"ที่ให้ไปสืบได้เรื่องยังไงบ้าง" เสียงเข้มดุดันน่าเกรงขามเอื้อนเอ่ย ในสิ่งที่เคยสั่งการกับคนสนิทในทำตามคำสั่ง
"เรียบร้อยขอรับนายท่าน ตามรายงานในแฟ้มนี้ทั้งหมด" แฟ้มสีดำทมิฬถูกยื่นไปตรงหน้าของนายเหนือหัว ที่เนื้อในมีเรื่องราวของตัวการใหญ่ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำที่โสมมและผิดกฎหมาย
"ฮึ! มันจะต้องได้รับบทลงโทษจากเรา...กำจัดพวกมัน!" เมื่อได้อ่านเนื้อหาที่สืบมา รอยยิ้มเย้ยหยันก็เผยขึ้นบนใบหน้าเข้มดุทันที
"แต่เรื่องนี้ใหญ่นัก กระผมว่านายท่านไม่ควรผลีผลาม เพราะถ้าหากท่านพ่อทรงทราบเข้าต้องโดนลงโทษหรือต่อว่าแน่ ๆ"
"บอกว่าอย่าพูดคำที่มันยุ่งยากกับเรา เราไม่ชอบยังไงก็เป็นเพื่อนกัน"
"แต่ศักดิ์ท่านสูงกว่ากระผม"
"ช่างสิ! ไม่ได้สนใจสักหน่อย...เราขอสั่งห้ามเด็ดขาดนับจากนี้ เราสองคนจะพูดเพียงธรรมดาฉันท์มิตร"
"ยกเว้นอยู่ในคฤหาสน์ต่อหน้าท่านพ่อและท่านแม่ของท่านขอรับ"
"ตามนั้นก็ย่อมได้"
(ปล่อยฉันนะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ไอ้พวกโจรใจบาป! ปล่อย!)
"เสียงเอะอะโวยวายอะไร!?"
"จะออกไปดูให้ครับ"
"อืม"
เสียงดังที่โวยวายอยู่นอกกระโจม ทำให้คนด้านในที่คุยกันต้องสนใจ เสียงแหลมแผดดังกังวานต่อว่า ที่บ่งบอกถึงการเป็นหญิง สถานที่แห่งนี้ที่อยู่ห่างไกลผู้คนนับหลายร้อยไมล์ ไม่มีผู้ใดได้ย่างกรายเข้ามาเหยียบย่ำได้ พื้นที่อันเป็นที่ขนานนามโด่งดัง กำลังซุ้มโจรที่โหดเหี้ยม หากผู้ใดหลุดเข้ามาทั้งที่มีลมหายใจ แต่การกลับออกไปนั้นไร้วิญญาณ
"มาจากที่ใด?" ริฎวานที่เดินออกมาจากกระโจมใหญ่ เปล่งวาจาถามไถ่ถึงบุคคลที่ไม่คุ้นหน้า รูปลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นหญิง กำลังถูกจับกุมด้วยแรงชายสองคน กดไหล่ของเธอดันไว้ คุกเข่าลงกับพื้นทรายที่ตอนนี้ร้อนระอุ
"กระผมเห็นนางผู้นี้ด่อม ๆ มอง ๆ ดูมีพิรุธเลยจับตัวมาขอรับท่านริฎวาน" เสียงของลูกน้องบอกเล่า ในขณะที่จับล็อกหล่อนไว้
"ที่นี่ยากจะมีใครได้เข้ามา...เธอเป็นใคร!?" ริฎวานยืนมองหญิงตรงหน้า ด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม ไม่ต่างจากผู้เป็นนายเลยสักนิด
"พวกโจรใจบาป! พวกแกมันเลว! ชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน" เสียงแข็งกร้าวตะโกนด่าทอ ทั้งที่คนฟังนั้นยังไม่รู้สาเหตุ ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างฉงนใจงุนงง
"เธอมาจากไหน แล้วทำไมถึงได้ด่าทออย่างไม่มีสาเหตุเช่นนี้" ริฎวานยังคงไม่เข้าใจ จนได้เอ่ยปากพูดออกไปอีกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกัน
"ทำไมจะไม่มีเหตุผล พวกแกฆ่าพ่อแม่ฉัน พวกแกมันระยำชาติชั่ว! ฉันจัสซีเนียคนนี้จะไม่ยอมให้พ่อแม่ฉันตายฟรี...พวกแกต้องชดใช้!!" หล่อนแผดเสียงดังอย่างไม่คิดกลัว ดวงตาคมจ้องเขม็งอย่างเคืองโกรธ
"จัสซีเนีย?" เสียงที่ก่อความรำคาญให้กับคนด้านในจนต้องเดินออกมาดูให้รู้แจ้งด้วยตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกับชื่อที่ได้ยิน จนเขาต้องเอ่ยซ้ำกับชื่อของเธอผู้ถูกจับกุม
"นายท่าน" เมื่อเห็นผู้เป็นนายเหล่าบริวารจึงโค้งตัวคำนับอย่างเคารพ
"เธอบอกว่าชื่ออะไรนะ?" จาห์มาล์ ผู้ที่ถูกขนานนามว่าราชาโจร เขาเดินไปหยุดตรงหน้าของหล่อน แล้วย้อนถามด้วยสีหน้าเรียบตึง สายตาดุดันจ้องมองเธออย่างรอคำตอบ
"จำชื่อของฉันใส่สมองแกไว้ให้ขึ้นใจ จัสซีเนีย คือชื่อของฉัน...สักวันฉันจะฆ่าโจรป่าเถื่อนอย่างพวกแกให้ตายคามือ!"
เพี๊ยะ!! หล่อนพูดจบประโยคด้วยน้ำเสียงกร้าว ชื่อที่ดังเข้าหูของจาห์มาล์ ทำให้ฝ่ามือหนาของเขาฟาดลงใบหน้าของหล่อนอย่างแรงจนหน้าหัน และฟุบลงต่ำเกือบราบกับพื้นทราย
"เลวระยำจริง ๆ ฮึ!"
"ปากดีเสียจริง...เอานางไปขังแล้วล่ามโซ่ไว้ คนอย่างนางเราจะจัดการเอง!"
"ขอรับ!"
"เอาตัวเข้าไป!" เสียงเข้มออกคำสั่ง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินเข้ากระโจมไป
"ครับ!" เสียงอันฮึกเหิมตอบรับคำสั่ง
"จะพาฉันไปไหน ไอ้พวกบ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปะ..."
แขนสองข้างของจัสซีเนียถูกมัดแน่น แววตาที่ฉายแววเคียดแค้นจ้องมองตามหลังของจาห์มาล์อย่างเอาเรื่อง เธอถูกหิ้วปีกให้เดินไป พยายามรั้งการก้าวเดินให้เชื่องช้า พร้อมวาจาที่ขึงขังด่าทออย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพี๊ย! เพี๊ย!
ทว่าเสียงอันน่ารำคาญเป็นต้องหยุดชะงัก เมื่อฝ่ามือหนักกระแทกลงใบหน้าจนหันไปตามแรงถึงสองครั้งสองครา ทำเอาน้ำตาของจัสซีเนียถึงกับร่วง เธอเจ็บชาตรงใบหน้า ปากคงจะแตกเป็นแน่ เพราะเธอได้กลิ่นคาวเลือดเตะเข้าจมูก
"หุบปากและเสียงอันน่ารำคาญของเธอซะ!" เสียงกร้าวอันน่ากลัว
"ไอ้คนระยำ! ไอ้คนชั่วสารเลว!...ถุย!!"
เพี๊ย!! เพียงสิ้นคำด่าทอที่มาพร้อมน้ำลาย คนที่ยืนตรงหน้าก็ไม่รีรอแต่อย่างใด ประเคนฝ่ามือใหญ่ฟาดลงแก้มที่มีรอยแดงเป็นทุนเดิม ที่หนักเพิ่มขึ้นมาคือการที่จัสซีเนียไม่สามารถหยัดยืนได้ไหว เข่าของเธออ่อนแรงทันตา ใบหน้าตอนนี้เจ็บชาด้วยแรงตบ การถูกหญิงหยามศักดิ์ศรีด้วยการถ่มน้ำลาย ทำให้จาห์มาล์ไม่อาจทานทนได้ไหว ราชาโจรผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกกล่าวขาน ถูกหญิงที่เสมือนเชลยกระทำ รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น
"อ๊ะ! แกมันชั่ว!" ใบหน้าที่เริ่มแดงช้ำ ผมยาวสลวยถูกกำจนตึงจนหน้าของจัสซีเนียเชิดเงย แววตาที่ดูไร้ความเกรงกลัว เพ่งพิศไม่วางตาไปยังจาล์มาล์ที่ตอนนี้ดูน่ากลัวกว่าสัตว์ร้ายเสียอีก
"นี่แค่เตือน! แล้วอย่ามากล้าที่นี่!! จำไว้! หญิงร้ายชั่วช้ามันคือเธอ...เอาไปขังในกรงสัตว์!" เขาสบตามองลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลนั้นอย่างอาฆาต แววตาคมดุมีความพยาบาทเคียดแค้น โดยที่จัสซีเนียไม่รับรู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขาที่เหมือนถูกทำร้ายจำฝังใจไม่เคยลืม
"ครับ!"
จากที่ต้องการจับเธอมัดในกระโจมใหญ่ เขาแปรเปลี่ยนใจในทันที สั่งการเหล่าลูกน้องให้เปลี่ยนทิศทาง พาจัสซีเนียไปขังในกรงคับแคบ
"แกจะต้องชดใช้! ไอ้คนชั่วช้าสามาน ปล่อยฉันสิวะ!" จัสซีเนียไม่วายหันหน้ามาต่อว่า ทั้งที่ถูกกระชากลากถูอย่างโหดร้าย ความเป็นหญิงไม่ได้มีผลต่อความอ่อนไหวของเหล่าโจร เธอโดนกระทำอย่างกับไม่ใช่อิสสตรีผู้บอบบาง
"แค่นี้มันยังน้อยไป นังผู้หญิงแพศยา เธอจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ โปรดจงจำไว้ว่านี่มันคือการเริ่มต้นเท่านั้น เธอมันโง่ที่เดินเข้ามาในฝูงฮายีน่าของฉันเอง " จาห์มาล์กำมือแน่น ส่งสายตาโกรธแค้นมองตามหลังจัสซีเนียอย่างมาดร้าย
เสียงที่ดังโวยวายของจัสซีเนียค่อย ๆ เบาลง เมื่อเธอถูกลากออกไปไกลเรื่อย ๆ ยังกรงขังสัตว์ที่อยู่กลางแดดจ้าบนผืนทะเลทรายที่ร้อนระอุดั่งเตาเผา และนับจากนี้เขาจะมอบความเจ็บปวดให้แก่เธออย่างสาสม!
"ริฎวาน เตรียมรถให้ที วันนี้จะกลับคฤหาสน์ใหญ่"
"ได้ครับ,..แล้วจะให้จัดการกับนางยังไง"
"ขังไว้ก่อน เดี๋ยวเราจะกลับมาจัดการเอง"
"ครับ"
สิ้นสุดการพูดคุยสนทนา คนสนิทก็เดินจากไป เพื่อจัดการตามคำสั่งที่ผู้เป็นนายต้องการ หญิงที่ถูกกล่าวขาน ทำให้สีหน้าของจาห์มาล์เปลี่ยนไปทันที เจ้าตัวที่ไม่รู้แน่ถึงความโกรธในใจเขา เรื่องราวอะไรที่เป็นต้นตอ แต่สำหรับเขา จาร์มาล์ มันฝังลึกในใจแทบไม่อาจลืมเลือน
"ฮึ! น่าสมเพชสิ้นดี...แค่นี้ยังน้อยไปกับที่เธอทำไว้"
เสียงเหี้ยมดังขึ้น สบถอย่างดูแคลน เขายืนจ้องมองผู้หญิงในกรงขังสัตว์อย่างพึงพอใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยฝ่ามือ มันทำให้เขายิ้มเยาะร้ายแสดงออกถึงความสมเพชในตัวของเธอตอนนี้เต็มประดา ใบหน้าที่เขาจดจำไม่เคยลืม คนที่เคยทำเขาแทบระบมปางตาย จนได้ผันกลายมาทำเรื่องเลวระยำ สำหรับผู้อื่นลับหลังของบิดาและมารดา แต่ที่ทำล้วนมีที่มาด้วยกันทั้งนั้น หวังว่าสักวันจะต้องได้พบกับคนที่ปรารถนา และแล้ววันนี้ก็มาถึง ทั้งที่พยายามออกตามล่ามานานนม สุดท้ายคนที่ต้องการก็คลานเข้ามาหาเสียเอง
"ปล่อยฉัน! ถ้าฉันหลุดไปได้ บอกไว้ตรงนี้เลยว่าจะฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง"
สายตากร้าวจ้องมองไปยังจาร์มาล์อย่างเคียดแค้น แขนที่ถูกพันธนาการด้วยเชือกแน่นหนา แต่ทว่าเธอก็พยายามออกแรงบิดข้อมือหวังให้เชือกหลุด ยิ่งได้มองเห็นใบหน้าของจาร์มาล์ ดวงตาเข้มกลมโตก็เปล่งประกายยิ่งกว่าดวงไฟที่กำลังลุกโชน ความโกรธกำลังครอบงำเธอเพียงแค่เห็นหน้าของคนที่เธอเกลียดชัง
"ก็แค่เชลยไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมาสั่งคนอย่างเรา" จาร์มาล์ส่งสัญญาณให้บริวารปลดกุญแจ จากนั้นจึงนำพาร่างกำยำเข้าไปในกรงขังสัตว์นั้น ใช้มือบีบพวงแก้มของเธอจนยู่ย่น ดวงตาเข้มดำขลับจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอเช่นกันอย่างไม่ยอมปรน
"แต่ฉันก็มีหัวใจนะ...ฉันมีความรู้สึกและเจ็บปวดเป็น แล้วที่ตัวเองทำไว้มันดีแล้วหรือไง!!"
จัสซีเนียไร้ซึ่งความกลัว เธอกล่าวเสียงแข็งต่อหน้า แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกบีบแก้มก็ไม่ปริปากออกมาแต่อย่างใด ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้คนตรงหน้าได้เห็น
"เป็นเช่นนั้นรึ? ฮึ! ความรู้สึกของเธอไม่ได้มีผลสำหรับเรา.,.เจ็บปวดงั้นรึ เจ็บเป็นคนเดียวหรือไง! แล้วตัวของเธอเองมันก็ไม่ได้มีดี เป็นกาลกิณีต่ำช้า รวมหัวกับพ่อของเธอทำเลวกับเราเหมือนกัน!!"
ยิ่งย้อนไปในสิ่งที่ทำให้เจ็บแค้น ก็ยิ่งเหมือนกับเติมน้ำมันเชื้อเพลิงลงกองไฟ มันทำให้จาร์มาล์นั้นแทบสติหลุด ออกแรงบีบปากของจัสซีเนียเต็มแรง จนเธอนั้นน้ำตาไหลพราก แต่ไม่ยอมปริปากร้องขอต่อสิ่งที่เขากระทำ จ้องมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมกัน
"อะไร! ฉันไม่เข้าใจ แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วย" เธอพยายามเปล่งเสียงพูดออกมาให้ชัดเจนที่สุด มันงุนงงกับสิ่งที่เขากล่าวหา เธอไม่กระจ่างในวาจาที่เขาเปล่งออกมาแม้แต่น้อย
"ตอแหล!!"
เพี๊ยะ! เขาสะบัดมือแรงกระทบแก้มเนียน จนใบหน้าของจัสซีเนียกระแทกเข้ากับกรงขัง ความแรงของกำลังชายชาตรี ทำเอาปากของหญิงสาวมีเลือดซึมออกมา เจ็บแสบไปทั้งหน้า แต่ทว่าก็ยังไม่ยอมอ้อนวอนร้องขอชีวิต ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องเอาคืนชายผู้นี้ที่ลงมือปลิดชีพพ่อของเธออย่างเหี้ยมโหด
"ระยำหยาบช้าสิ้นดี!" เธอรุกสู้ด้วยคำพูดด่าทอ จ้องมองหน้าจาร์มาล์ด้วยพลังแค้นที่มันสุมอก
"เทียบเทียมไม่ได้สักนิดกับสิ่งคาว ๆ ที่พ่อเธอทำ....ใครกันแน่ที่ระยำกว่ากัน!" เขาเหมือนกับสัตว์ดุร้าย ปรี่ประชิดกายของจัสซีเนียเร็วพลัน เมื่อคำหยามหลุดออกมาจากปากของเธอ คำพูดที่เหมือนปลุกพลังความโหดร้ายออกมา ทำให้จัสซีเนียเจ็บกายอีกครา เพราะมือหนาบีบแน่นตรงหัวไหล่ของเธอ
"พวกแกมันระยำที่สุด! ถุย!" คำถ่าทอที่เปล่งออกมา พร้อมกับถุยน้ำลายใส่หน้าของคนตัวใหญ่ เธอไม่เกรงกลัวแม้ความตาย หากมันจะทำลายและแก้แค้นให้พ่อของเธอได้
"เราทำได้มากกว่าจุดไฟเผาทั้งเป็นเสียอีก....หรือเธออยากจะลองเหมือนกับพ่อและพี่ชายของเธอ"
"รถพร้อมแล้วครับ" เสียงของริฎวานคนสนิทเอ่ยบอก เขากรอกเสียงมาแต่ยังไม่ทันถึงกรงขัง ลั่นเสียงดังมาหวังว่าให้คนเป็นนายให้ความสนใจ แม้จะอยู่ในคราบของโจรทะเลทราย ลึก ๆ ในใจก็นึกสงสารผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ถูกทำร้าย
"อืม..." มันเป็นดั่งใจหวัง จาร์มาล์ผ่อนกำลังและปล่อยมือหลุดจากหญิงสาว สะบัดเธอแรงจนตัวปลิวกระแทกกับเหล็กอย่างไม่คิดโอนอ่อนให้ ร่างกายของเธอคงบอบช้ำเข้าอีกละลอกจากแรงเหวี่ยงของชายชาตรี
"ท่านจะไปในสภาพนี้ไม่ได้นะครับ กระผมเตรียมชุดให้เรียบร้อยแล้ว...ไปเปลี่ยนเสียเถิด" คนสนิทย้ำเตือนด้วยความหวังดี ผู้เป็นนายจะมีสภาพในคราบโจรกลับเข้าคฤหาสน์ นั่นคงทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดาได้สงสัย การที่ออกมาอยู่เช่นนี้แน่นอนว่าเขาปิดบัง เพราะมันมีเรื่องที่เขาต้องเคลียร์สะสางส่วนตัว
"ขอบใจที่เตือน...เฝ้านางแพศยานี่ไว้ให้ดี หากนางหลบหนีไปได้เราจะจัดการกับทุกคนที่อยู่ที่นี่" คำพูดแรกเอ่ยกับริฎวานคนสนิท ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้มกำลังบริวารที่คอยเฝ้ากรงขัง
(ขอรับ!!) เสียงอันฮึกเหิมตอบรับพร้อมกันอย่างเข้มแข็งแก่ผู้เป็นนาย นั่นถึงทำให้จาร์มาล์ก้าวขาเดินจากไป ด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม แม้ฝ่าเท้าย้ำพื้นทรายยังทรงพลัง ยิ่งร่างกายกำยำสมส่วนวางท่าด้วยอำนาจ ยิ่งทำให้เขาดูน่าหวาดเกรงต่อสายตาของเหล่าบริวาร
"การมาอยู่ที่นี่ ท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่ทราบใช่ไหม?" เสียงเรียบนิ่งแต่ทรงพลังเอ่ยถามคนสนิทด้วยความอยากรู้ เมื่อรถจิ๊ฟขับเคลื่อนเดินทาง
"ไม่ขอรับ...ทราบเพียงแค่ว่าท่านออกเที่ยวตามประสา" ริฎวานรายงานอย่างนอบน้อม คำพูดที่ผู้เป็นนายสั่งให้เป็นกันเองแบบคนธรรมดา ไม่ต้องมากพิธีรีตอง
"ดี! อย่าให้พวกท่านรู้เด็ดขาด จนกว่าเรื่องของเราจะสะสางให้แล้วเสร็จ"
"ขอรับ"
----------
"วันนี้คาดว่าคงจะหนาวเหน็บกว่าทุกคืน" ทันทีเมื่อก้าวขาเข้ามาในคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่า เสียงเข้มที่ไม่ต่างจากบุตรชายก็เอ่ยทักท้วง เพียงเห็นร่างกำยำเดินนำหน้าเหล่าบริวารเข้ามา
"จาร์มาล์!!" เสียงเรียกชื่อบุตรชายด้วยความดีใจ กับการที่พบเจอกันในรอบหลายวัน ทำเอาผู้เป็นมารดานั้นปลื้มปรีติด้วยความคิดถึง ปรี่เข้าหาบุตรชายแล้วโอบกอดด้วยความห่วงหา
"อัสลามุอะลัยกุม.ท่านแม่" คำทักทายที่ฟังแล้วละมุนหู เขาจะมีให้แค่บิดาและมารดาเพียงเท่านั้น เป็นอีกมุมที่น้อยคนนักจะได้เห็น เขาจะไม่แสดงออกในมุมนี้แก่สายตาใคร เพราะมันจะทำให้ความน่าเกรงขามลดหลั่นลง นั่นคงทำให้เหล่าบริวารไร้ความเกรงขาม
"วะอะลัยกุมุสลาม.ลูกรัก"
"อัสลามุอะลัยกุม.ท่านพ่อ" การนอบน้อมเคารพด้วยการแตะมือลงหลังเท้าของบิดา พร้อมคำทักทายเช่นเดียวกับผู้เป็นมารดา
"วะอะลัยกุมุสลาม."
"รอบนี้ลูกเที่ยวหลายวันมากเลยจาร์มาล์ แม่คิดถึงแต่ก็รู้ว่าลูกต้องกลับมา ไม่อยากกวนใจ" มือของผู้เป็นมารดาลูบแก้มของบุตรชายด้วยความรัก พร้อมเอ่ยวาจาออกมาอย่างคนน้อยใจ ทำให้ผู้เป็นสามีที่นั่งมองอยู่อมยิ้ม
"ลูกขอโทษที่ทำให้ท่านแม่เป็นห่วง แต่ลูกวางใจได้เพราะยังไงก็มีท่านพ่อที่เอาใจท่านแม่แทนลูกอยู่แล้ว...จริงไหมขอรับท่านพ่อ" จาร์มาล์ลั่นวาจาปลอบใจผู้เป็นมารดา ตามสำทับด้วยการเอ่ยหาความเห็นจากบิดาที่นั่งอยู่ตรงข้าม
"นั่นเมียพ่อ ไม่ต้องรอใครมาเอาใจแทนหรอก...แล้วนี่เมื่อไหร่จะเลิกเที่ยวเตรดเตร่เสียที ภารกิจมีมากมายไม่คิดจะช่วยดูแล" คำพูดเอ่ยแซวบุตรชายที่เรียกรอยยิ้มเขินอายให้แก่ภริยา แต่ว่าประโยคหลังที่ลั่นออกมาทำเอาบุตรชายถึงกับยิ้มไม่ออก
"ขอเวลาลูกไม่นาน แล้วจะมาช่วยงานนะขอรับ" การร้องขอต่อกลอนลั่นบอกไป ทำเอาบิดาถึงกับส่ายหัว แม้จะมีภารกิจมากมาย แต่ก็ไม่อยากจะเร้าหรือบังคับบุตรชายให้กระทำ เพราะเชื่อให้คำมั่นที่บุตรชายได้ให้ไว้ เมื่อควรค่าแก่เวลาเขาจะมารับหน้าที่ตามที่เอ่ยปาก
"ไม่บังคับ แต่ก็ใช่ว่าต้องรอนาน...งานไม่รออย่างที่ลูกคิดหรอกจาร์มาล์ เออ...แล้วไหนบอกว่ามีคนรัก ไม่เห็นจะพามาแนะนำเลยสักครั้ง"
".........."
ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นด้วยคำสอน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสิ่งที่นึกขึ้นได้ คำว่าคนรักที่ทำให้รอยยิ้มอ่อนของจาร์มาล์หายไป ยิ่งคิดย้อนไปยิ่งทำให้เขาเคียดแค้น แต่มันต้องเก็บกลั้นไว้ในใจ แสดงความเกรี้ยวโกรธออกมาก็ไม่ได้ ทำได้เพียงนิ่งเฉยเท่านั้น ทั้งที่ภายในใจนั้นกำลังบีบรัดก้อนเนื้อข้างซ้ายด้วยความเจ็บแค้น
"ตอนนี้ลูกยังไม่พร้อม...อย่าสนใจเรื่องของลูกเลยขอรับท่านพ่อ มันไม่ได้มีสาระอะไรเลยสักนิด" การบ่ายเบี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจ แต่หาใครอื่นใดรู้ไม่ว่ามันคือความเจ็บปวดที่เขาต้องแบกรับไว้ ไม่สามารถพูดมันออกไปให้ใครฟังได้
"ทำไมลูกพูดแบบนั้นจาร์มาล์" เสียงของผู้เป็นมารดาทักท้วง เมื่อสีหน้าของบุตรชายดูไม่ยิ้มแย้มเหมือนก่อนหน้า เพียงแค่สิ้นคำถามของผู้เป็นบิดา
".........." บุตรชายเลือกที่จะเงียบเมื่อผู้เป็นมารดานั้นต่อว่า คำว่าคนรักที่ตอนนี้กลายเป็นคนเคยรัก เพราะถูกหักหลังมันทำให้จาร์มาล์นั้นฝังใจเจ็บ
"เอาละ...ฟาตินก็อย่าไปตำหนินัก จาร์มาล์ขึ้นไปพักเถอะ" เมื่อเห็นสายตาที่ฟาดฟันระหว่างบุตรชายและภริยา ผู้ที่เป็นประมุขของครอบครัวจึงเอ่ยแทรก ส่งสัญญาณทางสายตาแยกให้ลูกออกห่างจากผู้เป็นมารดา ลูกผู้ชายเหมือนกันย่อมเข้าใจในสิ่งที่สื่อ แต่กับคนเป็นสามีก็ไม่อยากจะริดรอนความรู้สึกของภริยา
"ท่านชอบให้ท้ายลูกจนเริ่มเสียนิสัยเหมือนกับท่าน..." น้ำเสียงที่เง้างอนไม่พอใจ สะบัดใส่ผู้เป็นสวามี
"ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะฟาติน" หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงด่าทออย่างไม่ไว้หน้า แต่ทว่าตอนนี้ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป กาลเวลาและความรักที่มีให้ มันผันกลายอุปนิสัยร้ายไปแทบหมดสิ้น ไม่เคืองโกรธผู้เป็นภริยาเลยสักนิดในการต่อว่า มันกลับเรียกรอยยิ้มของคนยิ้มยากเสียมากกว่า รวมทั้งบุตรชายที่นั่งมองไม่กะพริบตาเช่นกัน
"ลูกขอตัว...ยังไงก็รักท่านแม่นะขอรับ" จากที่บึ้งตึงแปรเปลี่ยนเป็นอมยิ้มทันทีทันใด เมื่อได้เห็นอาการของผู้เป็นมารดาตอนนี้ แม้จะเป็นการตำหนิ แต่เมื่อผู้เป็นบิดาช่วยเหลือไม่ให้โดนไปมากกว่านี้ ย่อมเป็นการดีแล้ว
สองเท้าเหยียบย้ำไปตามพื้นกระเบื้องหรูหรา ราวบันไดที่เป็นทองแท้ทั้งสองฝั่ง แวววับสัมผัสรับกับแสงไฟที่สาดส่อง จาร์มาล์เดินขึ้นมายังคฤหาสน์ฟากฝั่งที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว โดยมีริฏวานคนสนิทคอยติดตามรับใช้
"ไปพักเถอะ...เราจะพักผ่อนเช่นกัน" เสียงเข้มสั่งการโดยไม่หันมามอง จากนั้นก็เดินทอดน่องเข้าสู่ห้องน้ำหรูหรา ที่ถูกตระเตรียมเพื่อการใช้งานในทันที
"สิ่งที่ทำกับเรา...แพศยาอย่างเธอต้องชดใช้อย่างทรมาน" การนอนแช่น้ำหวังผ่อนคลาย แต่ไฉนเลยในหัวถึงได้มีภาพของเธอที่เกลียดชังฉายวับเข้ามา แก้วไวน์แดงรสเลิศกรอกเข้าปากอย่างต่อเนื่อง แววตาคมเข้มที่ทอดมองออกไปตามทัศนียภาพที่กว้างไกล ฉายแววอาฆาตเคียดแค้นเพียงแค่ใบหน้ามนนั้นวนเวียนให้นึกถึง
กริ่ง กริ่ง เสียงของเครื่องมือสื่อสารดังเข้ามา หันเหสายตาให้ความสนใจต่อการโทรเข้าหา ทำให้ความคิดนั้นหยุดชะงักลงทันที
"มีอะไร!?" ตอบรับปลายสายด้วยน้ำเสียงที่น่ายำเกรง
(นักโทษที่อยู่ในกรงขัง นางป่วยตัวสั่น พวกเราล้วนเป็นชาย ไม่รู้ต้องจัดการอย่างไรครับ ได้แต่เฝ้านางนอนตัวสั่นเท่านั้น และเหมือนอาการจะไม่ค่อยสู้ดี หากปล่อยไว้แบบนี้นางคงแย่) เสียงของบริวารที่ได้รับมอบหมายกล่าวรายงานอย่างละเอียดยิบ
"ไม่น่าตาย ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ" ความใจแข็งไม่คิดโอนอ่อน แม้จะได้รับรายงานถึงอาการของจัสซีเนีย
(ขอรับนายท่าน) แม้บริวารที่เห็นอาการจะนึกสงสาร แต่ในเมื่อไม่มีคำสั่งการจากปากของผู้เป็นนาย ก็ไม่อาจจะล่วงล้ำกระทำเองได้ จึงตอบรับด้วยความจำยอมและวางสายไป
"หึ!! คนแบบนางไม่ตายง่าย ๆ หรอก" รอยยิ้มมุมปากที่ร้ายกาจ มือหนึ่งควงแก้วไวน์รสชาติดี ก่อนจะยกจิบอย่างสบายใจ แต่อีกฟากฝั่งนั้นช่างต่างกันลิบลับ
เขาดูมีความสุข แต่เธอกลับทุกข์ตรมและข่มขื่นเจียนตาย ร่างกายที่อ่อนแออ่อนแรงเหนื่อยล้า การถูกทำร้ายร่างกายทำให้เธอนั้นจับไข้ แต่เขาไม่คิดจะสนใจ เพราะมีความแค้นครอบงำ
-------------------------------------
สามารถติดตามเรื่องราวของอานัสและฟาติน (กรงรักในมือซาตาน) ได้ในรูปแบบ
E-book - https://w***************m/ebook-106642-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%99
หรือ
สั่งซื้อหนังสือได้ที่เฟซบุ๊ก // พลอยแก้ว นามปากกา ได้ในราคาเล่มละ 359 บาท(ส่งฟรี)