“แกมันร่านเหมือนแม่ของแก ชื่อเสียงของหญิงสาวบ้านหยางเสื่อมเสียก็เพราะแก ลู่เอินกับลู่เฟินก็พลอยแย่ไปด้วย ลูกสาวฉันอุตส่าห์รักษาชื่อเสียงที่ดีงามมา แล้วอย่างนี้จะมีผู้ชายดีๆ ที่ไหนมาสู่ขอลูกสาวฉันล่ะ แก นัง นังแพศยาฟางหรง” หลัวอิ๋นฟางเล่นใหญ่จัดใหญ่ อารมณ์มาเต็ม หวังดิสเครดิตลูกเลี้ยงให้ไม่ได้ผุดได้เกิดไปเลย โทษฐานที่มันเกิดมาสวยเกินหน้าเกินตาลูกสาวของเธอ
หยางฟางหรงจากที่นั่งอยู่ถึงกับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินเข้าไปยืนตรงกลางวงล้อม หญิงสาวหันหน้ามาประจันหน้ากับแม่เลี้ยง จ้องตาเขม็ง ตาต่อตาฟันต่อฟัน
“ขอโทษนะคุณแม่เลี้ยง ไม่ทราบว่าหลงประเด็นหรืออย่างไร เอาล่ะ ฉันจะชำแหละเป็นรายตัวละนะ อย่างแรก ที่น้าหลัวอิ๋นฟางบอกว่าลูกสาวทั้งสองของตนนั้นมีชื่อเสียงที่ดีงาม เป็นสตรีที่มีคุณสมบัติที่ดี ขอถามหน่อยเถอะ ซักผ้า หุงข้าว ทำอาหาร หาบน้ำ ตำข้าว ทำเป็นหรือเปล่าเถอะ ทุกอย่างที่พูดมามีแต่ฉันทำให้ แล้วที่ฉันเป็นลมตกน้ำไปเมื่อเช้าก็เพราะถูกสั่งให้ไปซักเสื้อผ้าให้ลู่เฟินไม่ใช่เหรอ น่าภูมิใจจริงๆ ได้ทำงานเป็นเสมียนของคอมมูน แต่ซักเสื้อผ้าไม่เป็น แม้แต่ชุดชั้นในก็มาโยนให้ฉันซักให้ น่ายกย่องเชิดชู น่าสู่ขอไปเป็นศรีภรรยาซะเหลือเกิ๊น ฮ่าๆๆๆ” หยางฟางหรงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ชาวบ้านชายหญิงที่มารอชมเรื่องสนุกต่างก็พากันซุบซิบและหัวเราะคิกคัก
“หา! นี่เป็นเรื่องจริงหรือนี่ หยางลู่เอินกับเตียวลู่เฟิน สองศรีพี่น้องน่ะหรือซักผ้าเองไม่เป็น?”
“ต้องให้คนอื่นซักให้ คิก คิก”
“แม้แต่ชุดชั้นในก็ไม่เว้น ฮ่าๆๆๆ”
ชาวบ้านต่างพากันเม้าท์มอยอย่างออกรสออกชาติ สองสามีภรรยาอย่างหยางลู่เมิ่งและหลัวอิ๋นฟางต่างพากันหน้าถอดสี นี่หยางฟางหรงกล้าเอาพี่น้องของตัวเองออกมาประจานอย่างนี้เชียวหรือ?
“ไม่ใช่ซักไม่เป็นหรอกค่ะ พี่น้องคอมมูนอี้เส่ยที่ 16 ทั้งหลาย แบบนี้เรียกว่าขี้เกียจและเอาเปรียบฉันมากกว่า นี่น่ะหรือผู้หญิงดีๆ แบบที่แม่เลี้ยงฉันว่า ฮ่าๆๆๆ ระวังนะ ถ้าใครได้แต่งไปเป็นภรรยามีหวังต้องซักเสื้อผ้าและชุดชั้นในให้เจ้าหล่อนทั้งสองเป็นแน่ ฮ่าๆๆๆ” หยางฟางหรงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังยิ่งกว่าเก่า
สืออู๋เฉินชะงักเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของหยางฟางหรงราวกับว่าเธอนั้นไม่ใช่คนเดิม แต่เพียงเสี้ยววินาทีมุมปากของเขาก็ยกขึ้น ชายหนุ่มแอบยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ เมื่อก่อนหยางฟางหรงเป็นคนหัวอ่อนและร่างกายอ่อนแอ ยอมให้คนอื่นกดข่มและโขกสับเรื่อยมา มาวันนี้หญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมีพลังอย่างประหลาด พลังที่จะเอาคืนคนพวกนี้ร่วมไปกับเธอ
“นี่ หยุดเดี๋ยวนี้ นังลูกไม่รักดี แกกล้าเอาพี่สาวน้องสาวมาประจานแบบนี้ได้ยังไง ฉันจะเอาเลือดหัวแกออกเดี๋ยวนี้” หยางลู่เมิ่งโกรธจัดจนหน้าแดง เส้นเลือดที่ข้อมือปูดโปน เขาลุกขึ้นเตรียมจะพุ่งเข้าใส่ลูกสาวที่เขาชังน้ำหน้านัก
ทว่า…ก่อนที่เขาจะถึงตัวหยางฟางหรง สืออู๋เฉินกลับเข้าไปขวางไว้เสียก่อน หยางลู่เมิ่งจึงถอยกรูดเพราะชายหนุ่มที่ขวางทางอยู่นั้นตัวใหญ่กว่าเขา อีกทั้งยังดูบึกบึนแข็งแรงกว่ามาก
“โธ่! พ่อ ฉันไม่แปลกใจหรอกที่พ่อน่ะออกมาปกป้องลูกสาวสุดที่รักของพ่อทั้งสอง พ่อว่าอะไรนะ เมื่อกี้ บอกว่าฉันประจานลูกสาวของพ่อใช่ไหม หรือว่ามันไม่จริง พ่อกล้าบอกคนอื่นเขาหรือเปล่าล่ะว่าที่ฉันพูดมาน่ะมันไม่จริง ฮึ!”
“ไม่จริง” หยางลู่เมิ่งและหลัวอิ๋นฟางเปล่งเสียงออกมาพร้อมๆ กัน เวลานี้ทั้งสองไม่รู้ตัวว่าถูกหยางฟางหรงยั่วยุ ใบหน้าทั้งสองบิดเบี้ยวเพราะความโกรธจัด แต่ไหนแต่ไรมาหยางฟางหรงไม่เคยแข็งข้ออย่างนี้ มีแต่ยอมก้มหัวให้ทุกคนในบ้านกดข่มและเอารัดเอาเปรียบได้ตามอำเภอใจ
“ฮ่าๆๆๆ” หยางฟางหรงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ เวลานี้ชาวบ้านต่างพากันรู้สึกสนุกยิ่งกว่าดูงิ้วที่นานทีจะมาแสดงในเมืองเสียอีก
“นี่ พี่ป้าน้าอาชาวคอมมูนอี้เส่ยที่ 16 ที่รัก พอดีว่าฉันน่ะมีจี้เจ้าแม่กวนอิมติดตัวอยู่ ฉันขอให้เจ้าแม่กวนอิมที่พวกเราเคารพบูชาช่วยเป็นพยาน หากว่าสิ่งที่ฉันพูดมาเป็นความจริงขอให้ชีวิตของฉันมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง แต่หากว่าฉันพูดเท็จใส่ความใส่ร้ายคนอื่น ขอให้ชีวิตของฉันฉิบหาย ในทางกลับกัน หากว่าคนบ้านหยางอันประกอบด้วยพ่อบังเกิดเกล้าและแม่เลี้ยงของฉันพูดเรื่องจริง ก็ขอให้พวกเขาเจริญๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป แต่หากว่าเรื่องที่พวกเขาพูดมันไม่จริงไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ก็ตาม ขอให้คนบ้านหยางซึ่งไม่รวมฉันอยู่ด้วยมีแต่ความชิบหายวายวอด มีแต่เรื่องโชคร้าย เคราะห์กรรมและวิบากกรรมผ่านเข้ามาให้มากๆ และมากที่สุด ขอให้ดวงตก จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ฮ่าๆๆๆ เห็นไหมเล่ามีใครกล้าพูดต่อหน้าเจ้าแม่กวนอิมแบบฉันไหม ที่ฉันกล้าพูดเพราะฉันพูดความจริงไง” หยางฟางหรงพูดซะยาวเหยียดพลางชูจี้เจ้าแม่กวนอิมที่หญิงสาวห้อยคอไว้ตลอดเวลาขึ้นมาให้ชาวบ้านได้เห็นด้วย
“แก แก แก” หยางลู่เมิ่งหน้าซีดมือไม้สั่น เขาเอ่ยอะไรออกมามากกว่าคำว่า ‘แก’ ไม่ได้ ลำคอของเขามันตีบตันไปหมด
สองสามีภรรยามองหน้ากัน ในใจเริ่มรู้สึกหวาดกลัว ทั้งหยางลู่เมิ่งและหลัวอิ๋นฟางต่างใบหน้าซีดสลดเหลือสองนิ้วด้วยกันทั้งคู่ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพวกใจจืดใจดำอำมหิตขนาดไหนแต่ก็ต้องหวั่นเกรงในอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิมวันยันค่ำ
“คุณพ่อที่รัก กำลังจะพูดอะไรหรือคะ?” หยางฟางหรงลอยหน้าลอยตาถามพลางยิ้มระรื่น
“ฉันกับแกตัดพ่อตัดลูกกันนับตั้งแต่วันนี้ ต่อไปไม่ต้องมานับฉันเป็นพ่อแกอีก” หยางลู่เมิ่งมั่นใจนักหนาว่าไม้นี้จะสามารถกำราบนังลูกสาวจอมพยศนี่ได้
หยางฟางหรงก้มหน้านิ่ง ชาวบ้านต่างพากันลุ้นว่าหยางฟางหรงที่เปลี่ยนไปคนนี้จะทำอย่างไรเมื่อถูกผู้เป็นพ่อตัดขาด เธอต้องร้องห่มร้องไห้มาขอขมาให้พ่ออย่างหยางลู่เมิ่งยกโทษให้แน่ๆ
“ด้วยความยินดียิ่งค่ะคุณพ่อ เอ๊ย! ตัดพ่อตัดลูกแล้ว จะให้เรียกว่าอะไรล่ะ เรียกว่าคุณหยางก็แล้วกัน ด้วยความยินดียิ่งค่ะ คุณหยาง” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นยิ้มหน้าระรื่น น้ำเสียงสดใส ไม่มีความสะทกสะท้านแม้แต่น้อย