ร่างงามระหงในชุดนิสิตชั้นปีสุดท้าย รีบก้าวเดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่โดยไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไปมอง เธอกลัวจอมวายร้ายจะลุกเดินตามออกมาหาเรื่องเธอเหมือนดั่งเช่นทุกครั้ง เช้านี้เธอมีสอบวิชาสุดท้าย เธอจึงไม่อยากเสียเวลาให้กับเรื่องไม่สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องไร้สาระของผู้ชายเจ้าอารมณ์
คนเกเรพันธุ์นั้นอยู่ให้ห่างเข้าไว้เป็นดีที่สุด...
วันนี้เธอมาส่งงานชิ้นสุดท้ายให้กับเจ้าสัวราพ พร้อมกับรับค่าจ้างงวดก่อน และคงอีกนานเป็นเดือนกว่างานชิ้นใหม่ถึงจะมียอดสั่งทำออเดอร์เข้ามาอีกครั้ง พอถึงเวลานั้นเธอคงเรียนจบพอดี และคงเริ่มรับงานที่ดูเป็นชิ้นเป็นอันได้มากกว่าเดิม เธอได้แต่แอบภาวนาอยู่ในใจ ขอให้ทันเวลานั้นด้วยเถิด
การที่เธอต้องเร่งหาเงินให้มากๆนั้น เป็นเพราะเธอต้องการใช้เงินก้อนใหญ่พอสมควร สำหรับนำไปซื้อที่ดินของมารดา ซึ่งเป็นมรดกจากคุณยายกลับคืนมาจากเจ้าของคนใหม่ เธอเฝ้าติดตามข่าวความเคลื่อนไหวที่ดินผืนนั้นมานาน จึงได้รู้ข่าวไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนนี้เจ้าของที่ดินผืนนั้นกำลังจะประกาศขาย เธออดหวั่นใจไม่ได้ กลัวจะถูกคนอื่นมาซื้อตัดหน้าไปก่อนน่ะสิ...
ดังนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จุดโฟกัสเธอจึงมีเฉพาะเรื่องงานเสียส่วนใหญ่ เวลาพักผ่อนของเธอในแต่ละวันมีน้อยมาก จนบางวันแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลยก็มี แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญอะไรที่จะทำให้เธอท้อแท้และสิ้นหวังได้ หากมีงานสุจริตให้เธอทำเธอก็พร้อมทุ่มเททำมันเพื่อให้ได้มาซึ่งเป็นสิ่งที่คุณตาของเธอวาดหวังเอาไว้ คุณตาไม่ได้บอกตรงๆ แต่เธอรับรู้ได้จากแววตาเศร้าสร้อยของท่าน ยามมองดูรูปถ่ายของคุณยาย ท่านคงเสียใจ ที่ไม่อาจรักษาสมบัติชิ้นนั้นของคุณยายเอาไว้ได้ตามที่เคยได้รับปากเอาไว้ก่อนคุณยายจะเสีย
ที่ดินแถวภูเก็ตเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่คุณยายท่านยกให้มารดาของเธอก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตลงด้วยโรคชรา มันเป็นที่ดินตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น คุณยายท่านหวงมาก พอมาถึงรุ่นของมารดาเธอ ที่ดินผืนนั้นกลับถูกบิดาของเธอซึ่งติดการพนันงอมแงม ขโมยออกไปขาย พอคุณตารู้เรื่องนี้เข้า ท่านก็โกรธมาก จนถึงขั้นมีปากมีเสียงกับมารดาของเธอยกใหญ่ ในฐานะลูกสาวคนเดียว เธอจึงสัญญาเอาไว้กับตัวเองเสมอมา เธอจะต้องเอาที่ดินผืนรักผืนนั้นของคุณยายกลับมาคืนให้คุณตาจงได้...
แค่เธอมีความมุ่งมั่น มานะอดทน ทุกอย่างมันกำลังใกล้จะเป็นจริงเข้าไปทุกทีตอนนี้เธอขาดเงินอีกจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น เธอก็สามารถซื้อที่ดินผืนนั้นกลับคืนมาให้คุณตาได้แล้ว อีกหนึ่งความตั้งใจที่เธอทำเพื่อคุณตา โดยหารู้ไหมว่า ที่ดินผืนนั้นได้ถูกขายต่อให้กับใครบางคนไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง...
และเมื่อหญิงสาวก้าวเดินออกมาจนถึงลานจอดรถ หันหน้ากลับไปมองยังทางเดินอีกครั้ง ยังไม่ปรากฏสิ่งที่เธอนึกหวั่นใจ มารตรีจึงพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง เมื่ออย่างน้อยในครั้งนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้มากกว่าการดูแคลนเล็กๆน้อยๆ ซึ่งนั้นมันเป็นเรื่องปรกติ ที่เธอเองก็เห็นจนชินตา คงไม่มีสักครั้งหรอกนะที่ผู้ชายคนนั้นจะมองเธอในแง่ดีขึ้นมาบ้าง และไอ้ความรู้สึกของเขาทั้งหลายมันก็ไม่สามารถจะมาทำร้ายให้เธอเกิดความเสียใจไปมากกว่าที่เคยรู้สึกเสมอมาได้อีกแล้วด้วย...
ความรู้สึกที่ชินชาก็ไม่ต่างจากยารักษาบาดแผลได้เป็นอย่างดีนั่นเอง...
ตี๊ดๆๆๆๆๆๆ
รอยยิ้มละไมผุดขึ้นบนดวงหน้าหวานปานน้ำผึ้ง วงหน้าเรียวยาวรูปไข่ประดับด้วยดวงตาโตดำขลับทั้งสองข้าง จมูกปลายเล็กโด่งรั้นเชิดสูงขึ้นดูน่ามอง ริมฝีปากรูปกระจับอิ่มเต็มทาด้วยลิปสติกเคลือบมันสีบางเบา ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ริมฝีปากดูน่าจูบมากยิ่งขึ้น
มารตรีระบายยิ้มให้เจ้าของชื่อบนหน้าจอมือถือ เมื่อเสียงเรียกเข้าจากปลายสายนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ทว่าเป็นแม่เพื่อนสาวคนสนิทของเธอนั่นเอง นี่คงจะโทรมาตามเธอให้รีบไปแต่เช้า จะได้มีเวลาเหลือติวหนังสือกันก่อนจะเข้าห้องสอบน่ะสิท่า...
“ว่าไงจ๊ะดาว...รตีกำลังจะไป คงอีกไม่น่าเกินชั่วโมงรตรีคงถึงมหาวิทยาลัย...จ้ะเดี๋ยวเจอกันนะดาว”
พอวางสายจากเพื่อนรัก มารตรีจึงกดปุ่มสัญญาณปลดล๊อกจากพวงกุญแจ พอยื่นมือหวังเปิดประตูรถเท่านั้น เธอกลับถูกฝ่ามือใหญ่ของใครบางคนฉุดรั้งร่างบอบบางของเธอเอาไว้ ก่อนจะดึงเซถลาเข้าไปปะทะกับอกแกร่งของเขาอย่างจัง
“อุ้ย! คุณราช” มารตรีอุทานเสียงหลง เมื่อร่างทั้งร่างตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ดวงตาหวานเบิกโพลงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าตามเธอออกมา
“ไง...ผู้ชายคนไหนของเธอโทรเข้ามาหาอีกล่ะ ถึงได้ยิ้มจนหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเชียว ไหนว่าป๋าใช้จ่ายให้หลายแสนไง นี่ยังไม่พอใจอีกเหรอ ยังคิดจะหารำไพพิเศษเพิ่มอีก เธอนี่มันเก่งจริงๆ...” คนตามออกมาหาเรื่องโน้มใบหน้าเข้าหา ปลายจมูกโด่งคลอเคลียใกล้พวงแก้มงาม หญิงสาวเบี้ยงใบหน้าหลบวูบ
"มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเสียหน่อย ปล่อยนะ ไม่งั้นรตรีจะร้องให้คนช่วย...” ร่างหอมรีบสะบัดกายออกจากพันธนาการเหนี่ยวแน่น แต่ยิ่งดิ้นกลับเหมือนยิ่งตกเข้าไปสู่อ้อมกอดของเขามากยิ่งขึ้น ยิ่งดิ้นรนขัดขืน เขากลับยิ่งรัดร่างของเธอไว้แน่นหนา กักกันเธอด้วยวงแขนแข็งแรงราวปลอกเหล็ก จนตอนนี้ทั้งหน้าอกหน้าใจเบียดชิดจมหายไปกับร่างกายกำยำของเขาโดยปริยาย
“ก็ร้องสิ ใครเขาไปห้ามเธอมิทราบ อยากร้องก็ร้องเลย ร้องให้ดังๆด้วยนะ คนบนตึกจะได้แห่กันลงมาดูมากๆ ตอนเธอถูกฉันปล้ำกลางวันแสกๆไง”
“อย่านะ...”
“หึทำไม...มันก็ของชอบของเธอไม่ใช่หรือไงล่ะ...” คนถูกกล่าวหาตวัดสายตาเข้มขึ้นมองอย่างโมโห กรุ่นไปด้วยโทสะ มารตรีได้แต่ข่มใจตัวเองเอาไว้ ให้ใจเย็นๆ เธอรู้สภาพตัวเองดี คงไม่อาจหาญไปสู้รบหรือต่อกรอะไรกับเขาได้หรอก
ผู้ชายอย่างขคราชนั้นห่างไกลกับคำว่าสุภาพบุรุษอยู่มากโขทีเดียว...
“รตรีไม่เคยชอบ...”
“จริงเหรอ” คนปากร้ายยื่นหน้าลงมาถาม
“จิรง...แล้วก็ช่วยปล่อยรตรีด้วย” ร่างบางพยายามใช้แรงอันน้อยนิดดันร่างหนาให้ออกห่าง
“ถ้าอยากให้ปล่อยต้องทำอย่างไรก่อนดีน่า...” ใบหน้าขาวราวหยวกกล้วยแสร้งทำท่าคิด สายตาเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มก้มมองริมฝีปากเล็กรูปกระจับ มารตรีถึงกับสะดุ้ง กลัวจะถูกเขารังแกเอาอีก
“จูบฉันก่อนสิ”
“ไม่...คนทุเรศ ช่วยด้วยค่า ช่วยรตรีด้วย ใครอยู่แถวนี้ช่วยรตรีด้วยค่า”
หญิงสาวดิ้นรนพร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังลั่น มือเท้าก็พยายามแตะถีบเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากวงแขนแข็งแรง ภาพตอนถูกเขาขโมยจูบเมื่อครั้งก่อนไหลเวียนเข้ามาในสมอง ความทรงจำน่าอับอายที่ยังคงติดแน่นในหัวใจ
จูบที่ทำให้เธอสะท้านหวั่นไหว มึนงงจนถูกเขาดูหมิ่น กล่าวหาว่าเธอใจง่าย...
“ปล่อยสิคนบ้า” หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลืออยู่สักพัก เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาใครเลยสักคน เธอจึงหยุดร้อง เขาคงสั่งห้ามทุกคนไม่ให้เข้ามาวุ่นวายเหมือนครั้งก่อนๆอีกนั่นแหละ คนงานของเขาทุกคนคงไม่มีใครกล้าเข้ามา เธอเข้าใจพวกนั้นดี คงไม่มีใครอยากตกงาน
“ปล่อยรตรีสิ”
“ถ้าฉันไม่ปล่อย เธอจะทำไม เธอก็น่าจะรู้ดีนี่นา ต่อให้เธอตะโกนจนคอแตก คนงานบ้านฉันก็ไม่มีใครหน้าไหน กล้าเสนอหน้า หาเรื่องใส่ตัวเองหรอกนะ เพราะโทษของคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของฉัน มันมีเพียงประการเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ...ไล่ออก”
มารตรีรู้ซึ้งถึงข้อนี้ดีอยู่แล้ว คนอย่างขคราชไม่เพียงแต่เอาแต่ใจตัวเอง ทว่าเขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น คำสั่งคือคำสั่ง ถ้าคนไหนคิดจะฝ่าฝืน ก็เตรียมตัวหางานใหม่ทำได้เลย
มารตรีจำต้องข่มใจ พยายามตั้งสติตัวเองใหม่ แล้วเปลี่ยนคำพูดของตนให้ฟังดูอ่อนลง ถ้าเธอไม่ต่อต้านเขา หรือพูดจาขัดหูเขาอีก เขาคงจะฟังเธอบ้าง...
“กรุณารตรีด้วยเถอะค่ะคุณราช วันนี้รตรีรีบจริงๆ...” มารตรีอ้อนวอนขอร้องเขาแทน เธอรู้...การทำตัวแข็งกระด้างตอบโต้เขา มันไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับตัวเธอนัก ผู้ชายเอาแต่ใจแถมยังเจ้าอารมณ์อย่างขคราช การยอมอ่อนข้อให้เป็นทางออกที่ดีที่สุด
“นะคะ...รตรีรีบจริงๆ” เธออ้อนวอนขอเขาซ้ำอีกครั้ง
“จะรีบไปไหน เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะวันนี้ หรือว่าเธอเพลียจนอยากจะกลับไปพักผ่อนเร็วๆ บนตึกก็มีห้องว่างตั้งหลายห้อง ทำไมเธอไม่ลองขอป๋าฉันสักห้องหนึ่งล่ะ ฉันเห็นเธอชอบมาบ้านนี้ออกจะบ่อยไม่ใช่หรือไง อ้อนป๋าฉันนิดๆหน่อยๆ ขี้คร้านป๋าฉันจะยอมยกให้เธอเสวยสุขทั้งตึกก็ยังได้...”
“ถึงรตรีจะมาบ้านของคุณบ่อย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า รตรีจะมาทำอย่างที่คุณเข้าใจหรอกนะคะ ...” เสียงหวานค่อยๆอธิบาย เธอรู้สึกอ่อนใจกับผู้ชายเอาแต่ใจตัวเองอย่างขคราชเหลือเกิน อธิบายไปเขาก็ไม่เคยฟัง ยังคงตั้งหน้าตั้งตาพูดจาปรักปรำหาเรื่องเธอทุกครั้งที่เจอ ชาติก่อนเธอคงไปสร้างเรื่องให้เขาเจ็บช้ำเอาไว้มากสินะ ชาตินี้เขาถึงได้ตามรังควานเธอไม่เลิกเสียที
“ฉันเข้าใจว่าอะไร ไหนลองบอกให้ฉันฟังหน่อยสิ บางทีความเข้าใจของเธออาจไม่ตรงกับความเข้าใจของฉันก็ได้นะ...” คนเจ้าอารมณ์ยื่นหน้าเข้ามาถามใกล้
“ก็เข้าใจว่าคุณคงไม่คิดว่ารตรีจะมาดีน่ะสิ เพราะรตรีเป็นคนไม่ดีในสายตาของคุณอยู่แล้ว...ถ้างั้นก็ปล่อยรตรีเถอะค่ะ รตรีอึดอัดนะ จะมากอดทำไมนักหนา คนที่เขาเกลียดกันเขาไม่มายุ่งกันแบบนี้หรอก เขาต้องอยู่กันห่างๆมันถึงจะถูก”
มารตรีพยายามดันร่างกำยำออกห่าง โดยขืนร่างตัวเองไว้ เมื่อลำแขนแข็งแรงของชายหนุ่มนั้นรัดร่างของเธอจนเนื้อนมไข่เบียดชิดและยังเสียดสีไปกับร่างใหญ่โตของเขา จนเธอรู้สึกใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา ความรู้สึกนี้มารตรีนึกรังเกียจมันเสียเหลือเกิน ทำไมเธอต้องไปรู้สึกรู้สาทุกครั้งยามเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาด้วยก็ไม่รู้
“ฉันอยากทำอย่างนี้ ฉันก็จะทำ มีอะไรไหม?ฮะ...” พอจบคำ เขาจึงไหวไหล่ทำเป็นไม่สนใจ จนมารตรีอยากจะยกมือขึ้นฟาดปากเขาให้เจ็บๆ
“คนเอาแต่ใจ ไม่เป็นสุภาพบุรุษ นิสัยแย่ ปากก็เสีย...” เธอว่าเขาด้วยความพลั้งปาก แต่มารู้ตัวอีกที เมื่อได้ยินเสียงตะคอกอยู่บนเหนือศีรษะเธอนั่นเอง ร่างน้อยถึงกับสะดุ้งเฮือก
“เธอว่าอะไรนะ!” ขคราขกัดฟันถาม สายตาคมดุวาวโรจน์ขึ้นดูน่ากลัวเหลือเกิน มารตรีรีบยกมืออุดปาก
“อุ้ย! เปล่าค่ะ รตรีไม่ได้พูดว่าอะไรคุณราชเสียหน่อย ” คนตกใจเสียงตะคอกหลับตาปี๋ ก้มหน้าลงกับอกเขา รีบปฏิเสธออกไปเสียงสั่น เมื่อกี้เธอแค่ลืมตัวเลยเผลอหลุดปากด่าเขาออกไปมากกว่า เธอไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้เขาได้ยินสักหน่อย
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากร่าง ข่มอารมณ์ฉุนฝังไว้ในอก เขาได้ยินชัดเต็มสองรูหูเชียวละ แต่แม่นี่ยังมีหน้ามาบอกปฏิเสธว่าไม่ได้พูดด่าเขาอีกอย่างนั้นเหรอ นิ้วเรียวยาวขาวสะอาดยกขึ้นบีบปลายคางมน บังคับให้หญิงสาวแหงนใบหน้างามขึ้นมา จนดวงตาสองดวงเผลอสบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
มารตรีกะพริบตาปริบๆ มองตอบเขาเพื่อขอลุแก่โทษ...
ขคราชเผลอสบตากับดวงตาหวานกลมโตโดยไม่รู้ตัว จนก้อนเนื้อหน้าอกด้านซ้ายของเขามันเริ่มเต้นแรงจนผิดปกติ บ้าจัง ทำไมเขาต้องรู้สึกบ้าๆกับผู้หญิงจอมเจ้าเล่ห์อย่างมารตรีด้วยนะ มันก็แค่ตื่นเต้น หวั่นไหว แล้วก็เออ...ช่างหัวมันปะไรมันจะเต้นมันจะพองโตมันจะสุขแค่ไหน มารตรีก็เป็นเพียงผู้หญิงร้ายกาจคนหนึ่งแค่นั้น เขาไม่มีทางหลงเสน่ห์ของเจ้าหล่อน เขาเกลียดเจ้าหล่อนจะตาย กะอีแค่มารยาตื้นๆ เขาไม่เห็นจะรู้สึกอะไร ขคราชเฝ้าย้ำเตือนตัวเอง ไม่ให้หลงมัวเมาไปกับเสน่ห์เย้ายวนอารมณ์ชายของหญิงสาวจอมหว่านเสน่ห์...
“นี่เธอจะยั่วฉันเหรอ...”
พูดจบชายหนุ่มผลักปลายคางมนออกห่าง จนใบหน้าหวานสะบัดไปตามแรงเหวี่ยงไม่เบามือของชายหนุ่ม เธอรู้สึกเจ็บจนน้ำตาซึม เขาทำกับเธอมากเกินไปแล้วจริงๆ คำกล่าวหาของเขามันไม่มีมูลความจริงอยู่ในนั้นเลยสักนิด เธอไปยั่วเขาตอนไหนมิทราบ ถ้าจำไม่ผิด เมื่อตะกี้นี้เธอเผลอหลุดปากด่าเขาออกไปต่างหากละ
นั่นน่ะเหรอ...คือการยั่วยวนของเธอ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้เอาคำด่าตีความหมายไปในทิศทางยั่วยวนได้ คนสติไม่ดีเท่านั้นแหละถึงจะคิดอย่างเขาได้
“เอาสิ...ฉันก็อยากเห็นเหมือนกัน ผู้หญิงขายตัวอย่างเธอ มันจะมีอะไรดีนักหนา ทำไมไอ้พวกหน้าโง่เหล่านั้น มันถึงได้ติดใจบริการเธอกันนัก” ขคราชกระชับวงแขนรัดร่างนุ่มนิ่มเข้าหาตัวเองให้แน่นมากขึ้น ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ใบหน้าหวาน ส่งสายตาเชื้อเชิญท้าทาย
“ทุเรศ!...คุณมันไอ้คนทุเรศ ความคิดของคุณมันก็ช่างสุดแสนจะทุเรศสิ้นดี ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าคุณลุงจะมีลูกชายที่สะสมเอาความคิดต่ำๆไว้ในสมองได้มากมายถึงเพียงนี้ได้ ถึงฉันจะขายตัวอย่างที่คุณกล่าวหาจริง แต่ฉันก็เลือกลูกค้านะคะ คงไม่ต้องบอกนะ ลูกค้าประเภทไหนที่ฉันไม่เลือก...” เธอขึงตาใส่เขาดุเดือด
“ปล่อยฉัน แล้วคุณจะไปตายที่ไหนก็ไป เลิกมายุ่งวุ่นวายกับฉันเสียทีได้ยินไหมเพราะฉันเกลียดคุณ...ฉันเกลียด...”
หญิงสาวตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มโดยไม่คิดหวั่นเกรงอะไรอีกต่อไป เมื่อความคับแค้นในหัวใจมันล้นทะลักออกมาจนสุดกลั้น จึงทำให้มารตรีหมดความอดทนตะเบ็งเสียงแหวใส่เขาอย่างลืมกลัว...
************************