ตอนที่ 7

1165 Words
“นี่คือคอฟต้า...ทำจากเนื้อสับปั้นเป็นก้อน ทานซะนะคะ แล้วเดี๋ยวดิฉันจะเข้ามาเก็บถาดค่ะ” “อเล็กซา...ที่นี่ที่ไหนคะ” คำถามนั้นทำให้แม่บ้านสาวใหญ่หยุดชะงักขณะลุกขึ้น หากแต่เธอก็ตอบด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “ที่นี่คือคฤหาสน์ของตระกูลเอเฟซัสค่ะ...และนี่คือหอคอยที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ คฤหาสน์หลังนี้สร้างไว้บนเกาะครีตมาร้อยกว่าปีแล้วค่ะ” “เกาะครีต...อย่างนั้นเหรอ” ดาราวดีทวนคำนั้นอย่างเลื่อนลอยและลู่ไหล่ลงอย่างสิ้นหวัง น้ำตาของหญิงสาวไหลลงมาอีกครั้งเมื่อสำนึกนั้นถูกกระชากเข้าสู่ความเป็นจริงอันโหดร้ายด้วยคำยืนยันของอเล็กซา... โธมัสไม่ได้โกหกเธอ ที่นี่คือเกาะครีต หมู่เกาะในประเทศกรีซจริง ๆ หญิงสาวสำเหนียกได้ถึงกลิ่นเจือจางของสายลมที่หอบเอากระไอบางเบาของน้ำทะเลเข้ามา เธอได้มาเยือนสถานที่ในฝันแล้วแล้วหากแต่มันหาใช่ความตั้งใจอันแท้จริง ผู้ชายใจร้ายคนนั้นล่อลวงเธอมาที่นี่ “อเล็กซา” “คะ” “ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมคะ...ว่าโธมัส เอเฟซัส...เป็นใครกันแน่” “คุณท่านเป็นนักธุรกิจค่ะ” อเล็กซาหันมามองหญิงสาวชาวไทยที่ถูกล่ามด้วยโซ่ทั้งมือและเท้าเอาไว้ สิ่งที่เธอมองเห็นนั้นไม่ใช่หญิงสาวที่ถูกจองจำราวกับทาสหากแต่เป็นผู้หญิงในวัยสะพรั่งที่เปี่ยมด้วยความงดงามจนแม้แต่เธอซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยกันก็แทบไม่อาจละสายตาไปจากความเปล่งประกายนั้นได้ และในขณะเดียวกันดาราวดีก็จ้องแม่บ้านของคฤหาสน์หลังนี้ราวกับจะค้นคว้าสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นซึ่งเธอรู้สึกเหนื่อยท้อต่อสิ่งที่กำลังค้นหา “ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยค่ะ อเล็กซา” “คุณท่านเป็นนักธุรกิจและเป็นเจ้าของที่ดินเพื่อการลงทุนมากกว่าหนึ่งในสามของยุโรป เรียกได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างมากในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกรีซด้วย คุณท่านจะกลับมาพักที่นี่เท่าที่เวลาจะอำนวย ประมาณปีละสามครั้งเพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดของท่านค่ะ คุณท่านสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุสิบขวบและปกติจะเป็นคนที่ชอบเก็บตัว มีคนน้อยมากที่จะได้รู้จักโธมัส เอเฟซัสและได้พบท่านเป็นการส่วนตัว” “นี่หมายความว่าฉันโชคดีหรือคะที่ได้พบเขา” น้ำคำประชดประชันนั้นทำเอาแม่บ้านเงียบไปชั่วขณะ ราวกับว่าดาราวดีจะเห็นความลำบากใจฉายออกมาทางสีหน้าของอเล็กซา ท่าทีของแม่บ้านสาวใหญ่เหมือนว่ากำลังสำรวมตนและใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง “ขอบคุณนะคะ อเล็กซา...ขอบคุณมากค่ะที่คุณบอกเรื่องราวของโธมัสให้ฉันได้รับรู้” “ดิฉันขอตัวนะคะ...คุณยูบีอา” แม่บ้านสาวใหญ่กล่าวก่อนถอยออกไปจากห้องนั้น ประตูซึ่งเป็นกรงเหล็กถูกปิดลงดังเก่าและไม่ได้ใส่กุญแจเหมือนตอนที่โธมัสออกไป ที่นี่คือหอคอยอย่างนั้นหรือ ดาราวดีหันมองหน้าต่างกั้นกรงเหล็กที่อยู่สูง สายลมพัดเอื่อยพร้อมด้วยแสงสีส้มจางทอดผ่านเข้ามาอาบทาไปทั่วห้อง เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลาใดแล้วเพราะมองไม่เห็นเดือนและตะวัน เห็นก็แต่ท้องฟ้าและแสงสว่างที่เริ่มหมองลงเรื่อย ๆ หญิงสาวเอนหลังพิงผนัง รู้สึกหนาวเหน็บและคิดถึงบิดามากที่สุดในชีวิต ใช่...เธอไม่เคยจากบ้านไปไหนไกลเลย และหากจะไปก็ต้องมีคนสนิทของบิดาติดตามไปด้วยเสมอ ร่างเล็กนั่งเหมือนหมดแรง เธอเหลือบมองถาดใส่อาหารที่อเล็กซานำมาให้ ทั้งที่หิวแทบขาดใจแต่ทิฐิก็ทำให้เธอแค่จ้องมองมันอยู่อย่างนั้นตราบจนความอ่อนล้าทำให้เธอหลับไปอีกครั้ง ดาราวดีรู้สึกตัวขึ้นมาท่ามกลางแสงสลัวจากตะเกียงดวงน้อยบนผนังภายในห้องด้วยรู้สึกหนาวขึ้นมาจับจิต ร่างกายของเธอสั่นสะท้านเพราะลมทะเลหอบเอาความยะเยือกเข้ามาทางหน้าต่าง แต่แล้วเสียงประตูเหล็กที่ถูกเปิดออกก็ทำให้เธอตกใจอีกครั้ง “โธมัส!” เสียงแหบเบาลอดออกมาจากริมฝีปากแห้งผาก ร่างเล็กบอบบางยังอยู่ในท่านั่งหลังพิงผนัง เธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้และหลับในท่านั้นโดยแทบไม่รู้สึกตัว และจู่ ๆ ดาราวดีก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาในฉับพลัน ร่างกายของเธอเหมือนทะเลทรายที่สายน้ำระเหิดแห้ง อาจเป็นเพราะเธอไม่ยอมแตะอาหารหรือแม้แต่น้ำสักหยดที่อเล็กซานำมาให้ตั้งแต่เมื่อวาน เธอนอนหลับไม่รู้สึกตัวก่อนมาถึงที่นี่หลายชั่วโมงและไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อยเดียว ดวงตาคู่งามหม่นแสงเหลือบมองร่างสูงสง่าที่ย่อตัวลงอยู่ต่อหน้าเธอ หญิงสาวเห็นใบหน้าคมคายที่รอยยิ้มเหยียดพร่าพรายอยู่บนใบหน้าของเขา หากแต่สักครู่ดวงตาของโธมัสก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มเมื่อเขาเห็นอาหารในถาดยังไม่พร่องเลยแม้แต่นิดเดียว “คุณยังไม่กินอะไรเลยหรือ ยูบีอา” “ฉันไม่หิว” ตอบแล้วหันหน้าไปอีกทาง มือเรียวที่ถูกพันธนาการกุมกันไว้แน่นและกดเกร็ง แต่แล้วใบหน้างามก็ต้องหันไปหาเขาเพราะถูกบีบบังคับด้วยนิ้วแกร่งที่กดคางเรียวเอาไว้ “อย่าอวดดีกับผม! ถ้าคิดว่าจะประท้วงด้วยการไม่กินอะไรเลยคุณจะตายเสียเปล่า” “คุณต้องการอย่างนั้นนี่ไม่ใช่เหรอคะ โธมัส” นัยน์ตาสีน้ำตาลของดาราวดีรื้นน้ำหากก็ฉายประกายกล้า หญิงสาวเม้มริมฝีปากไว้แน่น “คุณอยากให้ฉันตายนี่ไม่ใช่หรือคะ...บางทีมันอาจจบทุกอย่าง จบความแค้นที่คุณมีต่อพ่อของฉันได้” “ไอ้ระยำนั่นมันไม่สนใจความเป็นความตายของใครหรอก!” ใบหน้าคร้ามคมก้มลงมาเกือบชิดและนิ้วแกร่งที่จับคางของหญิงสาวไว้กดแน่นขึ้นกว่าเดิม เรียวปากอิ่มระริกอ้าออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ชั่วขณะของความคิดโธมัสกลับนึกถึงรอยจุมพิตที่เขายัดเยียดให้เธอเป็นครั้งแรก ดาราวดีจูบผู้ชายไม่เป็นด้วยซ้ำแต่ความหอมหวานนั้นยังทิ้งร่องรอยไว้ในปากของเขา “คุณอาจจะเป็นลูกของเฟอร์นันโดก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ พนันกันมั้ยล่ะว่าถ้าให้คุณอยู่แล้วมันต้องลำบากหรือถ้าหากคุณตายแล้วมันจะอยู่รอด ไอ้เลวนั่นมันต้องเลือกอย่างหลัง” “เขาเลี้ยงฉันมา คุณไม่มีวันเข้าใจ” “ผมเข้าใจดีทุกอย่าง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD