มารตรีตะโกนใส่หน้าขคราชด้วยน้ำเสียงไม่เบานัก เธอรู้สึกเจ็บใจและอยากเห็นเขาเจ็บอย่างที่เธอรู้สึกบ้างก็แค่นั้นเอง ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ มีหรือจะไปทำอะไรเขาได้ นอกจากตะโกนด่าเขาแบบนี้ แต่คำพูดต่อว่า มีอันต้องอันตรธานหายลงลำคอระหง เมื่อถูกริมฝีปากหนาได้รูปฉกลงปิดริมฝีปากอวบอิ่ม รสจูบของเขาทั้งรุนแรงเรียกร้องและเอาแต่ใจ ดึงดันจะเข้าไปในโพรงปากของเธอให้ได้ เขาขบเม้มพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างจนหญิงสาวรู้สึกถึงรสเค็มปร่าของหยดเลือด มารตรีพยายามเม้มริมฝีปากของตัวเองให้ปิดสนิท ไม่ยอมเผยอออกให้เขาได้ล่วงล้ำเข้ามาได้ง่ายๆ แต่มีหรือคนที่แก่กล้าประสบการณ์เช่นขคราชจะยอม เขาดึงดันกระแทกริมฝีปากของตัวเองลงหนักๆกับริมฝีปากของคนเจ้าพยศ ส่วนมือใหญ่นั้นจัดการกดท้ายทอยของสาวเจ้าให้แหงนเงยรับกับจุมพิตเผ็ดร้อนของตัวเองถนัดถนี่มากยิ่งขึ้น มารตรีส่ายหน้าหลบริมฝีปากเขาไปมา แต่เมื่อถูกกดท้ายทอยไว้แน่น เธอจึงหมดหนทางเลี่ยงหนี...
“อือ..อือ...” เสียงอู้อี้ดังประท้วงขึ้นเมื่อชายหนุ่มได้ล่วงล้ำใช้ลิ้นใหญ่กวาดสำรวจด้านในโพรงปากอิ่มได้สำเร็จ ลิ้นใหญ่ดูดรัดกระหวัดลิ้นเล็กเป็นการทำโทษดวงตาราชสีห์หรี่มองใบหน้าหวานด้วยความพอใจ ก่อนจะดันร่างบางพิงลงกับรถยนต์ กักกันร่างเล็กด้วยการบดเบียดร่างใหญ่ของตัวเองเอาไว้จนมิดทั้งร่าง ความนุ่มหยุ่นของสตรีเพศทำให้ชายหนุ่มเกิดอารมณ์คลุ้มคลั่ง บดเบียดเสียดสีร่างของตนเข้าหาความนุ่มนิ่มเป็นการระบายความทรมาน จนความเป็นเขามันผงาดตรึงแน่นก่อเกิดความรู้สึกเจ็บปวดอึดอัด แต่ก็ต้องกัดฟันทนข่มใจเอาไว้ เพราะสถานที่ตรงนี้ไม่อำนวยให้เขาทำอะไรได้มากกว่าเสียดสีร่างกันไปมา...
“หวาน...หวานเหลือเกิน...” เสียงแหบพร่าดังชิดติดริมฝีปากหวานอย่างคนละเมอ ดวงตาสีนิลเข้มจัดจับจ้องบนใบหน้าหวานด้วยความรู้สึกสุขล้น จนรู้สึกหัวใจดวงนี้ของตัวเองมันจะพองโตจนแน่นคับอกไปหมด มันเต้นจังหวะถี่รัวเสียจนเจ้าของหน้าอกด้านซ้ายไม่อาจเข้าใจ ขคราชผละถอยห่างออกจากความหอมหวานชวนหลงใหลเพียงนิด เพื่อจดจ้องมองดวงหน้าสวยไม่เป็นสองรองใครของหญิงสาว ที่เขาตั้งแง่รังเกียจด้วยความสับสนมึนงง ไม่เข้าใจไอ้ความรู้สึกบ้าบอนี้เลยให้ตาย ทำไมเขาต้องมีความสุขทุกครั้ง ยามได้แนบชิดสนิทเสน่หากับแม่ร้อยเล่ห์จอมมารยาคนนี้ด้วยก็ไม่รู้ ทั้งที่คอยย้ำเตือนให้สมองจดจำให้ขึ้นใจ มารตรีเป็นผู้หญิงประเภทไหน แต่ยิ่งย้ำยิ่งเตือนดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้เขา อยากพาตัวเองเข้าไปหาเธออยู่ร่ำไป...
“ปากเธอก็หวาน...” คำพูดคล้ายละเมอของขคราชยิ่งตอกย้ำให้มารตรีเจ็บลึก ดวงตาแววหวานหลุบต่ำมองแค่ริมฝีปากได้รูปของเขาด้วยความรู้สึกร้าวราน นี่ไม่ใช่หนแรกที่เขาจาบจ้วงกระทำหยามหมิ่นโดยไม่คิดจะสนใจกับความรู้สึกกันบ้างเลย เขาคิดอยากจะดึงเธอมากอดมาจูบตรงไหนเมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่อำเภอใจ ทั้งๆที่วันนี้เธออยู่ในชุดที่ไม่สมควรให้เขามากระทำต่ำทรามอย่างนี้เลยด้วยซ้ำ
“คุณไม่สมควรทำอย่างนี้กับฉัน คุณราช...” เธอเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวใหม่ เมื่อเขาหยามทั้งศักดิ์เธอและตราบนหน้าอกเสื้อเธอ
“แล้วใครล่ะที่มันสมควรจะทำ ป๋าของฉันหรือไอ้หน้าโง่ตัวไหนกันฮะ แม่ร้อยเล่ห์จอมมารยา...” ขคราชกัดฟันถาม ฝ่ามือหนาเผลอบีบรัดร่างงามเข้ามาประชิด ใบหน้าหล่อเหล่าโน้มลงมาหาเพื่อใช้ดวงตาคมวาวจ้องใส่ดวงตาหวานด้วยความโกรธกรุ่น ทีกับเขาเธอทำเป็นห่วงเนื้อห่วงตัว แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นสะดีดสะดิ้งบีบน้ำตา แต่ทีกับคนอื่นเห็นระริกระรี้ยิ้มหน้าระรื่นเข้าใส่เสียไม่มีละ...
“ว่าไง...ไอ้หน้าโง่ที่ไหนที่เธออยากให้มันทำ...” ร่างน้อยเริ่มดิ้นรนช่วยเหลือตัวเอง แต่ยิ่งดิ้นคนใจร้ายก็ยิ่งรัดเธอแนบแน่นเข้าไปกันใหญ่ จนร่างสองร่างแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อยู่แล้ว
“กับใครก็ไม่สมควรทั้งนั้นแหละค่ะ คุณก็เห็นว่าฉันใส่ชุดนักศึกษามันไม่สมควรที่จะให้คุณมาทำอะไรต่ำช้ากับฉันแบบนี้ได้...” มารตรีขยับปากตอบโต้อย่างเหลืออดเหลือทน
“อ้อ...เธอคงหมายถึงให้ฉันถอดชุดอันทรงเกียรตินี้ของเธอออกก่อน ถึงสมควรทำอะไรกับเธอได้ใช่ไหมล่ะ...ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายนิดเดียวไม่เห็นจะมีอะไรยุ่งยาก ยังไงซะ ฉันมันผู้ชายประเภทถนัดถอด พอๆกับถนัดทำอย่างอื่นอยู่แล้วด้วย...”
คนเอาแต่ใจไม่ยอมล่าถอยง่ายๆ ถึงเขาจะเห็นด้วยเมื่อมองชุดนักศึกษาของเธอที่สวมใส่อยู่ แต่เพราะความอยากเอาชนะบวกกับความต้องการเร้นลึกจึงทำให้ชายหนุ่มทำเป็นมองข้ามสิ่งที่เห็นไป
“คนเลวปล่อยนะ...” ร่างน้อยผลักไสร่างหนาออกห่าง เมื่อขคราชกำลังจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ
“ก็บอกว่าไม่ปล่อยไง เธอจะทำอะไรฉันได้หะ...แน่จริงก็ดิ้นให้หลุดเองสิ...”
“คุณมันใจร้ายถ้าเกลียดกันนักก็ไม่ต้องมายุ่งกันสิ จะมากอดฉันไว้ทำไม...”
“ก็เพราะฉันเกลียดเธอไง ฉันถึงอยากกอด แล้วก็อยาก...” ขคราชหยุดคำพูดของตัวเองเอาไว้แค่นั้น แต่กับสาธิตโดยการกดริมฝีปากเข้าหาความหอมหวานยวนตาบดขยี้ซ้ำๆจนพอใจ จึงยอมปล่อยความหอมหวานนั้นเป็นอิสระ แล้วพูดจาเยาะเย้ยเป็นการปิดท้าย
“แล้วก็จะทำมากกว่ากอดกับจูบด้วย ถ้าหากเธอยังไม่ยอมเลิกยุ่งกับป๋าของฉันสักที...”
“ทำไมฉันต้องเลิกยุ่งกับคุณลุงด้วย ในเมื่อฉันกับท่านต่างบริสุทธิ์ใจ คุณต่างหากละคุณราช ที่เป็นคนไม่มีเหตุผล ชอบมองและตัดสินคนอื่นเพียงแค่ความคิดของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว...”
“ก็เพราะฉันเชื่อในสิ่งที่ตาของตัวเองเห็นไงละ ฉันถึงได้มองเธอจนทะลุปรุโปร่งไปถึงตับไตไส้พุง ไอ้เล่ห์เหลี่ยมจอมมารยาของเธอมันถึงใช้กับฉันไม่ได้ผลอย่างไรละ หึ...เธออย่าคิดนะว่าฉันจะไม่รู้เท่าทันเธอ ไอ้ที่เอาตัวเองเข้ามาผัวพันอยู่กับป๋าของฉันบ่อยๆเนี่ย เป็นเพราะเธอกำลังคิดจะงาบทั้งป๋าและก็ฉันด้วยใช่ไหมล่ะ แต่ขอโทษเถอะ ฉันไม่นิยมกินของเหลือเดนจากใครเสียด้วยสิ เพราะฉะนั้นก็ช่วยเอาร่างเน่าๆของเธอถอยห่างออกไปจากครอบครัวของฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ มารตรี...”
คำพูดทุกถ้อยคำของชายหนุ่ม ทำให้มือน้อยต้องกำเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธ สะเทือนใจ เธอไม่อาจเรียกร้องหาความยุติธรรมให้กับตัวเองได้เลยเหรอไงนะ ทำไมเขาชอบเอาแต่กล่าวหาเธออยู่ฝ่ายเดียวด้วย
“ค่ะ...ฉันจะจำใส่ใจเอาไว้อย่างดี และก็ต้องขอบคุณคุณราชมากนะคะ ที่กรุณาช่วยเตือนสติผู้หญิงเลวๆคนนี้ ฉันมันเป็นแค่ผู้หญิงชั่วช้า ถ้าจะให้ดี คุณช่วยกรุณาเอามือสะอาดๆของคุณออกไปจากร่างเน่าๆ น่ารังเกียจของฉันเสียทีจะได้ไหม ฉันจะได้เอาความเน่าเหม็นของตัวเองออกไปจากวิมานสวรรค์ชั้นฟ้าของคุณอย่างไรล่ะคะ...”
แววตาหวานปนเศร้า เงยขึ้นตัดพ้อ ขคราชถึงกับชาวาบไปถึงขั้วหัวใจ แต่จำต้องข่มไอ้ความรู้สึกนั้นเอาไว้ให้ลึกสุดสุด แต่อาจเป็นเพราะดวงตาแสนเศร้าหากทว่าหวานซึ้งชวนหลงใหล ที่กำลังมองส่งมาหาเขา ทำให้ขคราชต้องโน้มใบหน้าของตัวเองเข้าหาอย่างอดใจไม่ไม่ได้อีกครั้ง...
เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมเขาต้องไปรู้สึกรู้สาอะไรมากมายขนาดนี้ด้วย กะอีแค่เขาได้ครอบครองริมฝีปากอวบอิ่มแต่ให้รสชาติดีอย่างประหลาด ความหวานของมันไม่ต่างจากน้ำผึ้งเดือนห้าเลยสักนิด มันก็แค่ทั้งหวานทั้งหอมทั้งให้ความรู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งยามได้สัมผัสมัน...
ขคราชรีบสะบัดใบหน้าไล่ความคิดบ้าๆนั้นออกไป ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากเข้าหาแนบสนิทมากกว่าเดิม...
ลิ้นหนาแสนร้ายกาจเริ่มชอนไชเข้าไปกวาดต้อนรสชาติหวานเกินห้ามใจอยู่ในโพรงปากทุกซอกทุกมุม มารตรีได้แต่ยืนตัวอ่อนปวกเปียก ยอมจำนนอย่างหมดหนทางสู้ เมื่อมือใหญ่จับยึดท้ายทอยกระตุกให้ใบหน้าแหงนเงยรับรสจูบของเขาจนกระดิกกระเดี้ยหลบริมฝีปากเอาแต่ใจไปทางไหนไม่ได้เลย ไม่เพียงแค่ริมฝีปากอวบที่ถูกเขารังแกแม้แต่ดอกบัวงามก็ยังถูกเขารุกรานจนมารตรีไม่อาจทนได้อีกต่อไป จึงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาด้วยความอดสูภายในใจยิ่งนัก...
“ปล่อย...” เสียงสะอึกสะอื้นร้องห้ามเมื่อใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาหาใหม่อีกครั้งหลังจากเขาผละห่างออกไปเพียงนิด มารตรีถึงกับน้ำตาไหลซึมออกมาจากสองดวงตา เมื่อชายหนุ่มไม่คิดจะฟังเสียงห้ามเธอบ้างเลย
“ฉันรู้ว่าเธอชอบมัน ฉันรู้...” น้ำเสียงแหบโหยยัดเยียดความคิดของตัวเองให้หญิงสาวได้ฟัง เมื่อชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงรอยชื้นของหยดน้ำตา คราวนี้ทำให้ขคราชถึงกับใจกระตุก แต่เพราะอารมณ์เร้นลึกภายใต้จิตใจ กำลังเรียกร้องโหยหา เขาจึงไม่คิดจะหยุดสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ก่อนจะฉกริมฝีปากเข้าไปตักตวงความหวานใหม่อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อเขาเริ่มเรียกร้องหนักขึ้น มารตรีนั้นแทบอยากจะตายไปให้พ้นกับความอัปยศในครั้งนี้...
“อย่าค่ะ...ได้โปรด...อย่าทำแบบนี้กับฉันเลย...”
เพราะไม่เพียงแค่ริมฝีปากอิ่มของตัวเองเท่านั้นที่ถูกเขาล่วงเกินเอาแต่ใจ แม้แต่สองบัวงามก็ถูกเขาจาบจ้วง ล่วงเกิน บีบเคล้น เพื่อเป็นการระบายอารมณ์หวิวซ่านจากกึ่งกลางลำตัว
“อืม...อย่าดิ้นสิ” เขาปรามเสียงแหบเมื่อร่างน้อยเริ่มดิ้นหนีเขา
“อือ...ไม่...ไม่ได้นะ...” มือน้อยรีบขยุ้มยึดมือใหญ่เอาไว้ ไม่ให้ลูบไล้ลงไปยังจุดที่ต่ำกว่า เมื่อกระโปรงทรงจีบรอบตัว ถูกรั้งขึ้นมาจนติดอยู่ตรงเหนือเข่าและเขากำลังจะลากผ่านมันขึ้นไปยังจุดหวงแหน ขคราชทำเสียงจิจ๊ะขัดใจ แต่ยังยอมปล่อยมือออกง่ายๆเมื่อเขาเห็นแหล่งอุดมสมบูรณ์แห่งใหม่ซึ่งถูกใจเขามากกว่า...
“อย่ามาทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลยน่าแม่สาวร้อยเล่ห์ ฉันรู้ว่าเธอถนัดและชอบมันเสียด้วยซ้ำ ของมันเคยๆกันอยู่...” ชายหนุ่มผู้ตกอยู่ในเพลิงราคะ หลงแปลสิ่งที่หญิงสาวทำเป็นเพียงมารยา ใช้แกล้งทำให้เขาหลงคิดว่าเจ้าหล่อนนั้นไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนหน้า ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอาจจะหลงกล เชื่อในสิ่งที่เธอแสดงว่าเป็นสาวใสซื่อไปนานแล้ว แต่นี่กับเขา เขาไม่มีทางหลงเชื่อไปกับสิ่งที่หญิงสาวพยายามจะสร้างมันขึ้นมาใช้ตบตาเขา...
“ได้โปรด...คุณราช...อย่าทำฉันเลยนะคะ...” หญิงสาวอ้อนวอนเสียงสั่นเครือเมื่อใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆลากลิ้นลงมายังอกอวบ มารตรีถึงกับสะดุ้ง เมื่อไรตอจากหนวดของชายหนุ่มทิ่มตำลงบนเนื้อเนียนให้เกิดอาการเจ็บจี๊ด กระดุมเสื้อนักศึกษาถูกปลดออกตอนไหนก็ไม่รู้ จนมันเผยให้เห็นบราเซียสีหวาน กับเนินเนื้อขาวเป็นยองใยโผล่พ้นออกมาล้อตาให้ชายหนุ่มต้องแอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ความละลานตาตรงหน้าทำให้ดวงตาสีนิลพร่ามัวดูหวานเยิ้ม
“สวย...สวยมากรตรี...สวยงามอะไรอย่างนี้” เจ้าของดวงตาฉ่ำหวาน ตกตะลึงไปกับสิ่งที่เห็น จึงไม่อาจบังคับอารมณ์ดิบของตัวเองได้อีกต่อไป ริมฝีปากหนาได้รูปลากไล้ตรงไปยังจุดที่เขาหมายตา ขบเม้มเนินเนื้อขาวด้วยริมฝีปากหยอกเอิน มารตรีต้องกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้หลุดเสียงครางอันน่าอับอายออกไป ขคราชกดริมฝีปากร้อนลงบนเนื้อขาวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเพิ่มแรงกดให้หนักขึ้นกว่าเดิม จนเกิดเป็นรอยแดงเพื่อจะได้เป็นการย้ำเตือนให้หญิงสาวได้รับรู้ ที่ตรงนี้เป็นของเขา ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามเข้ามายุ่งกับของ ของเขาทั้งนั้น
“ตรงนี้ของเธอมันเป็นของฉัน จำใส่สมองเธอเอาไว้ให้ดีด้วยนะรตรี...”
คำพูดคล้ายละเมอดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่ม เพื่อเป็นการตีตราจอง ต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่ในสายตาของเขาทุกฝีก้าว เขาจะไม่ยอมให้มารตรีใช้ร่างกายนี้กับไอ้หน้าโง่คนไหนอีก ต่อไปนี้เธอจะกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของเขา เขาเบื่อเมื่อไหร่นั่นแหละ เธอถึงจะมีสิทธิเอาร่างนี้ไปประเคนให้คนต่ออื่นได้...
ร่างบางที่พยายามดิ้นรนขัดขืนเพื่อช่วยเหลือตัวเองเท่าที่แรงน้อยนิดพอจะสู้เขาไหว แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่กำลังตกลงสู่ห้วงแห่งอารมณ์ปรารถนา หยุดคิด ยับยั้งตัวเอง กลับกันดูเหมือนเขากลับยิ่งชอบให้เธอดิ้นเสียดสีร่างนุ่มนิ่มไปกับร่างแข็งแกร่งแห่งเรือนร่างบุรุษชายของเขาอีกต่างหาก เมื่อมารตรีรู้ตัวว่าไม่อาจทำอะไรเขาได้เลย ร่างน้อยจึงหยุดดิ้นแล้วปล่อยให้อสูรใจร้ายรังแกทั้งสองทรวงอวบขาวอิ่มของเธอต่อไป ด้วยความสิ้นหวัง...
“ไปบนห้องกับฉัน...” เสียงแหบพร่าออกคำสั่ง ดวงตาสีดำแฝงไว้ด้วยความดุดันอยู่เป็นนิจดูหมองมัวลงยามเมื่อเอ่ยปาก อารมณ์ดำฤษณานำพาให้เขาเกิดความกระสันอยากกลืนกินร่างหวานลิ้นนี้ลงท้องเขาไปทั้งร่าง เมื่อตอนนี้ชายหนุ่มถูกมนต์เสน่ห์เย้ายวนหอมหวานเล่นงานเข้าอย่างจัง จนไม่อาจหยุดยั้งตัวเองเพียงแค่ได้สัมผัสภายนอกกาย ขคราชจึงลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่าง หวังเพียงให้ตัวเองได้ปลดปล่อยความทรมานนี้ให้พ้นๆไปเป็นพอ
“ไม่นะคะคุณราช...” มารตรีรีบขืนร่างเอาไว้ เมื่อร่างของตัวเองกำลังจะโดนร่างใหญ่ช้อนอุ้มขึ้น
“ฉันจะให้มากกว่าที่ป๋าให้ ถ้าเธอยอมตามใจแล้วขึ้นไปบนห้องกับฉัน...”
ขคราชเริ่มหงุดหงิดเมื่อถูกขัดใจ คิดไปเองว่าหญิงสาวคงเล่นตัวเพราะคิดจะเรียกร้องค่าตัว และเป็นเพราะคำพูดดูถูกศักดิ์ศรีของขคราช จึงทำให้ใบหน้าขาวราวกับกระดาษช้อนวงหน้าซีดเผือดขึ้นมองชายหนุ่ม
“วันนี้รตรีมีสอบ กรุณาปล่อยรตรีไปเถอะนะ...นะคะ...หากรตรีทำอะไรให้คุณราชไม่พอใจ รตรีไหว้ขอโทษก็ได้ค่ะ...” พูดจบประโยคน้ำตาแห่งความอดสูอาดูรหลั่งรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ พร้อมกับน้ำเสียงสั่นเครือร้องขอให้เขาปล่อยเธอไป สองมือน้อยก็คอยยกขึ้นไหว้อ้อนวอนขอให้เขาได้เห็นใจเธอประหรกๆ เพราะนี่เป็นวิชาสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้สำเร็จการศึกษาเสียที เธอไม่อยากพลาด เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วที่เธอจะต้องทำฝันของคุณตาให้สำเร็จ ถ้าเธอเรียนจบและมีใบปริญญาซึ่งอาจพ่วงท้ายด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เธอจะได้รับเข้าทำงานในบริษัทที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของครอบครัวของเธอมาก่อนโดยอัตโนมัติตามกฎการฝึกงาน ถึงจะไม่ได้เข้าไปในฐานะเจ้าของเหมือนสมัยคุณตาก็ไม่เป็นไร เพียงแค่ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้กลับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นอีกสักครั้งเธอก็ปลื้มใจสุดๆแล้ว...
เพราะเห็นอาการสั่นไปทั้งร่างพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ร้องขอประหรกๆของหญิงสาว ทำเอาขคราชถึงกับหยุดชะงักไป ชายหนุ่มรีบดันร่างงามออกห่าง เพื่อกวาดตามองใบหน้าซีดแต่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาด้วยความสับสนมึนงง แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็ไอ้น้ำตาบ้าบอนี้มันดันทำให้หัวใจของเขาปวดแปลบพิกล
“อย่าร้องไห้...” เมื่อไม่อาจทนเห็นน้ำตาของผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป เสียงเข้มปนดุดันจึงร้องห้าม มารตรีต้องสะดุ้งไปทั้งร่าง เขาไม่เพียงแต่ห้าม หากทว่ามือใหญ่ของเขากลับดึงรั้งร่างของเธอเข้าไปกอดซุกไว้กับอกแกร่งของเขา ดวงตาโศกไหววูบเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ของคนใจร้าย ซึ่งตอนนี้มันกำลังลูบไล้ลงกับเส้นผมยาวเหยียดไปจนถึงแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบา ดูคล้ายเหมือนเขากำลังปลอบใจเด็กเล็กๆสักคนให้หยุดร้องไห้อย่างไรอย่างนั้นแหละ...
“คุณราช!รตรีมีสอบ” หญิงสาวเอ่ยย้ำอย่างกล้าๆกลัวๆ
“อืม! ได้ยินแล้วน่า อยู่นิ่งๆก่อนเถอะ” ชายหนุ่มตอบรับสั้นๆ เมื่อตอนนี้เขากำลังรวบรวมเรียกสติร่องรอยกระเจิดกระเจิงไปเพราะอารมณ์รัญจวนเมื่อสักครู่นั้นให้มันกลับคืนมา ขคราชถึงกับสบถคำหยาบคายด่าทอตัวเองเสียงข่ม เมื่อเขาดันลืมนึกไปเสียสนิท ก่อนมารตรีจะขอตัวกลับออกมา เธอบอกกับเขาป๋าว่า วันนี้เธอมีสอบเป็นวันสุดท้ายนี่นา...
“มีสอบตอนกี่โมง...” ชายหนุ่มไม่วายขยับปากถามเสียงห้วน ชิดติดกับผมหอมกรุ่น ก่อนจะสูดดมเอาความหอมเข้าไปด้วยความเผลอไผล
“เอ่อ...เก้าโมงเช้าค่ะ”
“อืม! แล้วถ้าฉันไม่ให้เธอไป...”
“จะให้รตรีกราบเท้าคุณราช รตรีก็ยอมค่ะ ขอเพียงคุณราชยอมปล่อยรตรีไป รตรียอมทำทุกอย่าง...” ยังไม่ทันที่ขคราชจะพูดจบประโยคดี มารตรีก็สวนคำร้องขอแทรกขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ดวงตาคมยิ่งกว่าใบมีดโกนหรี่มองร่างในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ปนหงุดหงิด แม่นี้คงมองว่าเขามันเป็นผู้ชายใจร้ายใจมารมากสินะ ถึงได้ไม่ยอมรอฟังเขาให้พูดจบประโยคดี ความคิดอยากลองใจจึงผุดขึ้นมา เขาก็อยากรู้เหมือนกันมารตรีจะกล้าทำอย่างที่ปากพูดไหม หรือแม่นี่กำลังคิดจะใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนอะไร งัดมาทำให้เขาสงสาร หึ...ร้ายไม่เบาเลยนะแม่คุณ
“จริงเหรอ...เธอจะกราบเท้าของฉันจริงๆเหรอ” ขคราชถามย้ำ กดคิ้วเข้มลงมองร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ค่ะ...รตรียอม ขอเพียงคุณราชปล่อยรตรีไปก็พอ” หญิงสาวยืนยันเสียงสั่น น้ำตาที่เหือดแห้งไปเริ่มรินไหลออกมาอีกครา
“จะเปลี่ยนใจจากกราบเท้าของฉัน มาทำงานถนัดของเธอแทนก็ได้นะ ฉันไม่ว่า...”
“รตรีจะกราบเท้าคุณราชค่ะ...” หญิงสาวกัดฟันตอบ ยืนยันคำเดิม เมื่อมันพอจะเป็นหนทางเดียวเขาจะเลิกรังแกแล้วยอมปล่อยเธอไป
“ก็ได้...ถ้าเธอแน่ใจว่ากล้าทำ ฉันจะไม่ขัดศรัทธา งั้นก็ก้มลงกราบเท้าของฉันตรงนี้ และเดี๋ยวนี้เลยสิแม่ร้อยเล่ห์...” ว่าแล้วขคราชก็ขยับกายถอยห่างปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขนด้วยความเสียดาย
ชายหนุ่มยืดร่างหนาขึ้น ยืนกอดอกรอ ก่อนจะยื่นฝ่าเท้าออกมาด้านหน้า ริมฝีปากหนาเหยียดออกเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม มองร่างในชุดนักศึกษาตรงหน้าด้วยสายตาท้าทาย ดูสิหล่อนจะกล้าทำอย่างที่ปากพูดไหม...
มารตรีถึงกับกลั้นสะอื้นอย่างหนัก เธอปาดน้ำตาทิ้งอย่างคนหมดหนทางสู้ ค่อยๆย่อเข่าลงด้วยความรู้สึกเกลียดชังผู้ชายใจดำตรงหน้าจนสุดหัวใจ ถึงแม้ภายในใจจะคอยแช่งชักหักกระดูกให้เขาอย่าได้มีความสุขเลยในชาตินี้ แต่สองมือน้อยกลับต้องยกขึ้นพนมและก้มลงกราบแทบเท้าเขาด้วยท่าทางเหมือนคนสิ้นแรง...
ดวงตาคมเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ ชายหนุ่มแทบอยากจะเข้าไปกระชากร่างนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วกอดให้หายปวดแปลบในใจนัก แต่สิ่งที่ขคราชต้องแกล้งทำเพื่อย้ำเตือนตัวเองไม่ให้ใจอ่อนกับผู้หญิงร้อยมารยาตรงหน้า มันช่างดูตรงข้ามกับสิ่งที่หัวใจตัวเองเรียกร้องจากหน้ามือเป็นหลังมือเสียเหลือเกิน
เพราะสิ่งที่ขคราชต้องแกล้งทำ นั่นก็คือการปล่อยเสียงหัวเราะลั่นออกมาเหมือนกับตัวเองนั้นสะใจซะเหลือเกิน ก่อนจะชักเท้าของตัวเองกลับมายืนตัวตรง ใบหน้ายุ่งยากใจก้มลงมองร่างในชุดนักศึกษาด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็รีบปัดไอ้ความรู้สึกบ้าๆนั้นไปให้พ้นเสียเร็วๆ พร้อมกับรีบหันหลังให้กับภาพตรงหน้า
“เชิญ...” เสียงขับไล่แข็งกระด้างเรียกให้ร่างที่ก้มหน้าต้องรีบเงยขึ้นมา แต่ก็เห็นคนใจร้ายเดินสะบัดหันหลังกลับเข้าไปยังคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว
ดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำล้นเอ่อ มองตามร่างใหญ่ไปด้วยสายตาเจ็บปวด เธอเกลียดเขา เกลียดผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ทำไมเขาต้องทำกับเธอถึงขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ เธอก็ไม่เคยไปทำอะไรเขาเสียหน่อย ทำไมเขาจะต้องจ้องจะทำร้ายกันไม่จบไม่สิ้น
มารตรีค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่สั่นเทาตามแรงสะอื้นไห้ พร้อมกับเปิดประตูรถยนต์ของตัวเองเข้าไปนั่ง ก้มหน้าซบลงกับพวงมาลัยด้วยความเสียใจ เขาทำเหมือนเธอไม่ใช่คน ทำเหมือนเธอเป็นตัวอะไรสักอย่างในสายตาของเขา มารต่รีให้สัญญากับตัวเองหนักแน่น หากจะมีสักวันหนึ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดเจียนตายได้ เธอจะไม่รีรอที่จะทำมันเลยคอยดู...
“รตรี...” เสียงเคาะกระจกข้างรถดังขึ้น เรียกให้คนที่ตกอยู่กับความรู้สึกเสียใจ รีบเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัยขึ้นมามอง
“พี่มาร์ค มีอะไรหรือคะ...” มารตรีเรียกชื่อคนที่มาเคาะกระจกรถด้วยความแปลกใจ คิ้วโก่งงามกดลงจนคนเคาะกระจกที่ยืนส่งยิ้มอ่อนๆให้พอจะรู้ทัน จึงรีบบอกจุดประสงค์ออกไปเพื่อไขข้อข้องใจให้กับหญิงสาวซึ่งเขาเอ็นดูไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆของตัวเองฟัง
“รีบลงมาจากรถก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน มีสอบไม่ใช่เหรอเราหึ...” มารตรีพยักหน้า แต่ก็ยอมเปิดประตูลงมาจากรถของตัวเองอย่างไม่อิดออด
“เดี๋ยวพี่จะขับเจ้าพายุไปส่งรตรีให้เอง...”
“ว่าไงนะคะ...ขับเจ้าพายุ?...ไม่ค่ะ รตรีไม่ไป พี่มาร์คก็รู้นั่นมันรถของใคร...” มารตรีหยุดชะงักเท้ากึก เมื่อได้ยินว่าพี่ชายใจดีจะขับเจ้าพายุ รถสปอร์ตคู่กายของคนใจร้ายไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย นี่ขนาดเขาแค่เข้ามาเห็นตอนเธอนั่งคุยอยู่กับเจ้าสัวราพบิดาของเขาแค่นั้น เขายังโกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟ ถ้าหากเธอบังอาจไปนั่งบนรถแสนหวงของเขา มีหวังเขาไม่ลงมาหักคอเธอจิ้มน้ำพริกหรอกหรือไง
“รตรีขับรถของรตรีไปเองดีกว่าค่ะ ขอบคุณพี่มาร์คมากนะคะ แต่ครั้งนี้รตรีไม่ขอรบกวนน่าจะดีกว่าค่ะ...” หญิงสาวปฏิเสธออกไปทันทีเมื่อรู้ว่าเจ้าของรถสปอร์ตนั่นคือใคร
“เอาน่าอย่าเพิ่งคิดมากแล้วก็วางใจพี่ได้เลย เพราะตอนนี้คุณราชแกขึ้นไปพักผ่อนข้างบนห้องนอนแล้วนู่น ป่านนี้ก็คงหลับเป็นตายไปแล้วละ รตรีสบายใจได้เลยนะ รับรองคุณราชแกไม่รู้หรอกว่าพี่แอบเอาเจ้าพายุไปส่งรตรีที่มหาวิทยาลัย...”
มาร์คบอดี้การ์ดมือขวาของขคราชรีบพูดจาโน้มน้าว ตัวของเขาเองก็ไม่รู้หรอกก่อนหน้านั้นเจ้านายได้รังแกอะไรน้องสาวของเขาไปหรือเปล่า แต่พอคุณราชเข้าไปในคฤหาสน์ได้ เจ้านายผู้อารมณ์ร้อนเป็นนิสัย โหวกเหวกส่งเสียงดัง เรียกเขาเสียงลั่นไปหมด
เจ้านายมีคำสั่งให้เขาทำงาน แล้วโยนกุญแจเจ้าพายุมาให้เขา ก่อนจะบอกให้เขาขับรถพามารตรีไปสอบให้ทันให้ได้ แถมยังกระชับเสียงเข้ม ห้ามบอกมารตรีว่าเจ้านายเป็นคนอนุญาตให้ใช้รถคันนี้ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย...
“ไปเร็ว เดี๋ยวไปสอบไม่ทันมันจะไม่คุ้มเอาน่า พี่รับรองแล้วไง คุณราชแกจะไม่รู้เรื่องนี้เด็ดขาด...ไว้ใจพี่มาร์คคนนี้ได้เลยน้องสาว...” พูดจบคำมาร์ครีบดึงแขนของมารตรีให้เดินตามเขาไปยังลานจอดเจ้าพายุเพื่อเป็นการตัดบท ขืนชักช้าไปกว่านี้จะไปสอบไม่ทันแล้วไอ้มาร์คคนนี้นั้นจะซวยซ้ำซวยซ้อนไปด้วยอีกคน
“ไอ้มาร์ค! ไอ้เวรเอ่ย...” เสียงสบถด่าทอมือขวาของตัวเองดังขึ้นตรงม่านหน้าต่างห้องพัก ขคราชถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นไอ้มือขวาจอมวายร้าย มันบังอาจมาแตะเนื้อต้องตัวแม่ร้อยเล่ห์ของเขา...
“เดี๋ยวเถอะมึงไอ้มาร์ค มึงกลับมาเมื่อไหร่ มึงได้รับประทานบาทาของกูแน่ ข้อหามันเสือกกล้าจับมือถือแขนผู้หญิงคนนั้นของเขาเข้า...” คนขี้หวงยืนแอบมองเข่นเขี้ยวโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ นอกจากยืนมองเจ้าพายุขับเคลื่อนออกไปจนลับสายตาเท่านั้น....
*******************