เอรินเดินเอื่อยๆ อยู่บริเวณตลาดนัดต้นไม้ยามค่ำคืน ด้วยตั้งใจเอา ไว้แต่แรกว่า จะพาปานรวีมา แต่ในเมื่อการนัดหมายไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ เอรินก็ไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจอีกสิ่งหนึ่ง มีผู้คนเดินอยู่ไม่มากมายนักอาจจะเพราะฝนเริ่มตั้งเค้ามาตั้งแต่ช่วงเย็น เอรินยิ้มๆ เดินมองกล้วยไม้ที่มีดอกสวย งาม โดยส่วนตัวแล้วตัวเธอเองชอบดอกกล้วยไม้ ถึงแม้ว่าบางพรรณนั้นค่อน ข้างจะออกดอกยาก แต่ถ้าได้ดูแลเอาใจใส่ดีๆ ดอกอันสวยงามก็จะเบ่งบานให้ได้ชื่นชมอย่างชื่นใจ เอรินยิ้มเดินเข้าไปทักทายเจ้าของร้านอย่างคุ้นเคย
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกล้วยไม้ทำให้เอรินหันมามองแล้วยิ้ม ขับรถผ่านร้านขนม ซึ่งเมื่อวานเพิ่งมาทานรอยยิ้มก็ชัดเจนขึ้น มองไปที่โต๊ะซึ่งเมื่อวานนั่งอยู่กับปานรวีและไม่นานนักเอรินก็มาจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านปานรวี
“มาทำอะไรแถวนี้คะ ค่ำมืดแล้ว” เจ้าของบ้านออกมาทักทาย
“ขับรถมาเรื่อยๆ น่ะคะ อ๋อมมารบกวนเวลาพักผ่อนหรือเปล่าคะ”
“อ๋อมมีอะไรหรือเปล่า” ปานรวีถามเสียงเรียบ
“มีค่ะ มีคนเบี้ยวนัดไปถึงแล้ว แต่เลือกที่จะทิ้งให้อ๋อมไปที่ๆ จะพาไปคนเดียว” เอรินพูดเสียงอ่อยๆ ปานรวีได้ยินเข้าเลยแอบถอนใจ
“พี่มีธุระจริงๆ ค่ะ”
“โกหกมันบาปนะคะ ทำไมไม่รอที่รถ แล้วรอให้อ๋อมออกไปหา” เอรินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“อ๋อมเห็นหรือ”
“เห็นจอดรถที่หน้าตึก แต่โทรฯ บอกอ๋อมว่าติดธุระ”
“ใช้เวลากับตรัยดีกว่านะ” ปานรวียิ้มจางๆ ให้เอริน
“ดีกว่าสำหรับใครคะ พี่ป๊อบหรือว่าอ๋อม” เอรินถามเสียงเรียบแววตาเศร้าๆ ที่จ้องมองมาทำให้ปานรวีรู้สึกไม่สบายใจนัก อันที่จริงเพียงแค่เข้าไปทักทายทั้งคนที่นัดไว้รวมถึงตรัยด้วย แล้วค่อยขอตัวออกมาหรือไปด้วยกันน่า จะดีกว่า เพราะน้ำเสียงและแววตาของคนที่ยังคงจ้องมองอยู่นั้น ทำให้ตัวเธอเองรู้สึกเศร้าใจไปด้วย
“พี่ขอโทษที่พูดโกหก” ปานรวียิ้มจางๆ
“อ๋อมมากวนแค่นี้ดีกว่าค่ะ มีไอศกรีมกับกล้วยไม้มาฝาก จริงๆ อยากพาไปเลือกเองเห็นพี่ป๊อบปลูกต้นไม้เยอะพอสมควร ถ้าเอา
กล้วยไม้ไปแขวนตามต้นไม้ใหญ่คงออกดอกสวยๆ ให้ได้เห็นบ่อยๆ แน่ค่ะ” ความตั้งใจจริงๆ ที่ไม่ได้พูดออกไปของเอรินก็คือ อยากให้กล้วยไม้แทนช่อกุหลาบเมื่อเช้า อยากให้คนที่ได้รับสบายใจและยิ้มได้
“เข้าไปข้างในก่อนไหม” ปานรวีถาม เฝ้ารอคำตอบของคนที่ทำท่าคิดและดูเหมือนจะลังเล
“ไม่รบกวนเวลาพักผ่อน หรือคะ”
“ไม่รบกวนเลย อยากได้คนทานไอศกรีมเป็นเพื่อน อยากเข้ามาไหม” ปานรวีถามยิ้มๆ
“ตอนแรกนึกว่าจะไม่มาเปิดประตูให้เสียอีกค่ะ” เอรินพูดเสียงอ่อยๆ
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ” ปานรวีถาม หลังจากเอรินเดินตามเข้ามาในบ้านพร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ที่ทำให้เจ้าบ้านรู้สึกดี รู้สึกสบายใจขึ้น
“อ๋อมอาจจะกังวลไปเองคนเดียวก็ได้ค่ะ” ปานรวีอมยิ้ม เดินนำน้ำดื่มมาให้เอรินพร้อมกับยื่นช้อนเล็กๆ ให้
“ทานไอติมดีกว่า จะได้อารมณ์ดี” ปานรวีบอก
“ถึงบ้านนานแล้ว หรือคะ” เอรินถามคนที่เริ่มทานไอศกรีม
“ออกจากโรงพยาบาล ก็ตรงกลับมาบ้านเลยค่ะ” ปานรวีบอก มองดูกล้วยไม้ที่วางอยู่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น ไม่รู้ว่าที่ทำให้รู้สึกดีจริงๆ นั้น คือ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ หรือว่า กลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้กันแน่
“ช่อเมื่อเช้าขอยกเลิกการจัดส่งได้ไหมคะ เปลี่ยนเป็นเจ้ากล้วยไม้แทนเนอะ” เอรินยิ้มทำตาหยีเสียจนปานรวีหัวเราะออกมา ซึ่งอันที่จริงแล้วหัวเราะกลบเกลื่อนแก้มที่คงจะเริ่มแดงออกมานั่นมากกว่า
“แล้วลายมือ ขยุกขยิก ยกเลิกด้วยไหมคะ” ปานรวีถาม
“ไม่ค่ะ เฉพาะไอ้เจ้ากุหลาบขาวเจ้าปัญหานั่นก็พอคะ นะคะ ให้อ๋อม ยกเลิกได้ไหมคะ นะคะ นะ” เอรินยิ้มๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ แต่รอยยิ้มสดใสของคนที่ถูกอ้อนนั่นต่างหากที่ทำรู้สึกสบายใจขึ้น
“ยังอยู่ที่โต๊ะทำงานเลยค่ะ”
“ทิ้งเลยค่ะ” เอรินยิ้มแป้นและพยักหน้าอยากให้ปานรวีทำตาม
“ขอเก็บไว้ดอกหนึ่งนะคะ”
“ได้ค่ะ ตามใจพี่ป๊อบเลย แค่ยิ้มสวยๆ ได้ก็พอแล้วสำหรับอ๋อม”
“ตามใจหรือคะ พี่เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมากเลยนะ” ปานรวียิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อเห็นคุณหมอสาวทำท่าขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม
“เอาเท่าที่ตามไหวดีกว่าค่ะ กลัวเป็นแบบเมื่อตอนเย็น”
“แบบไหน เมื่อตอนเย็น” ปานรวีถาม ยิ้มน้อยๆ จ้องมองคนที่ทำท่าคิดคงกำลังจะหาคำตอบที่พอเหมาะพอดี
“แบบ” เอรินพูดเพียงแค่นั้น ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ
“แบบไหน” ปานรวีถาม
“แบบไม่ทิ้งน้อง ชะเง้อคอยาวแบบนั้นน่ะคะ” เอรินแอบยิ้ม เมื่อเห็นแววตาดุๆ ที่จ้องมองมา ปานรวีแอบตีเบาๆ ไปที่แขน
“แบบนี้น่าตีนักนะ เออทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ยังค่ะ” เอรินทำตาละห้อยอยากแหย่ให้เจ้าบ้านกลับมายิ้มสวยๆ
“งั้นก็กลับไปทานที่บ้านสิ”
“ขอออกไปทานอะไรหน้าปากซอย แล้วกลับมาคุยด้วยใหม่ได้ไหมคะ” เอรินถามและยังคงแอบยิ้ม เพราะปานรวีหันไปสนใจข่าวทางทีวีเสียแล้ว
“น่าสงสารไปไหม เจ้าบ้านดูเป็นคนแล้งน้ำใจเลยแบบนั้น มีข้าวผัด พี่ผัดทานเมื่อตอนเย็น ทานได้ไหม” ปานรวีบอก ไม่ได้รอคำตอบลุกเดินเข้าไปในครัวทันที เอรินยิ้มๆ มองตามปานรวีที่เข้าไปทำอะไรกุกกักอยู่ครู่หนึ่งก็กลับออกมาพร้อมข้าวผัดและมีไข่ดาวโป๊ะหน้ามาด้วย เอรินมองสบตากับเจ้าของบ้านที่ท่าทางคงกินง่ายอยู่ง่ายพอสมควร
“ชอบทำอาหารทานเอง หรือคะ” เอรินรับจานข้าวผัดไข่ดาวมาวางลงที่ตักและเริ่มตักเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ทำบ้างค่ะ วันนี้เหนื่อยๆ เลยขี้เกียจแวะที่ไหน” ปานรวีเผลอพูดออก มาแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเอรินวางช้อนส้อมลงและจ้องมองมาทันที
“อ๋อมยังโชคดี อย่างน้อยก็ได้มาทานข้าวด้วย แต่พี่ป๊อบต้องทานคนเดียว” เอรินพูดเสียงอ่อยๆ
“ปกติพี่ก็ทานคนเดียวบ่อยๆ นะคะ วางช้อนแล้ว ไม่อร่อยหรืออย่างไรกันคะ” ปานรวียิ้มกว้างมากขึ้นทันที เมื่อเอรินรีบตักข้าวผัดเข้าปาก หลังจากได้ยินคำถาม
“อร่อยค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ยินดีรับใช้ค่ะ คุณหมอ มีผลไม้ด้วยนะ แต่ขนมไม่มีค่ะ เอาไว้พี่จะซื้อมาติดบ้านไว้ให้นะ” ปานรวีเดินไปรินน้ำเย็นมาเพิ่มให้
“ใจดีที่สุดในโลก คนอะไรก็ไม่รู้ สวยก็สวย ใจดีก็ใจดี”
“เยอะไปค่ะ แค่จะซื้อขนมให้แค่นี้ ชมซะ ยังกับว่าจะยกบ้านให้”
“อย่างน้อยก็ให้โอกาสเข้าบ้านอีก ว่าแต่ว่า บ้านหลังใหญ่อยู่คนเดียวเองหรือคะ” เอรินถาม
“ค่ะ กลางวันมีแม่บ้านมาดูแลให้เย็นๆ ก็กลับ”
“อ๋อมล่ะ” ปานรวีถาม มองดูคนที่ทานข้าวตุ้ยๆ แล้วก็นึกขำ เวลาได้พบได้พูดคุย หากไม่รู้มาก่อนว่า เอรินเป็นแพทย์คงนึกไม่ถึงแน่ๆ นอกเวลางานไม่ติดภาพความเป็นคุณหมอมาเลยสักนิด
“รู้นะคะ ว่าคิดอะไรอยู่น่ะ”
“รู้ได้ไง”
“กำลังคิดว่า ไอ้เด็กงอแงน่ะไม่มีสภาพความเป็นคุณหมอให้เห็นเลย ดูแววตาที่มองก็รู้ ใช่ไหมล่ะคะ พี่ป๊อบ” เอรินยิ้มทะเล้นจนปานรวีต้องพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้
“รู้ใจนะเนี่ย” ปานรวีพูดโดยไม่ได้คิดอะไร
“อยากรู้” เอรินรำพึงออกมาเบาๆ แต่คนที่นั่งอยู่นั้นพอจะได้ยิน
“ดูหนังด้วยกันก่อนไหม สักเรื่องแล้วค่อยกลับ” ปานรวีถามยิ้มๆ หวังว่าจะไม่ถูกปฏิเสธ เพราะการได้มีคนมาชวนคุยจ้ออยู่ทำให้บ้านสดใสไม่เงียบเหงาเหมือนทุกวันที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ดูหนัง ดูข่าว หรืออ่านหนังสือ ถ้าไม่ต้องหอบงานมาทำที่บ้าน
“อืม ขอเป็นสองเรื่องได้ไหมคะ” เอรินยิ้มทะเล้นให้ปานรวี
“สองเรื่องต้องนอนนี่ล่ะมั้ง” ปานรวีบอก
“งั้นขออนุญาตเจ้าบ้านไว้ล่วงหน้านะคะ แต่เดี๋ยวค่อยเริ่มฉายได้ไหมคะ ขออ๋อมไปล้างจานแป๊บนึงค่ะ” เอรินทำท่าจะลุกขึ้น แต่ปานรวีดึงตัวเองไว้
“มาค่ะ พี่จัดการให้”
“อ๋อมจัดการได้ค่ะ แม่ใช้ล้างจานมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ” เอรินหัวเราะแหะๆ แล้วรีบเดินเข้าไปในครัว ปานรวียิ้มๆ กับความน่ารักของเอริน
หนังที่ดูอยู่ด้วยกันนั้นผ่านไปได้ครึ่งเรื่อง เอรินก็เงียบไป ปานรวีไม่ได้สงสัยอะไรนึกว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูหนัง แต่เมื่อศีรษะของเอรินเอียงมาพิงที่ไหล่ เจ้าบ้านจึงยิ้มออกมา เพราะคิดได้ว่าที่เงียบไปไม่พูดไม่จานั้นคงเพราะหลับไปแล้ว
“อะไรจะหลับง่ายขนาดนั้นนะ หมออ๋อม” ปานรวียิ้ม ชำเลืองมองคนที่คอพับศีรษะพาดอยู่ที่ไหล่ของเธอ