"จะไปแล้วเหรอจาร์มาล์" เสียงเรียกของผู้เป็นมารดาทักท้วง เมื่อเห็นบุตรชายจ้วงเท้าวิ่งลงบันไดคฤหาสน์ลงมา ดั่งกับว่ารีบร้อนเหลือแสน
"ขอรับท่านแม่ แต่เดี๋ยวเย็นนี้ลูกจะกลับมา ขอออกไปทำธุระก่อน" เพียงเสียงเรียกของมารดา จาร์มาล์ก็รีบเดินในท่วงท่าปกติ แล้วให้คำตอบแก่ผู้เป็นมารดา ที่ตอนนี้ย่างกรายเข้ามาใกล้แล้วหยุดยืนตรงหน้า
"ดูรีบร้อนเหลือเกิน ทานมื้อเช้าก่อนค่อยไปสิลูก" มืออุ่นของมารดาลูบแก้มของบุตรชายด้วยความรัก พร้อมออกปากชวน
"ธุระค่อนข้างด่วน ลูกต้องรีบไป แล้วจะรีบกลับมาทานมื้อเย็นนะขอรับ"
"ก็ได้จาร์มาล์ งั้นก็รีบไป เดินทางปลอดภัยนะ"
"รักท่านแม่นะขอรับ"
"จ้ะ"
ความรีบร้อนไม่ใช่ว่าเพราะเหตุใด แต่มันคือการที่เหล่าบริวารโทรมารายงานในอาการของคนที่ถูกขังต่างหาก ปากแข็งบอกว่าดั่งไม่คิดจะห่วงใย แต่ไฉนเลยถึงทำคนใจแข็งนอนแทบไม่หลับตลอดทั้งคืน จนต้องรีบสั่งการมายังริฏวานให้ทำการเตรียมรถเพื่อการเดินทางแต่เช้า
"ดูท่านจะห่วงนาง" รถยนต์ขับเคลื่อนออกมาไกล แต่อาการของผู้เป็นนายยังดูร้อนรน จนคนสนิทต้องทักท้วง แม้จะรู้ทันเป็นนัยก็ตามที
"ไม่ได้ห่วง แค่ยังไม่อยากให้นางต้องตาย แล้วนี่หมอที่จะไปรักษาจัดการเรียกตัวแล้วใช่ไหมริฏวาน" คำปฏิเสธเสียงกร้าว เมื่อถูกคนสนิทจับได้จึงรีบเฉไฉอย่างวางท่า ก่อนจะเลี่ยงด้วยการถามหาคนที่จะไปรักษาคนป่วยที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย
"จัดการเรียบร้อยขอรับ อยู่ในรถยนต์คันหลังที่ตามติดมา" ริฏวานให้คำตอบ นึกขำในใจกับคำพูดปฏิเสธ แต่แท้จริงแล้วผู้เป็นนายรู้สึกตรงกันข้าม รู้ทันด้วยอุปนิสัยแท้จริง เพราะสนิทกันมาแต่เยาว์วัย จนรู้ใจไปแทบเสียทุกอย่าง
หากคนนั้นผู้เป็นนายอยากให้ตายหรือทรมานจริง ๆ อาการเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างจะถูกตัดรอนไปทันที ไม่มีอาการกระวนกระวายดั่งเช่นที่เป็นในตอนนี้อย่างแน่นอน...เบื้องลึกของความรู้สึกจากที่คาดเดาคงจะเริ่มตื้นขึ้นมาเสียแล้ว แต่ระยะเวลาที่ไม่นานก็ยังคาดหมายในความแน่นอนไม่ได้เฉกเช่นเดียวกัน แต่น่าจะไม่เหมือนดังก่อน
กำแพงหนาที่มันขวางกั้น ยากนักที่จะทำลายให้พังลง ความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง หัวใจของผู้เป็นนายที่ทะนงดุจหินผา ไม่รู้ว่าจะมีใครสามารถทำลายให้พังลงได้หรือไม่
"อืม" คำตอบรับสั้น ๆ เป็นการรับรู้...ไม่มีผู้ใดพูดเจรจาอะไรกันต่อนับจากนี้ตลอดการเดินทาง
---------
สองเท้าก้าวเดินเข้ามายังเขตบริเวณที่มีอำนาจ เหล่าบริวารก้มหัวคำนับอย่างเคารพและยำเกรง
"นางอยู่ไหน?" เสียงเข้มดุดันเอ่ยถาม หมายถึงนักโทษหญิงที่เขาคุมขังไว้ จัสซีเนีย
"อยู่ในกรงขังสัตว์เหมือนเดิมครับ" คนที่ดูแลรายงาน
จากนั้นจาร์มาล์ก็เดินไปยังกรงขังนั้น จัดการออกคำสั่งให้เปิดประตู สภาพของจัสซีเนียนั้นซีดเซียว นอนตัวสั่นเทิ้มไร้สติ ริมฝีปากขาวเผือดเหมือนขาดน้ำ เขาเอื้อมมือไปจับต้องผิวกาย พบว่ามันร้อนระอุแทบไหม้ ไม่รู้ว่าเธอทานทนมีลมหายใจมาได้อย่างไรตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
"ให้หมอตามไปที่พักของเรา รักษานางที่นั่น" อุ้มเธอแนบอกเดินออกมาจากกรงขังท่ามกลางสายตาของเหล่าบริวาร ที่มองเห็นแล้วเป็นต้องงุนงงกันเป็นแถบ ผู้เป็นนายไม่ดูร้ายกาจดุจเสือร้าย แต่กลับแตะกายนักโทษ เป็นสิ่งที่เหล่าบริวารไม่เคยเห็น
"ครับ" ริฏวานที่รู้หน้าที่ตอบรับด้วยความเคารพยำเกรง
(ป่วยหนักขนาดนี้เลยหรือ)
ร่างกายที่สั่นเทิ้มได้รับความอบอุ่นจากอ้อมอกของจาร์มาล์ ระหว่างทางเดินมายังที่พัก เธอมีอาการละเมอเพ้อฝัน ส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวัน แต่คนที่อุ้มเธอมาทำเพียงจ้องมองเท่านั้น คิดว่าคงเป็นผลที่มาจากพิษไข้
"รักษานางให้หายเป็นปกติ" เสียงเข้มสั่งการกับหมอที่พามา
"ครับ" หมอตอบรับและเริ่มทำหน้าที่ของตนด้วยความตั้งใจ
ส่วนจาร์มาล์และริฏวานก็นั่งดูการรักษาด้วยความเงียบสงบ เขาจดจ้องมองทุกอิริยาบถในการรักษา ไม่ละสายตามองไปทางใดนอกจากสนใจคนที่อยู่บนเตียงเท่านั้น
"ไม่ต้องห่วงมากไป เดี๋ยวนางก็หายเป็นปกติครับ" ริฏวานที่เห็นอาการของผู้เป็นนาย แม้จาร์มาล์จะไม่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใย แต่เขาก็รับรู้ได้จากสายตาที่จดจ้องไม่กะพริบแม้จะมีสายลมพัดผ่าน
"ไม่ได้ห่วง!" คำปฏิเสธก็เป็นในรูปแบบเดิม แต่สายตานั้นก็ยังไม่คิดจะละห่างไปไหน
(ท่านปากแข็งเหมือนกับเด็ก...ขอให้นางเป็นผู้พังกำแพงหัวใจของท่านในเร็ววัน) เป็นสิ่งที่ริฏวานพูดในใจ เขาไม่อยากจะให้ผู้เป็นนายนั้นมีทุกข์ และไม่มีความสุขในการดำเนินชีวิต ความเคียดแค้นที่มันครอบงำจนหัวใจของผู้เป็นนายแทบมืดดำ เขาอยากให้หัวใจผู้เป็นนายสุกสกาวด้วยสุขมากกว่าทุกข์ ไม่อยากให้ทำร้ายผู้ใด แต่ก็ไม่สามารถห้ามได้...
"ตรวจอาการนางให้ละเอียด" เสียงเข้มออกคำสั่งกับหมอที่พามา ยืนจ้องมองหน้าคนป่วยที่ซีดเซียวอย่างนิ่งขรึม แต่ทว่าหารู้ไม่ในใจพลันนึกหวั่น จากที่เห็นว่าเธอนั้นสั่นเทาดูหนาวเหน็บ ริมฝีปากขาวเผือดสั่นระริกอย่างน่าเป็นห่วง
"ขอรับ" เสียงของหมอตอบรับ พลางตรวจดูอาการของคนที่ป่วยอย่างตั้งใจ
สายตาคมจับจ้องไม่ละสายตาไปไหน ยืนมือไขว้หลังอย่างสังเกตการณ์ ทุกการกระทำจองหมออยู่ในสายตาของจาร์มาล์ตลอดเวลา จนริฏวานที่เฝ้ามองอยู่ด้านหลังจับพิรุธผู้เป็นนายได้อย่างรู้เท่าทัน ด้วยมือแกร่งที่กำแน่นอยู่ด้านหลังของจาร์มาล์ รับรู้ได้ว่าเขากำลังมีความกังวลไม่น้อย เพียงแต่ไม่แสดงความพะวงนั้นออกมาชัดเจน
"หนักหนาแค่ไหน?" สายตาเพ่งพิศจ้องมองไม่วางตา เอ่ยปากถามหมอผู้รักษาด้วยความใคร่รู้
"ร่างกายนางบอบช้ำ และอ่อนเพลียมาก มีไข้สูงน่าจะทรุดตัวอยู่หลายวันถึงตะมีอาการดีขึ้น ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ตอนนี้ยังไม่อาจวางใจได้ครับ" หมอที่ทำการรักษาหันมาประจันหน้าและให้คำตอบ
"อืม...ดูแลนาง อย่าให้นางตายเสียล่ะ"
"ครับ"
เป็นการรับรู้อย่างเข้าใจ แต่ปากที่แสนร้ายก็ยังเสียดสีแม้จัสซีเนียจะนอนซมจมที่นอนไร้สติ แสยะยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกมาจากกระโจมที่พักอย่างคนโล่งอก ที่รับรู้ว่าเธอนั้นปลอดภัย มันคือส่วนลึกที่เขารู้สึกอยู่ก้นบึ้งของก้อนเนื้อข้างซ้าย
"ท่านไม่ต้องห่วงนางมากเกินไปหรอกครับ" ริฏวานทักท้วงระหว่างที่เดินเท้า เพื่อจะไปยังที่พักสำรอง
"ไม่ได้ห่วง...แค่ยังไม่อยากให้นางตายตอนนี้ แค้นที่มียังไม่ได้ชำระ นางจะมาตายได้อย่างไร?" สองเท้าหยุดเดินกะทันหัน เมื่อริฏวานนั้นอ้าปากพูดคำที่แสลงหู หันไปประจันหน้าลั่นวาจาด้วยประโยคยาวเหยียด ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นดุดัน
"อย่างนั้นหรือ?"
"อย่ามายิ้มแบบนั้น เราไม่ได้ห่วง"
"ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง"
เมื่อริฏวานเห็นแล้วว่าผู้เป็นนายนั้นคงไม่ยอมรับต่อสิ่งที่รู้สึกเป็นแน่ จึงขอยอมแพ้ไม่ต่อความให้ยืดยาว สองขาของจาร์มาล์ก้าวเดินนำหน้า แผ่นหลังหนาแกร่งค่อย ๆ เดินห่างออกไป ริฏวานได้แต่ส่ายหัวแล้วยิ้มอ่อนต่อการกระทำของจาร์มาล์ ที่ปากช่างแข็งไม่ตรงกับใจ
"สักวันท่านจะกลืนน้ำลายตัวเองสหายรักของข้า" กร่นบ่นเพียงลำพังอย่างหน่ายใจ ก่อนจะก้าวขาย่างกรายตามผู้เป็นนายไปยังที่หมาย
"ถ้าเราไม่กลับไปทานมื้อเย็นกับท่านแม่ตามสัญญา ท่านแม่จะต้องน้อยใจแน่ ๆ ริฏวาน" จาร์มาล์ที่เข้ามาในกระโจมที่พัก เอ่ยทักท้วงขึ้นเมื่อนึกถึงคำมั่นที่ให้ไว้กับมารดา ก่อนจะเดินทางมายังทะเลทรายที่กบดาน
"แล้วเหตุใดท่านถึงต้องการจะผิดสัญญา" ริฏวานเอ่ยถาม แม้จะคาดเดาไว้แล้วอย่างรู้ทัน สาเหตุนั่นคงเป็นเพราะจัสซีเนียที่นอนซมด้วยพิษไข้เป็นแน่
"ระยะทางไกล บางทีเราก็เหนื่อย" เป็นคำตอบที่ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ด้วยการตอบที่บ่ายเบี่ยงสายตาไปทางอื่นอย่างต้องการหลบซ่อนความรู้สึก ริฏวานเห็นแล้วนึกขำ แต่ไม่อาจแสดงอาการออกมาได้อย่างให้เกียรติผู้เป็นนาย
"หึ" ความอดทนของริฏวานมีไม่มากพอ จนเขาต้องแค่นเสียงจากลำคอเบา ๆ นั่นทำให้จาร์มาล์หันหน้ามองทันทีทันใด
"ขำอะไร?" และแล้วเขาต้องย้อนถาม ยิ่งสายตาของริฏวานมองมา ยิ่งทำให้จาร์มาล์นึกประหม่า
"ขำท่านที่ปากแข็ง" ริฏวานต้องพูดออกไปตามจริง
"อย่ามาเล่นลิ้นริฏวาน" ย้อนถามเป็นนัยกับอาการที่ลูกน้องเป็น แววตาดุดันจ้องมองเลิ่กลั่ก กิริยาที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แสดงออกมาต่อหน้าจาร์มาล์ นั่นยิ่งทำให้จาร์มาล์กลั้นหัวเราะไม่ไหว
"หึหึ...ปากไม่ตรงกับใจ"
"อยากตายเหรอริฏวาน"
"ท่านพักสักครู่เถิด หากได้เวลาเดินทางกลับคฤหาสน์ กระผมจะมาตาม"
"นาย!!"
ยังไม่ทันที่คนปากแข็งจะได้ด่าทอต่อว่า ริฏวานก็โค้งหัวด้วยความเคารพ ก่อนจะเดินออกจากกระโจมที่พักไป ทิ้งไว้เพียงผู้เป็นนายที่กระแทกเสียงเรียกตามหลัง ฟังยังไงก็ดั่งคนเกรี้ยวโกรธ สาเหตุนั่นเพราะถูกลูกน้องคนสนิทจับพิรุธได้ มันทำให้คนที่วางฟอร์มเหี้ยมโหดต้องเสียหน้า
"หึ! ทำเป็นรู้ดี...อย่างเราจะไปห่วงแพศยาแบบนางทำไมกัน ไม่มีทาง!"