หลังเลิกงานที่แปลงนาก็เป็นที่รู้กันว่าถึงเวลาของ ‘เรื่องสนุก’ บรรดาชาวบ้านชายหญิงที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างพร้อมใจกันไปรอดูรอชมเรื่องของชาวบ้านที่บ้านของหัวหน้าคอมมูนอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ฉันจะเอาค่าสินสอด 50 หยวน” หยางลู่เมิ่งยื่นคำขาด
“ไม่มีโว๊ย ถึงมีฉันก็ไม่ให้ ลูกสาวของแกดันร่านวิ่งมานอนกับลูกชายของฉันเอง ฉันให้ได้อย่างมาก 5 หยวน เพราะฉันส่งเสียลูกชายตั้ง 2 คนเรียนหนังสือ ฉันหมดเงินไปเยอะ” สือหนิงหลงทำท่าจะไม่ยอมท่าเดียว ก็เรื่องอะไรเขาต้องไปยอมเสียเงินค่าสินสอดแต่งผู้หญิงขี้เกียจอย่างนั้นด้วยเล่า หากเป็นผู้หญิงดีๆ ที่ขยันขันแข็งทำมาหากินเขาจะไม่ว่าเลย
“ไม่ได้ อย่าไปยอมนะพี่ลู่เมิ่ง ลูกสาวพี่ทั้งคน อย่างน้อยก็ต้องได้เงินค่าสินสอดบ้างล่ะ 50 หยวนมันยังน้อยไป” หลัวอิ๋นฟางผู้หิวเงินมีหรือจะยอมให้ผู้เป็นสามียอมง่ายๆ เวลานี้ที่บ้านมีเงินเหลือไม่ถึง 20 หยวนเพราะต้องใช้จ่ายไปกับการเรียนและการสมัครงานของลูกสาวไปไม่น้อย ถึงแม้ว่าค่าเล่าเรียนจะฟรี แต่ค่าเสื้อผ้า หนังสือและอุปกรณ์การเรียนล้วนต้องซื้อหามาเอง วันนี้เธอดีใจนักหนาที่มีข่าวว่านังลูกเลี้ยงที่เธอและลูกสาวเกลียดชังนั้นมันไปทำเรื่องขายหน้าเข้าให้แล้ว
…ต่อไปมันจะอยู่สู้หน้าผู้คนในคอมมูนได้อย่างไร
ที่หยางฟางหรงถูกแม่เลี้ยงและลูกสาวทั้งสองของนางเกลียดชังทั้งๆ ที่ไม่เคยทำอะไรให้เลย มีแต่ยอมอ่อนข้อ ยอมถูกเอารัดเอาเปรียบ ยอมถูกกลั่นแกล้งรังแกสารพัดโดยที่ไม่ปริปากใดๆ สาเหตุมันมาจาก…ความสวยเป็นเหตุ ว่ากันว่าสตรีนั้นริษยากันได้เพียงเพราะอีกคนมีความงามที่เหนือกว่า สำหรับตัวหยางฟางหรงนั้นชื่อเสียงเรื่องความงามถือว่าเป็นอันดับ 1 ของคอมมูนพอๆ กับชื่อเสียงเรื่องความขี้เกียจนั่นแหละ
“นี่ ที่เถียงกันอยู่นี่จะไม่ถามที่มาที่ไปของเรื่องราวกันบ้างหรืออย่างไรครับ มีใครถามผมกับฟางหรงบ้างไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วเรื่องที่ได้ยินมามันจริงหรือเปล่า?” สืออู๋เฉินที่เงียบอยู่นานสองนานเพื่อสังเกตดูพฤติกรรมของแต่ละคนเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“ใช่ ตั้งแต่แรกแล้ว ทุกคนต่างก็ถกเถียงกัน คนนั้นจะเอาอย่างนั้น คนนี้จะเอาอย่างนี้ แล้วมีใครถามฉันกับสืออู๋เฉินบ้างไหมว่าเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมานั้นมันจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงการใส่ร้ายป้ายสีแล้วไปเที่ยวโพนทะนาให้คนอื่นเสียหายของใครบางคน” หยางฟางหรงพูดเสียงแข็งพลางหันไปจ้องใบหน้าของมนุษย์ป้าฉุนเยว่เผิงด้วยสายตาเอาเรื่อง พลอยทำให้ฉุนเยว่เผิงต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาดุดันเอาเรื่องนั้น แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเห็นหยางฟางหรงหญิงสาวขี้เกียจผู้นี้จะกล้าแข็งข้อกับผู้ใดเลยนี่นา
“ก็ ก็ฉันเห็น ฉันเห็นอู๋เฉินอุ้มฟางหรงขึ้นมาจากน้ำ ตัวเปียกปอนทั้งคู่ ทั้งสองคน ทั้งสองคนต้องไปทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกันในน้ำแน่ๆ” ฉุนเยว่เผิงพยายามเถียง แต่น้ำเสียงที่พูดฟังดูติดๆ ขัดๆ และไม่กล้าสบตาใคร
“ใช่ ฉันก็เห็น ฉันเห็นว่าพี่ฟางหรงน่ะเดินไปที่ลำธารแต่เช้า และก็เห็นว่าพี่อู๋เฉินที่มาทำด้อมๆ มองๆ แถวบ้านฉันบ่อยๆ เดินตามไป แบบนี้จะให้เข้าใจว่ายังไง แม้แต่คนโง่ก็ดูออกว่าสองคนนั้นต้องแอบนัดแนะไปพรอดรักกันแน่ๆ” หยางลู่เอินน้องสาวที่เกิดจากแม่เลี้ยงของหยางฟางหรงสอดเข้ามาบ้าง เธอตั้งใจและเต็มใจที่จะช่วยแม่และพี่สาวเหยียบย่ำซ้ำเติมนังพี่สาวคนสวยคนนี้ให้จมดิน โทษฐานที่มันเกิดมาสวยกว่าใครๆ
“นังลูกแพศยา แกให้ท่าผู้ชายนี่เอง แกมันร่าน เหมือนแม่แกไม่มีผิด วันนี้ถ้าฉันไม่ได้เอาเลือดหัวแกออกอย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ” หยางลู่เมิ่งกำหมัดแน่น เขาโกรธจัดจนเส้นเลือดปูดโปน
เดิมทีหลัวอิ๋นฟางนั้นยุแยงหยางลู่เมิ่งให้ขายลูกสาวจอมขี้เกียจคนสวยนี้ให้ไปเป็นนางบำเรอของพวกเศรษฐีในเมืองใหญ่ๆ ก็พวกเฒ่าตัณหากลับทั้งหลายนั่นแหละ เพราะหยางฟางหรงนั้นหน้าตาสวยโดดเด่นยิ่งกว่าสาวๆ คนไหนในคอมมูน อาจจะสวยที่สุดในเมืองนี้หรือมณฑลนี้ก็เป็นได้ สองสามีภรรยาต่างวาดฝันเอาไว้ว่าจะขายสาวงามคนนี้ให้ได้ในราคาพันหยวน แล้วจะนำเงินนั้นมาสร้างบ้านอิฐอย่างดีเพื่ออยู่อาศัย ทว่า…นังลูกสาวแพศยามันดันไปทำเรื่องฉาวโฉ่เสียก่อน เลยผิดแผนเลยทีนี้
“เหมือนแม่ไม่มีผิด คือยังไงหรือคะพ่อ?” หยางฟางหรงลอยหน้าลอยตาถาม จงใจยั่วยุผู้เป็นพ่อ
“ก็แม่ของแกมันร่าน มันเป็นนังผู้หญิงแพศยาไง ไม่อย่างนั้นมันจะหนีตามพ่อของแกมาหรือ จริงไหมพี่ลู่เมิ่ง?” หลัวอิ๋นฟางหันไปหาเสียงสนับสนุนจากผู้เป็นสามี
“ใช่ แม่แกน่ะ มันร่าน มันเป็นผู้หญิงแพศยา เป็นถึงคุณหนูลูกผู้ดีมีตระกูล กลับทำตัวหยำฉ่าเหมือนผู้หญิงชั้นต่ำ ไม่อย่างนั้นมันจะหนีตามฉันมาหรือ?” หยางลู่เมิ่งคล้ายขาดสติ เขาพูดประจานภรรยาที่เขาเคยบอกว่ารักเธอสุดหัวใจ
…และนั่น ก็คือฟางเส้นสุดท้าย ฟางเส้นสุดท้ายของความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างหยางฟางหรงและหยางลู่เมิ่งได้ขาดสะบั้นลงเพราะเขานั้นไม่รักษาเกียรติให้ภรรยาเก่าซึ่งเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดหยางฟางหรง มิหนำซ้ำยังประจานคนที่ตายไปแล้วต่อหน้าธารกำนัลอีก
‘วาร์ปไปเกิดใหม่มาหลายชาติหลายภพ เจอแต่พ่อแม่ดีๆ มีแต่ชาตินี้ชีวิตนี้นี่แหละที่เจอพ่อเฮงซวย เฮ้อ! เดี๋ยวมันก็ผ่านไปน่ะ’ หยางฟางหรงนึกบอกตนเองในใจ พ่อแม่ดีๆ เธอมีมากมายในหลายชาติภพ จะมาแคร์พ่อเฮงซวยในชาตินี้ เพื่อ…?
หยางฟางหรงก้มหน้า ไม่สบตากับใครๆ คนทั้งหลายที่มารอดูชมเรื่องสนุกที่กำลังซุบซิบกันอย่างเมามันนั้นต่างพากันเข้าใจว่าหญิงสาวคงรู้สึกอดสู เสียใจ และอับอาย หากแต่ความเป็นจริงก็คือ…หยางฟางหรงกำลังกลั้นยิ้มต่างหาก เธอกลัวว่าตนเองจะหลุดหัวเราะออกไปจึงได้ทำการก้มหน้า ไม่ยอมให้ใครสบตา
…หยางฟางหรงกลั้นยิ้ม เพราะสุดแสนจะดีใจที่วันนี้จะได้ตัดบิดาบังเกิดเกล้าผู้นี้ออกไปจากชีวิตได้จริงๆ จังๆ เพราะเขานั้นทำเรื่องชั่วช้าที่เธอรับไม่ได้ นั่นคือ…ประจานภรรยาเก่าซึ่งเป็นแม่ของเธอ นี่เท่ากับเป็นการทำร้ายทั้งคนที่ตายไปแล้วและคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอสามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างโดยที่ไม่ให้ใครมาตำหนิเธอเรื่องความกตัญญูได้เลย
เรื่องที่หยางลู่เมิ่งและหลัวอิ๋นฟางวางแผนว่าจะขายหยางฟางหรงให้กับเศรษฐีเฒ่าตัณหากลับใช่ว่าหญิงสาวจะไม่รู้เรื่องมาก่อน ก่อนหน้านี้เธอเคยแอบได้ยินพ่อกับแม่เลี้ยงพูดคุยกันอย่างมีความสุขเรื่องที่จะนำเงินที่ได้จากการขายเธอไปเป็นนางบำเรอมาสร้างบ้านอิฐหลังแรกในคอมมูน หยางฟางหรงในชาติที่แล้วทั้งเสียใจและหวาดกลัว แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตดี แต่หยางฟางหรงที่กลับมาใหม่ชาตินี้มีหรือจะยอม ไม่เพียงแต่ไม่ยอมเธอจะต้องหาทางตลบหลังคนพวกนี้ด้วย