วันอันแสนวุ่นวายของเหม่ยหงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง จากปกติที่เธอมีหน้าที่ตื่นมากินมื้อเช้าแล้วไปโรงเรียนพร้อมน้องสาว มาวันนี้ต้องเผื่อเวลาตื่นให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่อทำข้าวกล่องสำหรับสองคน จากนั้นจึงไปปลุกเหม่ยจูให้ลุกขึ้นมาแต่งตัวไปโรงเรียน
“น่าจะคันนี้นะ…” เด็กสาวพึมพำเบา ๆ ขณะตรวจสอบสถานีที่รถประจำทางวิ่งผ่านก่อนจะจูงน้องสาวขึ้นไป โชคดีที่พวกเธออยู่โรงเรียนเดียวกันทำให้ไม่ต้องแยกไปคนละทาง
ทั้งสองใช้ชีวิตประวันเช่นนั้นอยู่หลายเดือนกระทั่งเหม่ยหงรู้สึกว่าเงินที่มีอยู่อาจไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เธอจึงเริ่มมองหางานพาร์ตไทม์ที่เด็กอายุสิบห้าพอจะทำได้โดยเริ่มจากตามร้านสะดวกซื้อแถวคอนโด แน่นอนว่าตำแหน่งจัดวางสินค้าหรือแคชเชียร์จะรับพนักงานเด็กมาเป็นลูกจ้างชั่วคราวเพื่อลดค่าใช้จ่ายต้นทุนการจ้างงาน เนื่องจากพนักงานพาร์ตไทม์ใช้เงินจ้างที่น้อยกว่านั่นเอง
เด็กสาวต้องต่อสู้กับความเหน็ดเหนื่อยทั้งจากการเรียนช่วงชั้นมัธยมปลายที่ต้องคร่ำเคร่งมากขึ้น ดูแลบ้าน เตรียมอาหารให้น้องสาวและยังต้องทำงานหาเงินตั้งแต่หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืนอีก เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันของสองพี่น้องจึงลดลงอย่างน่าใจหาย
“พี่ไปทำงานก่อนนะ” เสียงหวานแฝงไปด้วยความอ่อนล้าจากการพักผ่อนน้อย
“ค่ะ หนูจะดูแลบ้านเอง” เหม่ยจูพยักหน้ารับ เธอยอมรับว่าตั้งแต่ที่อีกฝ่ายทำงานก็เหงามาก ห้องที่เงียบเชียบมีเพียงเธอคนเดียวมันน่ากลัว ถึงอย่างนั้นเด็กน้อยก็มิอาจพูดออกไปได้ด้วยเข้าใจทุกอย่างดี
เสียงประตูห้องปิดลงพร้อมความเงียบอีกครั้ง ทุกวันเป็นเช่นนี้เสมอ เธอไม่ได้พูดคุยกับพี่สาวเหมือนเคย เรื่องราวมากมายในแต่ละวันไม่ได้เล่าสู่ให้ใครฟังทำให้นึกถึงยามที่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่ หลัง ๆ มานี้เธอนอนร้องไห้ทุกคืนเพราะข่มตาหลับไม่ลง ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือการลุกขึ้นมาช่วยจัดแจงงานบ้านแบ่งเบาภาระพี่สาว
ร่างเล็กหยิบไม้ปัดฝุ่นแกว่งตรงโน้นทีตรงนี้ทีก่อนจะใช้ไม้กวาดลากไปตามพื้นห้องอย่างที่โดนสอน เพียงไม่นานก็นำไม้ถูพื้นชุบน้ำมาเช็ดให้ทั่ว ในครัวเหม่ยหงจะดูแลรับผิดชอบเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับน้องน้อย วันนี้ไม่ใช่วันซักผ้าดังนั้นยังไม่จำเป็นต้องจัดการ งานอื่นก็ถูกเก็บกวาดหมดแล้ว ทั้งที่เธอบอกว่าอยากช่วยแท้ ๆ
ที่ร้านสะดวกซื้อไม่ไกลจากคอนโดนักมีเด็กสาวกำลังจัดเรียงสินค้าอย่างเร่งรีบ เธอต้องเตรียมตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อนจึงจะไปทำส่วนอื่นได้ งานที่นี่นับว่าไม่ลำบากเท่าไรนักหากเทียบกับห้องสรรพสินค้าหรือตามร้านอาหาร ทว่าก็ไม่ได้เบาจนสบายเกินไป
“เหม่ยหง เสร็จรึยัง” เสียงใสของรุ่นพี่ที่ทำงานเอ่ยทักขึ้นทำให้คนถูกเรียกชะโงกหน้าไปมอง
“อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้วค่ะ” ดูเหมือนว่าจะมีสินค้ามาลงใหม่ทำให้เธอต้องไปยกลังพวกนั้นเข้ามาในร้าน
“รีบ ๆ เข้าล่ะ ต้องเช็กรายการสินค้าก่อนเที่ยงคืนนะ” ร้านนี้เป็นร้านที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง การที่มาเร่งกันคงต้องการให้เธอขนของทั้งหมดเสร็จก่อนกลับบ้านสินะ
“ค่ะ” ร่างเล็กขานรับอย่างไม่มีทางเลือก เธอเป็นน้องใหม่ของร้านนี้ ถ้าไม่ยอมก้มหน้าก้มตาทำแต่โดยดีมีหวังได้โดนกลั่นแกล้งรุนแรงแน่
ลังเครื่องดื่มหลายสิบลังวางกองไว้ตรงหลังร้าน แต่ละกล่องมีน้ำหนักไม่น้อยทำให้คนอื่นมักเลี่ยงทำหน้าที่นี้ในช่วงที่มีของเข้ามาส่ง มือบางบรรจงยกมาทีละลังเพื่อไม่ให้ตนเผลอทำหล่นเสียหาย ซึ่งกว่าจะขนหมดเวลาก็ล่วงเลยไปถึงตีหนึ่ง
แต่ละวันของสองพี่น้องผ่านไปไม่ง่ายนัก ด้วยระยะห่างที่เพิ่มมากขึ้นเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันก็น้อยลงทุกที วันหนึ่งได้คุยกันไม่ถึงชั่วโมง ตอนเช้าตื่นไปโรงเรียนเหม่ยหงก็จะใช้เวลานั้นหลับเอาแรง พักกลางวันเธอก็นอนอีกเช่นกัน พอตอนเย็นกลับบ้านก็ต้องรีบจัดการทำอาหารเตรียมไว้ให้น้องแล้วตรงไปทำงาน กว่าจะกลับถึงบ้านเหม่ยจูก็หลับสนิทแล้ว กระนั้นเธอก็รู้ว่าน้องสาวพยายามทำงานบ้านในส่วนของเธอด้วย
ความเหนื่อยล้าที่ต้องเผชิญทำให้เด็กสาวละเลยการพูดคุยกับครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เหม่ยหงมุ่งมั่นตั้งใจเรียนอย่างหนักกระทั่งจบมัธยมปลายเธอก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับสองและเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารโดยตรงซึ่งขณะนั้นเธอได้ฝึกงานเป็นผู้ช่วยเชฟอยู่ในครัวฝ่ายของหวานของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งด้วยอายุเพียงยี่สิบสองปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากการพยายามเรียนรู้งานตั้งแต่สมัยอยู่ปีหนึ่ง กวาดถูพื้น ล้างจาน จัดของ เหมือนคนอื่น ๆ ทว่าพื้นฐานที่ดีทำให้เธอก้าวหน้าไวกว่าคนทั่วไปมาก
ทางด้านเหม่ยจูผลการเรียนนับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่เธอเริ่มไม่อยู่บ้านและออกไปค้างกับเพื่อนทั้งที่เพิ่งเข้ามัธยมปลายปีที่สอง หลายครั้งที่พี่น้องทะเลาะมีปากเสียงในวันหยุดซึ่งนานทีปีหนจะมีสักครั้ง รอยร้าวระหว่างกันปริแตกระแหงเรื่อยมา มันเริ่มจากการที่ผู้เป็นพี่สาวลืมวันนัดพบผู้ปกครองของเธอ เด็กน้อยในตอนนั้นเป็นคนเดียวในห้องที่ไร้ครอบครัวมาฟังผลการศึกษาทั้งที่อีกฝ่ายรับปากไว้แล้วว่าจะมา ทำให้เธอรู้สึกเสียใจจนยากจะใช้เหตุผลเหมือนทุกที
น่าเสียดายที่นั่นไม่ใช่ครั้งแรก เหม่ยหงลืมการนัดพบสำคัญอีกสองสามครั้ง ด้วยความยุ่งเหยิงของชีวิตทำให้เธอมักจัดลำดับสิ่งที่ต้องทำผิดพลาด เมื่อทะเลาะกันบ่อยเข้าเด็กน้อยในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อจึงไม่อยากกลับบ้านขึ้นมา บ้านของเพื่อนสนิทในชั้นเรียนเป็นสถานที่เดียวที่ปลอบประโลมความเศร้าและความเหงาของเธอได้ จากสายเลือดเดียวที่เหลืออยู่กลายเป็นคนแปลกหน้า ครอบครัวที่ไม่เหมือนครอบครัวมากขึ้นทุกที ห้องเช่าที่เคยอยู่อย่างอบอุ่นหลังจากสูญเสียบิดามารดาเวลานี้ว่างเปล่าเย็นเยือกราวกับจะบ่งบอกถึงสายใยระหว่างพี่น้องที่เริ่มจางหายไป
……………………………..
……………
.....................................................................................
คนพี่มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเยอะมาก ส่วนคนน้องเองก็อยู่ในช่วงวัยที่ต้องการความรัก
ไม่รู้ว่าสองพี่น้องจะเป็นยังไงต่อไป