งานเลี้ยงต้อนรับ

2708 Words
สองวันถัดมา งานเลี้ยงต้อนรับศสาลิน พ่อเลี้ยงสิงห์ได้ฤกษ์ได้ยามจัดงานเลี้ยงต้อนรับศสาลินกลับบ้านอย่างเป็นทางการ หลังจากที่หญิงสาวเรียนจบและกลับมาช่วยดูแลธุรกิจที่บ้าน เขารู้สึกภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวเป็นอย่างมาก เพราะเธอหลงใหลในการทำงานในไร่เป็นชีวิตจิตใจ "ยินดีด้วยนะ นอกจากที่มึงจะได้เมียแสนสวยแสนดีแล้วก็มีลูกสาวที่เดินตามรอยพ่อแม่ขนาดนี้" พ่อเลี้ยงเอกราชยื่นตะกร้าของขวัญซึ่งเป็นผลไม้สดจากไร่ของตนเองให้เพื่อนสนิท รสาส่งยิ้มหวานให้เอกราชในฐานะที่เขากลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเธอเป็นเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว "ขอบใจ แต่กูเป็นห่วงมึงมากนะไอ้เอก นี่ก็อายุห้าสิบกว่าปีแล้วยังหาเมียไม่ได้สักคน" พ่อเลี้ยงสิงห์เอ่ยแซวเพื่อนเช่นนี้มายี่สิบปีแล้ว "แรงมากนะคะคุณพ่อ ลุงเอกเขาอาจจะไม่อยากมีเมียก็ได้" ศสาลลินแก้ต่าง และเดินมาเกาะแขนลุงเอกราชที่เคารพรักของเธอ "นั่นน่ะสิหนูสา พ่อหนูไม่รู้เรื่องอะไรซะแล้ว อยู่เป็นโสดน่ะดีจะตาย เห็นไหมเนี่ย จะไปไหนมาไหนก็ได้ จะควงสาวเล็กสาวใหญ่ที่ไหนก็ได้ จะว่าไปแล้วหนูสาเลิกเรียกลุงเอกได้ไหมลูก เผื่อว่าพี่เอกอยากจะจีบหนูสา" "หุบปากมึงไปเลยไอ้เฒ่าหัวงู อย่ามาพูดแบบนี้กับลูกกู" พ่อเลี้ยงสิงห์รีบสวนกลับทันควัน "หนูสาไม่คุยกับพ่อแล้วก็ลุงเอกแล้ว หนูสาขอตัวไปรับเพื่อนก่อนนะคะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากที่เธออ่านข้อความของเพื่อนสนิทบนหน้าจอมือถือ "ลุงไปเป็นเพื่อนนะ" พ่อเลี้ยงเอกราชขันอาสา ศสาลินพยักหน้าดีใจ จากนั้นเขาจึงเดินตามหลังหลานสาวตรงไปยังหน้างาน ซุ้มประตูทางเข้าถูกตกแต่งด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายธรรมชาติแห่งค่ำคืนแสนพิเศษ "ลุงเอกไม่มีแฟนจริงๆ เหรอคะ หนูสาไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ยว่าลุงเอกอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว ทำไมถึงได้ดูเหมือนหนุ่มอายุสามสิบกว่าๆ เองล่ะคะ ไม่เห็นหน้าแก่เหมือนพ่อเลย" เธอกระซิบกระซาบ เพราะหากมีคนได้ยินแล้วเอาไปฟ้องบิดาคงเป็นเรื่องแน่ จังหวะนั้นเดียร์และหวานซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมของศสาลินก็เดินเข้ามา พร้อมกับของขวัญติดไม้ติดมือมาด้วยคนละอย่าง "เดียร์ หวาน ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว ดีใจจังเลยที่แกสองคนมา" สามสาวโผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม "ฉันก็ดีใจเหมือนกัน ในที่สุดหนูสาของเราก็กลับมาอยู่ที่ไร่แล้ว ต่อไปนี้จะได้นัดเจอกันบ่อยๆ" เดียร์เอ่ยขึ้น เป็นจังหวะที่เธอหันมาสบสายตากับพ่อเลี้ยงเอกราช น่าแปลกใจที่หล่อนรู้สึกถูกชะตากับชายรุ่นพ่อจนไม่ยอมละสายตา "ลุงเอกคะ นี่เดียร์กับหวานเพื่อนสนิทของหนูสา ส่วนคนนี้คือลุงเอกเพื่อนของพ่อ" ศสาลินแนะนำ " สวัสดีค่ะลุงเอก" สองสาวยกมือไหว้และฉีกยิ้มกว้างมายังบุรุษที่ยืนอมยิ้มท่าทางอารมณ์ดี "สวัสดีทุกคนครับ เอาเป็นว่าวันนี้เดี๋ยวลุงเอกจะดูแลทุกคนเอง จริงๆ ไม่ต้องเรียกลุงเอกกันได้ไหม เรียกว่าอาเอกดีกว่านะสาวๆ" "ได้ค่ะอาเอก เดียร์จะเรียกอาเอกค่ะ ยายสาจะไปเรียกลุงเอกได้ยังไง อาเอกหล่อเหมือนหนุ่มสามสิบกว่าเองนะ" เดียร์พูดด้วยรอยยิ้ม สายตายังคงจ้องมองอาเอกด้วยแววตาเป็นประกาย ศสาลินและหวานรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ทว่าจังหวะนี้นายดินกำลังเดินเข้ามาในบริเวณงานพอดี "ดิน นึกว่าไอ้พ่อเลี้ยงสิงห์จะไม่เชิญนายมางานซะแล้ว" พ่อเลี้ยงเอกราชเอ่ยทักนายดินด้วยความสนิทสนม "สวัสดีครับพ่อเลี้ยงเอก ทีแรกก็สองจิตสองใจ แต่ว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับนายหญิงคนใหม่ของไร่จะไม่มาได้ยังไงกันครับ" หัวหน้าคนงานหนุ่มพูดพลางมองมายังศสาลิน "เดียร์ หวาน นี่นายดิน เป็นหัวหน้าคนงานที่ฟาร์มม้า นายดิน นี่เดียร์กับหวาน เป็นเพื่อนของหนูสาเอง"หญิงสาวแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน "โอ้โห แน่ใจนะว่าเป็นหัวหน้าคนงาน หล่อล่ำขนาดนี้เป็นลูกเศรษฐีปลอมตัวมาหรือเปล่ายายสา" หวานเอ่ยแซวพลางจ้องมองนานดินด้วยแววตาเป็นประกาย "พอมีหนุ่มๆ มาก็ลืมอาเลยนะครับ" พ่อเลี้ยงเอกราชแกล้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจ ทำให้สาวๆ หันกลับมาหาเขาพร้อมเพรียงกัน "ลุงเอกก็ งั้นหนูสาฝากลุงเอกดูแลเดียร์กับหวานด้วยนะคะ หนูสามีธุระเรื่องงานจะคุยกับนายดิน เดี๋ยวตามเข้าไปค่ะ" เพราะสองวันที่ผ่านมานายดินแทบไม่คุยกับตนเลย ศสาลินจึงจำเป็นที่จะต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง "ด้วยความยินดีครับ สองสาวตามอาเอกมาเลยครับ" เอกราชพูดเท่านั้นจึงเดินนำหน้าเดียร์และหวานตรงไปยังโต๊ะที่ถูกจัดไว้ ศสาลินหันกลับมาจ้องมองใบหน้าคมคายของนายดินที่ยังคงเรียบเฉย ในมือของเขาถือช่อดอกกุหลาบหลายเฉดสี การจัดเรียงดูแปลกประหลาด ทว่าความสวยงามของดอกไม้โดดเด่นจึงทำให้เธอรู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ "หนูสาไม่รู้หรอกนะว่าทำไมนายดินถึงไม่ค่อยชอบคุยกับหนูสา แต่ก็เอาเถอะ" "ผมไม่ใช่ไม่ชอบคุยกับคุณครับ เพียงแค่ผมไม่มีอะไรจะคุย อีกอย่างคุณก็เป็นเจ้านาย" "เลิกพูดคำนี้ทีเถอะ ดอกไม้เนี่ยเอามาให้เป็นของขวัญต้อนรับหนูสาใช่หรือเปล่าคะ?" เธอตัดบท เพราะเบื่อหน่ายคำว่าเจ้านายกับลูกน้องเต็มทน ร่างงามเดินเข้ามาใกล้ และถือวิสาสะดึงดอกไม้จากมือของนายดินมากอดไว้ จึงสังเกตเห็นว่าเขาแต่งตัวขึ้นแล้วยิ่งดูหล่อเหลา แม้หนวดเคราจะรุงรังอยู่บ้างเล็กน้อย ทว่ากลับไม่สามารถปกปิดความมีเสน่ห์นั้นไว้ได้ ศสาลินจำกางเกงยีนตัวโปรดของชายหนุ่มได้ เขาสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตข้างใน และสวมเสื้อสูทสีดำทับข้างนอก วันนี้นายดินไม่ใช่หัวหน้าคนงานฟาร์มม้า ทว่าเขามาในลุคพ่อเลี้ยงเจ้าของไร่แห่งหนึ่ง "ครับ ผมเก็บดอกไม้ที่ปลูกเองในสวนมาจัดให้คุณ แต่อย่าเรียกว่าจัดช่อเลยดีกว่า" "หนูสาชอบ บางสิ่งบางอย่างก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นไปตามต้นฉบับ ความชื่นชอบของคนเรามันต่างกันนะคะ" ศสาลินโน้มใบหน้าลงเพื่อสูดดมกลิ่นกุหลาบ เรียวปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มเล็กยิ้มน้อย "ครับ..." เขาตอบสั้นๆ ทว่าสายตากลับยังคงจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างงดงามตรงหน้า ศสาลินสวมชุดราตรีแนบเนื้อสีเงิน ชุดคว้านคอลึกเผยเนินอกอวบอิ่ม กระโปรงแหวกขึ้นสูงจนเห็นต้นขาอ่อน รองเท้าส้นสูงระยิบระยับส่งผลให้หญิงสาวแลดูสง่างามประดุจดวงดาวเด่นบนท้องฟ้ายามราตรี "หนูสาชอบเวลาที่นายดินมองหนูสาแบบนี้นะ" คำพูดของหญิงสาวทำให้เขาละสายตาออกจากเรือนร่างงดงามและแกล้งมองไปทางอื่น เธอหัวเราะคิกคักชอบใจ "ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจมอง" "ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ เข้าไปนั่งกันนะคะ" ศสาลินขยับเข้ามาใกล้อีกจนช่อดอกไม้ที่เธอโอบกอดอยู่แนบชิดกับแผงอกกว้าง "คุณหนูจะทำอะไรครับ" ดินหายใจไม่ทั่วท้อง ในขณะที่มือเรียวขยับขึ้นมาหยิบดอกกุหลาบสีขาวดอกหนึ่งออกจากช่อ และเหน็บมันลงในกระเป๋าเสื้อที่อกด้านซ้ายของเขา ความใกล้ชิดทำให้อารมณ์ของดินหวั่นไหว กลิ่นกายหอมหวานของศสาลินเปรียบเสมือนยาเสน่ห์ หากบุรุษใดหักห้ามใจไว้ได้นั้นคงเป็นเพียงบุรุษตายด้าน "นายดินต้องนั่งติดกับหนูสานะ" "คงไม่ดีมั้งครับ พ่อเลี้ยงสิงห์คงไม่พอใจ" "หนูสาไม่เห็นจะสนใจเลยค่ะ ขออนุญาตควงแขนนายดินได้ไหมคะ" เธอก้าวถอยหลังออกมาเล็กน้อย มันเป็นเรื่องปกติที่หญิงสาวจะควงแขนบุรุษคนหนึ่งในงานเลี้ยงเช่นนี้ นายดินจึงจำใจยกแขนขึ้นเล็กน้อย เพื่อเว้นช่องว่างให้ศสาลินสอดมือเข้ามา "ขอบคุณค่ะ" มือเรียวสวยควงแขนของหัวหน้าคนงานหนุ่มเดินเข้ามาในบริเวณงาน จนกระทั่งถึงโต๊ะอาหารตัวยาวที่ถูกจัดเตรียมไว้ นายดินสังเกตเห็นว่าพ่อเลี้ยงธารานั่งรออยู่แล้ว "พ่อดิน ย่านึกว่าจะไม่มาซะแล้ว มานั่งใกล้ๆ ย่านี่มา หนูสาด้วย" คุณย่ารัศมีพูดขึ้น นายดินจึงเดินไปนั่งลงเก้าอี้ข้างคุณย่าลักษมี โดยมีศสาลินนั่งถัดจากเขา "สวัสดีครับคุณย่า หนาวไหมครับ?" นายดินคลี่ยิ้มน้อยๆ เมื่อคุยกับคุณย่าลักษมี ทำให้ศสาลินคลายความแปลกใจลงไปมาก ว่าทำไมคุณย่าถึงรู้สึกชื่นชอบหัวหน้าคนงานหนุ่มคนนี้เป็นอย่างยิ่ง ด้านพ่อเลี้ยงสิงห์ซึ่งนั่งติดกับภรรยาและสิงหา พ่อเลี้ยงเอกราชนั่งติดกับเดียร์และหวาน รวมถึงทุกคนในครอบครัวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารโต๊ะเดียวกันในค่ำคืนพิเศษเช่นนี้ และยังมีโต๊ะอาหารสำหรับคนงานทุกคนในไร่ ให้ได้มีโอกาสเข้าร่วมมารับประทานมื้อค่ำด้วยเช่นเดียวกัน "คุณแม่ก็เห็นนายดินหน่อยไม่ได้เลยนะครับ" พ่อเลี้ยงสิงห์แกล้งเอ่ยแซวมารดา ทว่านางกลับทำเป็นไม่สนใจบุตรชายและหันกลับมาหานายดิน "เห็นหนูสาแล้ว ตกลงจะยอมเป็นหลานเขยย่าหรือเปล่า?" นางกระซิบเสียงเบา ทำให้ดินรู้สึกตกใจไม่น้อย แม้ก่อนหน้านี้คุณย่าจะพูดเรื่องนี้กับตนบ่อยๆ แต่คิดว่าท่านคงแค่พูดเล่นก็เท่านั้น ชายหนุ่มได้แต่คลี่ยิ้มเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบออกไปอย่างไร หากจะปฏิเสธก็คงทำลายความสุขของคนแก่ แต่หากจะรับปากก็คงจะเป็นไปไม่ได้ "คุณย่าพูดอะไรเหรอนายดิน" ศสาลินกระซิบถาม เขาหันมาสบสายตากับหญิงสาวแล้วจึงส่ายหน้าน้อยๆ "เอาล่ะทุกคน ฟังทางนี้หน่อยครับ" พ่อเลี้ยงสิงห์ลุกขึ้นยืน เขาใช้ช้อนเคาะแก้วไวน์เป็นการเรียกความสนใจ "คืนนี้เป็นค่ำคืนพิเศษ ที่ผมเชิญเพื่อนสนิทมิตรสหายทุกคนมาเพื่อฉลองดื่มด่ำ เป็นการต้อนรับการกลับคืนรังของลูกสาวสุดที่รักของผม หนูสาเองครับ ลุกขึ้นหน่อยลูก" ศสาลินฉีกยิ้มกว้างและหยัดกายลุกขึ้นด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย เธอโปรยยิ้มให้กับแขกทุกคนที่มาร่วมงาน "สวัสดียามค่ำคืนค่ะ บางคนอาจจะจำหนูสาได้ และบางคนก็อาจจะจำหนูสาไม่ได้ แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนี้คือหนูสาเองนะคะ หนูสากลับมาทำงานที่ไร่อย่างเต็มตัวแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าหนูสาจะกลับมาในฐานะนายหญิงคนใหม่ของไร่ แต่หนูสาอยากบอกกับทุกคนว่าหนูสาก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งที่ยังต้องการคำแนะนำจากทุกๆ ท่านที่ทำงานที่นี่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" ศสาลินพูดแล้วจึงโค้งศีรษะ ถอนสายบัวเล็กน้อย ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกๆ คนด้วยความปีติยินดี "เอาล่ะครับ หลังจากนี้เชิญทุกท่านร่วมรับประทานมื้อค่ำ และดื่มด่ำเครื่องดื่มกันให้สนุกสนาน และขอให้มีความสุขครับ" พ่อเลี้ยงสิงห์ประกาศ จากนั้นเขาจึงนั่งลง ทุกๆ คนที่มาร่วมงานต่างร่วมรับประทานอาหารและดื่มไวน์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากไร่พ่อเลี้ยงเอกราชนั่นเอง "นายดิน...ดื่มไวน์เยอะแล้วนะ ไม่กลัวเมาเหรอ?" ศสาลินหันมาถามคนข้างกาย เพราะหลังจากรับประทานมื้อค่ำเสร็จแล้วเขาก็เอาแต่ดื่มไวน์ แววตาบ่งบอกว่ากำลังเคลิบเคลิ้มได้ที่ "ไม่เมา" นายดินหันมาจ้องมองใบหน้างดงามตรงหน้าด้วยความรู้สึกใคร่หลง ความรู้สึกบ่งบอกผ่านแววตาอย่างชัดเจน ทว่าวินาทีนี้ไม่มีใครสังเกตเพราะมัวแต่ดื่มด่ำและเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงบรรเลง หากศสาลินไม่ไร้เดียงสาจนเกินไป เธอคงรู้แล้วว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ "ไม่เชื่อหรอกว่าไม่เมา ตาเยิ้มซะขนาดนั้น" "เมานิดหน่อย แต่คุณหนูสิ ดื่มไปไม่กี่แก้วทำไมถึงได้หน้าแดงแบบนี้ล่ะครับ" นายดินพูดพลางขยับมือขึ้นมาวางบนต้นขาอ่อนของศสาลินที่นั่งไขว่ห้างอยู่ หญิงสาวตกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงขยับมือเล็กขึ้นมาวางทับบนมือของชายหนุ่มไว้ "อยากไปเดินเล่นไหม?" เธอเอ่ยชวน เขาจึงได้แต่พยักหน้าและหยัดลุกขึ้นยืน ร่างงามเดินตามชายหนุ่มไป จนกระทั่งทั้งสองเดินออกมาเรื่อยๆ จนลับสายตาผู้คน "นายดิน...ที่นายดินขยับมือขึ้นมาวางบนขาหนูสา หมายความว่ายังไงเหรอ?" คำถามนั้นทำให้นายดินหยุดชะงักฝีเท้า เขาหมุนตัวหันกลับมาจ้องมองดวงหน้างาม ศสาลินไม่รู้เลยว่าบุรุษคนหนึ่งกำลังใช้ความอดทนมากแค่ไหน ที่พยายามสงบสติอารมณ์ความโหยหาต่ออิสตรีผู้งดงาม ยิ่งในวินาทีนี้ที่ฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังเดือดพล่านไปทั่วร่างกาย ทำให้เขาไม่สามารถหักห้ามใจที่จะสัมผัสความเสน่หาตรงหน้าได้ เอวบางคอดถูกวงแขนกำยำโอบรั้งเข้าแนบชิดลำตัว ศสาลินตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกดินโอบกอดไว้แน่น เธอแหงนหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้าคมคาย เขากำลังโน้มลงมาใกล้จนปลายจมูกโด่งทั้งสองแนบชิด กลิ่นไวน์อบอวลปลุกอารมณ์ ลมหายใจอุ่นเป่ารดพวงแก้มแดง "ดิน..." สิ้นสุดเสียงพึมพำ ริมฝีปากหยักได้รูปจึงบดจูบลงบนกลีบกุหลาบอวบอิ่ม ช่างหอมหวานดั่งปรารถนา ช่างน่าดูดดื่มเกินห้ามใจ ศสาลินโหยหาสัมผัสนี้จากนายดินอย่างประหลาด เธอไม่ขัดขืนและขยับวงแขนเล็กขึ้นมาโอบกอดรอบลำคอของเขาไว้ ชายหนุ่มบดจูบหนักหน่วง เธอเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเป็นการเชื้อเชิญ เรียวลิ้นอุ่นจึงสอดแทรกเข้าสู่โพรงปากหวานฉ่ำ "อื้ม..." นายดินตวัดปลายลิ้นควานหารสหวานจากทุกซอกมุม ศสาลินจูบตอบอย่างไม่ประสา เรียวลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวประสาน ดูดดื่มน้ำลายหวานของกันและกัน "อื้ม..." หญิงสาวหายใจหอบหนัก เมื่อรสจูบนั้นหนักหน่วงและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ดินยังคงดูดดื่มปลายลิ้นของหญิงสาวแสนเอาแต่ใจ จนในที่สุดเขาก็ยอมตัดใจ ถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่งเมื่อพอมีสติขึ้นมา ริมฝีปากอวบอิ่มของศสาลินแดงเจ่อและเปื้อนไปด้วยน้ำลายของนายดิน "ผมขอโทษ..." "ไม่" ดูเหมือนชายหนุ่มจะได้สติจริงจัง เขาขยับวงแขนออกจากเอวบางและถอยหลังออกไป นายดินหันหลังให้ศสาลินหลังจากรสจูบอันร้อนแรงเมื่อครู่ เธอจ้องมองแผ่นหลังกว้างของเขาด้วยแววตาตัดพ้อ "อย่ามาหันหลังให้หนูสาแบบนี้นะ" "ผมขอโทษครับ ผมขอโทษจริงๆ" เขาพูดย้ำคำเดิม จากนั้นจึงรีบสืบเท้ายาวเดินกลับเข้าไปในงาน ปล่อยให้ศสาลินยืนเคว้งอยู่คนเดียวด้วยความสับสน...วุ่นวายใจ นายดิน กลับมาก่อน ทำแบบนี้กับหนูสา ระวังน้องจะโกรธถึงชาติหน้า ไม่รู้เหรอว่าคนมันอารมณ์ค้าง 5555 อ่านจบแล้วส่งคอมเมนต์มาให้กำลังใจปันหยีด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD