ตอนที่ 9

1284 Words
ลันคนเดิมที่รัตติกรเคยรู้จัก หากความมีน้ำใจ… ก็ช่วยยืนยันว่าเธอใช่ดาลันคนเดิม             ที่คอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา “โห!...ห้องใหญ่มาก” รัตติกรอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ ทันทีที่เจ้าของห้องไขกุญแจแล้วผลักประตูเข้าไป ภายในห้องช่างดูกว้างใหญ่ ทั้งเตียงนอน โซฟา ตู้เย็น ครัว                          สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่รวมภายในห้องน้ำ แถมด้วยมุมออกกำลังกายเล็กๆ ที่ข้างระเบียง              ที่พักอาศัยซึ่งดาลันเรียกว่า ‘ห้อง’ หากรัตติกรรู้สึกว่ามันกว้างใหญ่กว่าบ้านที่เธออยู่อาศัยเสียอีก             “ค่าเช่าต้องแพงมากแน่ๆ” รัตติกรเลิกคิ้ว               “ไม่มีปัญหา...”             ดาลันตอบเพียงสั้นๆ             หล่อนไม่ได้สนใจจริงจังในสิ่งที่รัตติกรกล่าว เพราะกำลังให้ความสนใจอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ระบบสัมผัส ลากนิ้วและกวาดสายตาไปมา             “ดา… ฉันคงอาศัยอยู่แค่เดือนแรก หลังจากนั้นคงต้องไปหาห้องเช่าถูกๆ ใกล้ๆ ที่ทำงาน”             แววกังวลปรากฏเด่นชัดในดวงตา             เพราะก่อนมา รัตติกรบอกกับดาลันว่าจะช่วยแชร์ค่าเช่ากันคนละครึ่ง ทว่าห้องที่เพียบพร้อมขนาดนี้ ค่าเช่ามันต้องแพงลิบลิ่วแน่ๆ             รัตติกรเริ่มกังวลถึงรายได้ กลัวว่าจะเหลือไม่พอให้แม่กับน้องที่อยู่ทางบ้าน “รัตติกร… เลิกทำนิสัยขี้เกรงใจเสียที ฉันเป็นเพื่อนเธอ เธอจะอยู่ที่นี่ไปตลอดก็ได้ เรื่องเงินเรื่องทองไม่ต้องมาช่วยแชร์ ห้องนี้ส่วนมากฉันจะอยู่เฉพาะกลางวัน กลางคืนฉันก็แทบจะไม่ได้อยู่เลยด้วยซ้ำ… ดีเสียอีกที่เธอมาเฝ้าห้องให้”             “แต่ว่า...”             “หยุด!” ฝ่ามือสองข้างของดาลันยกขึ้นห้าม             “เลิกพูดเรื่องนี้กับฉัน ถ้ายังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนแก” ดาลันว่า             รัตติกรยิ้มแห้งๆ ให้กับเพื่อนสาว             แม้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของดาลันจะแปลกเปลี่ยนไป แต่น้ำใจที่แสดงออกมา… ก็ช่วยยืนยันว่าเธอคือดาลันคนเดิมจริงๆ             “คืนนี้จะพาไปเปิดหูเปิดตา”             “เปิดหูเปิดตา…” รัตติกรทำหน้าสงสัย             “จ้ะ… แม่น้ำผึ้งป่า เดี๋ยวดาลันจะแปลงโฉมให้เอง รับรองว่าจะกลายเป็นน้ำผึ้งเปรี้ยวเด็ดเข็ดฟันไปในบัดดล”             ดาลันกล่าวด้วยน้ำเสียงติดตลก             พลางกวักมือเรียกเพื่อนสาวให้ก้าวตามออกมาที่ระเบียงหลังห้อง ชี้ชวนให้ดูทิวทัศน์ผ่านกระจกบานกว้าง             “ว้าว...”             รัตติกรอุทาน ตาโตกับสิ่งที่เห็น             เธอไม่รู้ว่าอยู่สูงถึงชั้นที่เท่าไร รู้แต่ว่าสูงมาก เพราะว่าจากจุดที่เท้าของเธอและเพื่อนสาวยืนอยู่ ทำให้ได้เห็นกรุงเทพฯ ในมุมที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ถนนหลายสายคดเคี้ยวเหมือนงูมากมายเลื้อยพันกันอยู่ในความมืดที่เริ่มโรยตัวลงมาแล้ว แสงไฟรถเรืองไสวเป็นเส้นสายขณะที่มันแล่นไปตามถนน สะพานยาวที่โค้งพาดผ่านลำน้ำเจ้าพระยา ล้วนเป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจ             แม้ในบางมุมที่แลไกลออกไป อาจจะถูกบดบังด้วยปั้นจั่นก่อสร้างมากมาย ปั้นจั่นที่ช่วยยืนยันว่ากรุงเทพเมืองฟ้าแห่งนี้                              ไม่เคยหยุดเติบโต             “ขอออกไปดูข้างนอกนะ”             รัตติกรเลื่อนบานกระจกออกช้าๆ ยื่นหน้าออกไปรับแรงลมที่โชยมาปะทะใบหน้า สูดอากาศจากระเบียงห้องซึ่งอยู่สูงระฟ้า ระบายยิ้มกับปุยเมฆสีขาวที่แลดูบางเบาราวกับขนมปุยฝ้าย รู้สึกได้เลยว่าก้อนเมฆเหล่านั้นอยู่ไม่ไกลจากตรงหน้า             รัตติกรพริ้มตา… ภาวนาถึงบางสิ่งอยู่ในใจ คล้ายจะฝากเนื้อฝากตัวกับเมืองใหญ่แห่งนี้                   ที่ไนท์คลับในกรุงเทพฯ ค่ำคืนอันเต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน ใจกลางมหานครขนาดใหญ่ที่ไม่เคยหลับลงแม้สักคืนเดียว รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีแดงสด สาดไฟวาบเข้ามาจากปากประตูทางเข้า เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบยังบริเวณลานจอดรถซึ่งอยู่ด้านหลังไนท์คลับ บริกรชายยืนโบกมือไหวๆ ให้จังหวะสัญญาณด้วยแสงวาววับของกระบอกไฟฉาย ชี้ให้รู้ว่าช่องจอดไหนยังว่างอยู่              รถเข้าจอดเรียบร้อย เสียงเครื่องยนต์ดับสนิทพร้อมๆ กับเสียงเปิดประตูในนาทีต่อมา จากนั้นช่วงขาเรียวยาวของดาลันก็เหยียดออกมาจากรถ ปรากฏตัวในร่างรัดรึงและชุดเกาะอกสีดำอะร้าอร่ามน่ามอง             ที่ประตูอีกด้าน รัตติกรก้าวตามลงมา ทว่าเธอดูเชื่องช้า… ไม่มั่นใจนัก กับเสื้อผ้าและทรงผมที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง จากฝีมือของดาลันที่เป็นคนจัดแจงให้             ใบหน้าเรียบหวานเมื่อตอนกลางวันของรัตติกร ถูกแต่งแต้มสีสันเข้าไปจนดูสวยขึ้นอย่างแปลกตา              เส้นสายของอายไลเนอร์ชิดเปลือกตาที่ดาลันตะหวัดเอาไว้สุดฝีมือ ทำให้ใบหน้าหวานนั้นดูคมคายขึ้นจากเดิม และเมื่อประกอบเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแพขนตางอนยาวที่เคลือบเอาไว้ด้วยมาสคาร่า… ก็ยิ่งทำให้ดวงตาคู่นั้นดูลึกลับ เร้าใจ ซ่อนเสน่ห์อันเย้ายวน… น่าค้นหา             “สวยมากรัตติกร… รู้ไหมว่าตอนที่แต่งหน้า กับไม่ได้แต่ง เหมือนเป็นคนละคนเลย”             ดาลันอุทานเบาๆ ชำเลืองมองไปที่รัตติกร เอ่ยชมเพื่อนสาวซึ่งแม้จะออกอาการเก้ๆ กังๆ และขัดเขินอยู่บ้าง แต่รัตติกรก็ดูงามสง่า สะดุดตาในเสื้อเกาะอกสีดำเช่นเดียวกับดาลัน แม้แต่กระโปรงรัดรูปที่สวมใส่ก็ดูคล้าย ต่างกันตรงที่กระโปรงของดาลันนั้นสั้นกว่ามาก             “บอกตรงๆ ว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย… ที่จริงเธอให้ฉัน                                 อยู่เฝ้าห้องก็ได้นะ”             รัตติกรบอกถึงความอึดอัดใจ                                         “จะเป็นไรไป คืนนี้เพิ่งวันเสาร์ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ยังมีเวลาพักอีกตั้งวัน... เธอเริ่มงานวันจันทร์นี่นา”              แม้จะเป็นความจริงอย่างที่ดาลันพูด แต่รัตติกรก็อดที่จะรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาไม่ได้ ที่ต้องมาเริ่มชีวิตคืนแรกในกรุงเทพฯ ที่ไนท์คลับ เพียงเพราะไม่อยากขัดความตั้งใจของดาลันที่อยากให้เธอออกมาเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง             “นี่… อย่าคิดอะไรมาก หัดคิดน้อยๆ ซะบ้าง ชีวิตจะได้ง่ายขึ้น” ดาลันว่าพลางยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู คุยกับปลายสายอยู่สองสามประโยค              “มาทางนี้... นังเพื่อนๆ ของฉันกำลังรออยู่”             ดาลันจูงมือรัตติกรที่ยังไม่วายจะออกอาการขัดเขินให้เห็น มือเล็กๆ พยายามดึงกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ ทว่าดึงยังไงก็มิอาจรั้งมันลงมาปิดหน้าขาได้ ทำให้หล่อนจำต้องเผยเรียวขายาวสะดุดตา… แม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม             “เฮ้ย! ดาลัน...ทางนี้โว้ย”             เสียงดังขึ้นมาจากกลุ่มเพื่อนสาวอีกสามคนที่รออยู่ก่อนหน้า ทุกคนอยู่ในชุดแต่งกายเย้ายวนตา ตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกึกก้องอยู่ท่ามกลางห้องอับทึบและอึกทึก             ดาลันแทบไม่ได้ยินเสียงเรียกจากเพื่อนๆ แต่เดาได้จากมุมเดิมที่เคยนั่งประจำ             ครั้นเมื่อก้าวเข้าไปใกล้ ก็แลเห็นเพื่อนๆ กำลังโบกมือโบกไม้ให้หล่อน โดยมีรัตติกรก้าวตามหลังมาติดๆ                      รัตติกรรู้สึกถึงความอึดอัด ภายใต้แสงไฟหม่นมัวของห้องรูปทรงสี่เหลี่ยม เสียงดนตรีดังสนั่น เป็นเพลงอะไรนั้นแทบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD