ปานรวีลงมาดูเอรินที่เช้าแล้วยังคงนอนหลับตาพริ้มยิ้มน้อยๆ อย่างมีความสุข นอกจากจะงอแงแล้วท่าทางคงจะขี้เซาเอาเรื่อง หลับตั้งแต่ดูหนังไปได้ครึ่งเรื่องจนพระอาทิตย์กำลังจะพ้นขอบฟ้า ยังนอนหลับสบายเหมือนยังกับเป็นบ้านของตัวเอง กลิ่นข้าวต้มหอมๆ นั้น ทำให้เอรินรีบงัวเงียลุกขึ้นในทันที
“ตายล่ะ” เอรินรำพึงออกมาเบาๆ มองเข้าไปในครัวเห็นปานรวีเดินไปเดินมา จากกลิ่นหอมๆ นั้น คาดเดาได้ว่า คงจัดเตรียมอาหารเช้าอยู่
“อรุณสวัสดิ์ เด็กขี้เซา” ปานรวีหัวเราะเล็กๆ กับคนที่ยิ้มอายๆ
“พี่ป๊อบไม่ยอมปลุก ปล่อยให้หลับเหมือนนอนอยู่บ้านตัวเองเลยค่ะ” เอรินบ่นงึมงำ
“แปรงฟัน อาบน้ำ แล้วค่อยมาทานข้าวต้มกัน เอาเสื้อผ้าพี่เปลี่ยนก็ได้นะคะ เตรียมไว้ให้แล้ว” ปานรวีพูดยิ้มๆ กับคนที่ทำหน้า
ยุ่งๆ หัวฟูนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก ซึ่งเป็นที่นอนของเมื่อคืนที่ผ่านมา
“อ๋อมมีชุดติดรถมาค่ะ ขออนุญาตอาบน้ำนะคะ”
ปานรวีนั่งยิ้มกับคนที่ก้มหน้างุดๆ ทานอาหาร หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย เอรินก็ดูเป็นเด็กในบางทีคล้ายๆ เวลาที่ได้พูดคุยกับตรัย แต่รายนั้นได้รู้จักกันมานานจนคิดว่า ตรัยเป็นน้องชายแล้วแต่สำหรับคุณหมอสาวที่เพิ่งรู้จักที่ยิ้มอายๆ เวลาเงยหน้ามามองสบตาคนนี้สิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงทำให้รู้สึกดีและรู้สึกคุ้นเคยกันได้ง่ายขนาดนี้
“เมื่อคืนพี่ปลุกอ๋อมให้ขึ้นไปนอนข้างบน แต่คุณหมอขี้เซาไม่ยอมตื่น เลยต้องปล่อยให้นอนที่เก้าอี้รับแขก” เมื่อได้ยินปานรวีพูด ยิ่งทำให้เอรินรู้สึกอายมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติถ้าไปนอนที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านก็จะระมัดระวังพอสมควร ไม่ได้ขี้เซามากขนาดนี้
“ขอโทษด้วยค่ะ ที่รบกวนมาจนถึงตอนนี้” เอรินยิ้มเจื่อนๆ
“นอนทั้งๆ ที่หน้าก็ไม่ได้ล้าง ฟันก็ไม่ได้แปรง ปลุกก็ไม่ตื่น แต่พี่เช็ดตัวให้นะ เมื่อคืน” ปานรวีบอกพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“เช็ดตัว” เอรินรำพึงออกมาเบาๆ
“บ้า อย่ามาทำเสียงแบบนี้นะ แค่เช็ดหน้า เช็ดแขน เช็ดคอให้เท่านั้น ไม่ได้จับถอดเสื้อผ้าสักหน่อย เอ๊ะหรือว่าเคยโดยใครจับถอดเสื้อผ้าแล้วไม่รู้ตัวหรือเปล่าคะ” ปานรวีถามเสียงเข้ม โดยที่คนถามเองนั้นไม่รู้ตัว
“พี่ป๊อบคะ ถ้าขนาดนั้น อ๋อมว่าตายแล้วนะคะ ไม่ใช่หลับ”
“เอ๊า จะไปรู้ได้อย่างไรล่ะคะ” ปานรวียิ้ม วางถ้วยกาแฟลงข้างๆ คนที่ยิ้มสวยๆ ให้อยู่
“ขอบคุณค่ะ คงรู้สึกปลอดภัยมั้งคะ เลยหลับซะลืมกลับบ้านเลย”
“พี่ลงมาดูสองสามครั้ง คิดว่าจะตื่นจะได้ให้ขึ้นไปนอนข้างบน”
“อายจัง” เอรินหัวเราะแหะๆ
“ทำงานเหนื่อยยังขับรถมาอีก ขอบคุณนะคะ ที่เป็นห่วง” ปานรวียิ้มกว้างมากขึ้น หันมาเอากระดาษทิชชูเช็ดปากให้เอรินที่ผงะเล็กน้อย
“เดี๋ยวอ๋อมเช็ดเองก็ได้ค่ะ”
“อย่าดื้อไม่อย่างนั้นล่ะก็ วันหลังไม่ให้มาอีกนะ อยู่นิ่งๆ” ปานรวีรู้สึกแปลกๆ กับสายตาวาววับที่จ้องมองมา เพราะใบหน้าอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
“ยอมทุกอย่างก็ได้ค่ะ อ๋อมจะไม่ดื้อกับพี่ป๊อบ” เอรินยิ้ม ปานรวีถอนใจทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิด ทำไมถึงรู้สึกเหมือนจะน้อยใจเมื่อเวลาเห็นอยู่กับคนอื่น หรือเพราะความเป็นเด็กน่ารัก ทำให้ตัวเธอนั้นออกอาการเหมือนคนหวงน้องกันนะ ปานรวีคิด
“ดีนะ ที่รู้ว่าอ๋อมอยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้นทางบ้านคงเป็นห่วงแย่”
“เด็กบ้านนอกค่ะ แต่ได้งานที่นี่เลยต้องอยู่เป็นชาวกรุง” เอรินยิ้ม
“รีบๆ ทานเถอะค่ะ คุณหมอ เดี๋ยวไปทำงานสายคนไข้รอแย่เลย”
“รับทราบค่ะ ผู้กอง” ปานรวีหัวเราะ หลังจากได้ยินคำพูดของเอริน
“หมอบ้าเอ๊ย น่ารักได้ตลอดสิน่า” ปานรวียิ้มๆ กับคำพูดที่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา
เอรินบิดตัวไปมาหลังเสร็จงานและกลับมานั่งพักอยู่ที่ห้อง รู้สึกคิดถึงร้านขนมของเพื่อนรักขึ้นมา รอยยิ้มเล็กๆ ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้า แล้วจึงรีบคว้ากระเป๋าบึ่งรถไปหาในทันที
“ลมอะไรหอบหมออ๋อม มาถึงร้านเราได้นะ” นิมาเดินออกมาต้อนรับ ยืนยิ้มตั้งแต่เห็นเอรินลงจากรถและเดินตรงเข้ามาในร้าน
“ลมคิดถึงสิคะ นิ่มสบายดีนะ” เอรินเดินเข้าไปสวมกอดนิมา
“สบายดี คิดถึงอ๋อมนะ เมื่อวานทิพย์มาเล่าให้ฟังยิ่งคิดถึงใหญ่” นิมายิ้มให้กับเพื่อนที่เดินไปหยุดยืนอยู่หน้าตู้ขนม
“ขอบคุณสำหรับข้าวมันส้มตำด้วยนะคะ” เอรินหันมายิ้มให้นิมา
“ยินดีจ๊ะ ว่าแต่ว่าคิดถึงนิ่มหรือคิดถึงขนมกันแน่เนี่ย ดูสิเดินตรงไปที่ตู้เลยทักทายเพื่อนนิดเดียว” นิมาหัวเราะ เมื่อเห็นคุณหมอ
สาวหันมายิ้มๆ ออกอาการเขินอาย
“โอ๋ๆ คิดถึงนิ่มมากกว่าสิ ทิพย์มารับกลับหรือเปล่า” เอรินยิ้ม
“เดี๋ยวก็มารายนั้นน่ะ เช้ามาส่งค่ำๆ มารับ ไม่เคยได้เถลไถลหรอก” นิมายิ้ม เมื่อได้พูดถึงทองทิพย์ซึ่งเป็นคนรัก
“อิจฉาจริงๆ” เอรินยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อพนักงานของร้านยกขนมมาให้พร้อมกับชากลิ่นหอมฟุ้ง ซึ่งทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก
“แหมอีตาตรัยของอ๋อมน่ะ ไม่น่าอิจฉากว่าหรือ หล่อระเบิด”
“ไม่ใช่ของอ๋อมสักหน่อย” เอรินพูดเสียงเรียบ ทำให้นิมาส่ายหน้า หลัง จากเอรินเลิกสนใจที่จะพูดคุยหันมาสนใจกับขนมและชาแทน
“ไม่ใจอ่อนเลยหรือ เห็นควงกันมาตั้งนานแล้วนะ”
“อันที่จริง ตรัยก็น่ารักนะ อาจจะต้องใช้เวลาให้มากกว่านี้” เอรินยิ้มให้นิมาที่หยิบขนมป้อนให้ แต่เอรินทำท่าเหลียวหน้าเหลียวหลัง จนคนที่ยื่นขนมป้อนให้อดที่จะขำไม่ได้
“ทิพย์น่ะ ไม่ได้ขี้หึงขนาดนั้น ไม่ต้องระแวดระวังนักก็ได้” นิมายิ้ม
“กันไว้ก่อน เดี๋ยวตอนไปซ้อมยูโดโดนทิพย์ทุ่มสาหัสพอดี”
“ว่าแต่มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า” นิมาถามขึ้น
“ไม่มีนี่ นิ่มถามแปลกๆ นะ” เอรินมองสบตากับนิมาที่จ้องเขม็ง หลัง จากได้ยินคำปฏิเสธไปเมื่อสักครู่
“ยิ้มมีที่ปาก แต่แววตาดูกังวลรู้ตัวไหมคะ คุณหมอ” นิมามองสบตากับคนที่ยังจ้องมองอยู่เช่นกัน
“ช่างสังเกตขนาดนี้ ทิพย์ก็แย่ดิ แค่มองตาก็รู้เลยหรือคะ แม่นิ่มนวล” เอรินถอนใจเล็กน้อย
“ไม่แย่หรอก นิ่มจะช่างสังเกตเอาใจใส่เฉพาะคนที่นิ่มรักเท่านั้นนะ”
“ขอบคุณมากนะที่เป็นห่วง ถ้ามีอะไร อ๋อมจะมาปรึกษานิ่มกับทิพย์” เอรินยิ้มจางๆ ให้นิมา แล้วเริ่มจิบชา แต่คนที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็ยังคงสังเกตว่าน่า จะมีอะไรบางอย่างในใจ เพียงแค่อาจจะยังไม่พร้อมที่จะบอก
“ตรัยขอแต่งงาน หรืออย่างไรกัน” นิมาถามยิ้มๆ
“บ้าหรือไง” เอรินหัวเราะ
“มีอะไรจะถาม หรือเปล่า” นิมาพูดเปิดทาง เผื่อว่า คุณหมอที่นั่งจิบชาและทานขนมอยู่จะยอมเอ่ยปาก
“ถามได้ทุกเรื่องไหมล่ะ อาทิเช่น เรื่องเลิฟซีนของแม่นิ่มนวลกับสาวร้ายทองทิพย์” เอรินหัวเราะ เมื่อเห็นนิมาทำหน้าดุใส่
“ได้แต่จะทนฟังได้หรือ เรื่องระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงนะจ๊ะ” นิมาพูดแหย่เพราะรู้ดีว่า เอรินไม่ได้รังเกียจอะไร
“นิ่มรู้ตัวได้อย่างไรว่าชอบผู้หญิง” เอรินถามขึ้น ทำทีเป็นไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำถามที่ถามออกไปนัก ยังคงทำท่าทีจดจ่ออยู่กับขนมแสนอร่อยอยู่
“อืมไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่า ชอบทิพย์” นิมาตอบ แล้วทำคิ้วขมวด
“ทั้งๆ ที่ทิพย์ร้ายใส่ซะขนาดนั้นเลยน่ะนะ” เอรินอมยิ้มเงยหน้ามามอง สบตากับคนที่ยิ้มๆ ตาเป็นประกายวาววับ
“ตอนเจอกันน่ารักเป็นบ้า แต่พอมีปัญหาบอกตัวเอง เตือนตัวเองอยู่หลายครั้งว่าให้เลิกรัก แต่ก็ทำไม่ได้สักที ดีนะที่เข้าใจกันได้ ไม่อย่างนั้น นิ่มยังนึกไม่ออกเลยว่า ทุกวันนี้ชีวิตจะเป็นอย่างไร” นิมายิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อมอง เห็นคนที่พูดถึงกำลังเดินเข้ามา
“นินทาอะไรทิพย์อยู่ใช่ไหมนี่” ทองทิพย์ยิ้มๆ นั่งลงข้างๆ นิมาและจูบไปที่แก้มของคนที่ยิ้มอายๆ หันไปมองสบตากับเอรินที่อมยิ้มและยักคิ้วล้ออยู่
“ไม่มี๊ ใครจะนินทาเพื่อนล่ะคะ” เอรินหัวเราะ
“มาไงเนี่ย ไม่เห็นบอกก่อน เมื่อวานก็เจอกัน” ทองทิพย์ถาม
“อยากกินขนม เจ้าของร้านป้อนด้วยเหอะ ไม่อยากจะโม้” เอรินยิ้มให้คนที่ทำหน้าบึ้งหันไปมองสบตากับนิมาที่อมยิ้มไม่ได้พูดอะไร แต่ขยับเข้าไปใกล้แล้วจูบทองทิพย์ที่ยิ้มน้อยๆ และจูบตอบในทันที
“โหยหน้าบึ้งใส่นิดเดียว ต้องจูบปลอบด้วย” เอรินแสร้งเอามือปิดตาแล้วก็หัวเราะออกมา
“วันหลังให้อีตาตรัยมาป้อนนะย๊ะ แฟนใคร ใครก็หวงทั้งนั้นแหละ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมด้วยนะ ถึงแม้จะเป็นเพื่อนก็เถอะ” ทองทิพย์หัวเราะนึกขำกับท่าทางหวาดกลัวที่เอรินแสร้งทำ แต่เพียงครู่เดียวก็หัวเราะออกมา
“ตรัยอีกคนแล้ว เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ”
“ใจอ่อนได้แล้วค่ะ คุ๊ณ ตรัยก็น่ารักดีนะ” ทองทิพย์พูดแหย่
“ค่ะ” เอรินตอบเพียงสั้นๆ
“อ๋อมมาแปลกวันนี้ มาถามนิ่มว่า นิ่มรู้ได้อย่างไรว่า ชอบผู้หญิง”
“จริงดิ ยังไงกันจ๊ะ อ๋อม” ทองทิพย์ถามยิ้มๆ
“อยากรู้ไงจ๊ะ” เอรินบอก
“แล้วนิ่มตอบไปว่าอย่างไร” ทองทิพย์หันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“นิ่มตอบไปว่า นิ่มรักทิพย์”
“รักตายเลยแบบนี้ จูบทิพย์อีกทีสิ เหนื่อยจังวันนี้” ทองทิพย์พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
“พอแล้วนะคะ เอาไว้ก่อนนอนเน๊าะ” นิมาอมยิ้มเอามือแนบไปที่แก้มของคนที่ยิ้มๆ อยู่
“ก่อนนอน คงไม่ใช่แค่จูบแล้วมั้ง อ๋อมกลับเลยดีกว่าไหมดูสิมองกัน ตาเยิ้มเชียว” เอรินหัวเราะ
“แต่คำถามแปลกๆ นะคะ คุณหมอ ยังไงกันคะ” ทองทิพย์ถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจัง คงสงสัยไม่ต่างจากนิมานัก
“แหมก็แค่เปิดประเด็นคุยเท่านั้นเอง นิ่มก็” เอรินพูดเสียงอ่อยๆ
“ไม่ใช่ว่า ไปรู้สึกดีกับผู้หญิงที่ไหนมานะ” ทองทิพย์ถาม ด้วยความที่เป็นคนพูดค่อนข้างตรง จนทำเอานิมาแอบหยิกเข้าที่มือ
“ทิพย์ ก็” นิมาพูดดุทองทิพย์
“ว่าไง อ๋อม”
“ไม่รู้เหมือนกัน เอาไว้ถ้ามีอะไรอ๋อมจะมาขอคำปรึกษานะ” เอรินยิ้มจางๆ ให้ทองทิพย์และนิมา ซึ่งเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมา
จากแววตาที่ได้เห็นนั้นแฝงความกังวลเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด
“หวังว่าจะไม่ใช่นะ อ๋อมเอ๊ย” ทองทิพย์ถอนใจ มองดูคนที่หันไปสน ใจกับขนม โดยไม่ยอมพูดเรื่องนี้อีก