต้องการตัวคุณ" เขาพึมพำเมื่อขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย จากอาการที่หลับไม่ได้สติตอนนี้ อย่างน้อยก็บอกได้ว่าคนพวกนั้นไม่ได้จะทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิต แต่เหมือนจะต้องการบางอย่างจากเธอเท่านั้น
ลูก้าพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นทางยาว ขณะรอให้แม่บ้านเช็ดตัวเปลี่ยนชุดและทำแผลให้เมลินที่ยังไม่ได้สติ ทันใดนั้นเลขาฯ ก็เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางเคร่งเครียด
"ได้เรื่องแล้วครับนาย พวกนั้นเป็นคนของเรด สแปร์โรว์ แต่ยังไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้ยังไง อีกอย่างที่ผมอยากจะถามตั้งแต่ตอนที่ตามหาเธอแล้วว่านายรู้..."
"รู้ได้ยังไงว่าเธอสวมเสื้อสีชมพูน่ะเหรอ" มาเฟียหนุ่มชิงพูดแทรกขึ้นมาพร้อมทั้งดับบุหรี่ในมือที่สูบไปได้ไม่ถึงครึ่ง
"ครับ" เลขาฯ คนสนิทรับคำอย่างระมัดระวัง
"ก็เพราะว่าฉันเห็นเป็นสีชมพูจริงๆ และเห็นสีสันทุกอย่างบนตัวเธอ น่าแปลกไหมล่ะ" ท้ายประโยคคล้ายจะเยาะหยัน
"ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่ามีโอกาสที่เจ้านายจะกลับมามองเห็นสีสันอีกครั้ง นับว่าเป็นข่าวดีจริงๆ" โยเซฟทั้งดีใจและตื่นเต้นที่เจ้านายจะมองเห็นเหมือนคนปกติทั่วไปเสียทีจนเก็บอาการไม่อยู่
แท้จริงแล้วที่เจ้านายเขาตามติดหญิงสาวเป็นเงาก็เพราะแบบนี้นี่เอง ตอนแรกก็แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเจ้านายหนุ่มใส่ใจผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่แล้วก็ต้องหยุดความคิดตัวเองเมื่อเห็นแม่บ้านออกมาจากห้อง
"แม่บ้านออกมาแล้ว เจ้านายจะเข้าไปดูเธอหน่อยไหมครับ"
"อืม" รับคำแล้วร่างสูงก็ก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
ลูก้านั่งลงข้างหญิงสาว แตะนิ้วแกร่งบนแก้มนวลเนียนแล้วเลื่อนมาที่ริมฝีปากอิ่ม ก่อนจะคิดได้ว่าตัวเองทำตัวเหมือนโรคจิตจึงชักมือกลับแล้วลุกออกไปจากห้องทันที