ไม่ต่างกับดุจพลอยที่นั่งเขี่ยข้าวไปมา ทั้งหวาดหวั่นและสับสนกับอนาคตของตัวเอง ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี
“...ไม่ต้องเก็บเอาคำพูดของเจ้าวินมันมาใส่ใจหรอกนะ” สมภพเอ่ยขึ้นราวกับกำลังนั่งอยู่ในใจหลานสาว รู้ว่าเธอคิดกังวลอะไร
“ค่ะคุณลุง”
“ขาดเหลืออะไร หรือมีเรื่องต้องใช้เงินก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าลุงเป็นป้าภาของหนูก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ…” ดุจพลอยพยักหน้ารับในความเมตตาของสมภพ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองผู้เป็นลุงเขยอีกครั้ง “...เอ่อ คุณลุงคะ”
“หือ?”
“คือ…พลอยขอทำงานพิเศษได้ไหมคะ รับรองจะไม่ทำให้เสียการเรียนแน่นอน” เมื่อเห็นสีหน้าของสมภพ เธอก็รีบอธิบายต่อกลัวอีกฝ่ายจะห้ามทั้งที่ไม่ทันฟังเหตุผล “คืองานพิเศษก็ถือเป็นประสบการณ์ทำงานอย่างหนึ่งนะคะ อีกอย่างช่วงนี้พลอยก็กำลังว่าง เตรียมตัวฝึกงาน กลับบ้านเร็วก็ไม่มีอะไรให้ทำ”
ถึงแม้ที่ผ่านมาเธอจะเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ทั้งลุงและป้าต่างก็คัดค้าน เพราะอยากให้เธอตั้งใจเรียน จบมาจะได้ช่วยงานที่‘หิรัญคอนสตรัคชั่น’ นั่นคือเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ภาณีจากไป สถานะของเธอก็แทบไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับคนบ้านนี้
อีกอย่าง ต่อให้สมภพจะช่วยเหลือสนับสนุนเธออย่างไร ในอนาคตบริษัทนั่นก็ต้องตกเป็นของธาวิน เธอจึงอยากมองหาลู่ทางอื่น มากกว่าจะเข้าไปอยู่ใต้เงาของเขา
“ไม่ต้องใจร้อน เรื่องงานยังไงก็ได้ทำแน่”
“แต่…”
“รับรองถ้าเรียนจบเมื่อไหร่ ลุงมีงานให้หนูทำทันที ถึงตอนนั้นก็ห้ามบ่นล่ะ เข้าใจไหม”
หมดกัน! ดับฝันเธอสนิท
“ค่ะ”
ดุจพลอยรับคำเสียงอ่อย รู้เลยว่างานอะไรที่จะมารองรับอนาคตตัวเธอ แล้วใบหน้าของว่าที่เจ้านายอีกคนก็ลอยเข้ามาในหัว สีหน้าหญิงสาวดูย่ำแย่หนักเมื่อนึกถึงเขา ความรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง ถาโถมเข้าใส่
แค่ไม่กี่ปีที่ธาวินกลับมาบ้าน ความสุขสงบของเธอก็หายวับไปแทบไม่หลงเหลือ หากต้องเข้าไปทำงานเป็นลูกน้องเขา รับรองเธอไม่มีโอกาสได้โผล่ขึ้นมาหายใจแน่ ดีไม่ดีอาจจะถูกเหยียบจมธรณี
สายตาจ้องมองจานข้าวตรงหน้า ลำคอขมปร่าขึ้นมา ข้าวที่เคี้ยวในปากก็ราวกับเม็ดกรวดทรายกลืนแทบไม่ลง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอทั้งเกลียดและกลัวผู้ชายที่ชื่อธาวิน
วันที่เขาเดินทางกลับจากต่างประเทศ ครั้งแรกที่เผชิญหน้ากัน เธอยอมรับว่าไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะยังฝังใจกับเรื่องสมัยเด็ก และครั้งสุดท้ายที่มีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต ก่อนที่เขาจะจากบ้านไปไกลถึงต่างแดน
ธาวินอาฆาตไว้อย่างไรเธอยังจำได้แม่น สายตาเจ็บปวดราวกับลูกเสือบาดเจ็บวันนั้น แค่จ้องมองก็ทำเอารูขุมขนบนกายเธอลุกชันไปทั้งตัว
ดุจพลอยรู้สึกหวาดหวั่นจนแทบคุมสติไม่อยู่ มือไม้เย็นเฉียบ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับธาวิน ที่วันนี้แทบไม่เหลือสภาพเด็กหนุ่มคนเดิม เขากลายเป็นหนุ่มเต็มวัย ร่างกายบึกบึน ตัวโต สูงใหญ่ ใบหน้าคมสัน หล่อเข้ม แต่ที่น่ากลัวก็คงเป็นสายตานิ่งลึก แค่เพียงสบตาก็ทำเธอสั่นไปทั้งตัว...ไม่รู้จะต้องเจอกับอะไรอีก...?!
แต่กลับผิดคาด เมื่อธาวินไม่ได้ทำตัวร้ายกับเธออย่างที่คิด และยังพูดจาดี ทำราวกับว่าลืมเรื่องราวในอดีตไปสิ้น ที่สำคัญยังดูให้เกียรติภาณีอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ธาวินดูเปลี่ยนไปมาก แม้แต่บุคลิกของเขาก็เปลี่ยน ดูเป็นผู้ใหญ่ น่าเกรงขาม เด็ดขาด มีความมั่นใจตัวเองสูง รัศมีที่แผ่ออกมาข่มเธอให้ตัวลีบเล็กลงไปอีก
ดุจพลอยวางตัวไม่ถูก ไม่รู้จะรับมือกับธาวินเวอร์ชันใหม่ยังไง เมื่อทุกครั้งที่เจอกัน เขามักจะพูดจาทักทายเธอก่อนราวกับเป็นเรื่องปกติ ไม่ถึงกับยิ้มแย้ม แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผ่านมา
หลายครั้งเข้าก็ทำให้หญิงสาวเชื่อสนิทใจว่าธาวินเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เธอกล้าที่จะพูดคุยกับเขามากขึ้น นานวันเข้าก็เริ่มลืมเลือนเรื่องราวในอดีต หันไปทำดีกับเขาสารพัด ดูแลทุกอย่างราวกับเป็นญาติสนิท กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็โดนเขาตลบหลังเล่นงานจนแทบไม่กล้าเงยหน้ามองผู้คนอยู่นานหลายเดือน
เหตุการณ์ในวันนั้นที่เธอจำไม่เคยลืม เช้าตรู่วันแรกของสัปดาห์ ธาวินขับรถออกไปทำงานแต่เช้า เจอเธอที่กำลังออกไปเรียนเช่นกัน ใบหน้าหล่อคมเข้มส่งยิ้มใจดีมาให้ พร้อมกับเอ่ยปากชวนเธอขึ้นรถบอกจะไปส่งที่มหาวิทยาลัย ดุจพลอยก็ไปกับเขาโดยไม่คิดอะไร ก็คนอยู่ร่วมบ้านชายคาเดียวกัน มีน้ำใจต่อกันย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ใครจะรู้ว่าเขาไม่ได้ใจดีอย่างนั้น
พอรถยนต์เลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณหน้าอาคารเรียน ทั้งนักศึกษาและอาจารย์หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากับดุจพลอยเป็นอย่างดี เพราะเธอคือนักศึกษาเรียนดี และยังเป็นนักกิจกรรมตัวยง สายตาทุกคู่พร้อมใจกันมองมา...ไม่ใช่เธอ แต่เป็นรถหรูราคาหลายล้านและคนขับหล่อเหลาโดดเด่นนั่นต่างหาก
ธาวินเดินอ้อมมาเปิดประตูรถยนต์ให้ ปฏิบัติกับเธอราวกับเจ้าหญิง ดุจพลอยมือเท้าเย็นเฉียบ ด้วยความประหม่าที่ตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น ถึงแม้จะเป็นเพราะเขา แต่นั่นก็ทำเอาเธอขาสั่นจนก้าวไม่ออก
แต่ยังไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ ธาวินก็กระชากแขนเธอลงจากรถจนแทบหัวคะมำ หญิงสาวตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้โกรธอะไร เข้าใจว่าเขาคงรีบไปทำงานต่อ กำลังจะอ้าปากบอกขอบคุณที่อีกฝ่ายมีน้ำใจมาส่ง แต่ก็ต้องช็อคและยืนนิ่งตัวแข็งค้าง เมื่อธาวินตวาดขึ้นเสียงดัง ราวฟ้าผ่าลงกลางหัวกลางวันแสกๆ
แม้ไม่เงี่ยหูฟังทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น ก็ได้ยินชัดทุกถ้อยคำ เขาด่าว่าเธอทำตัวเหลวแหลก หนีเที่ยวกลางคืน และยังทำตัวใฝ่ต่ำคิดหาเงินง่ายๆ ด้วยวิธีของเด็กใจแตก ทำตัวเสื่อมเสียจนทุกคนในบ้านเอือมระอา เดือดร้อนเขาต้องตามมาคุม และหากเธอยังไม่หยุดพฤติกรรมนี้ ก็จะให้หยุดเรียน
ผู้คนมากมายที่อยู่ตรงนั้นต่างหันมามองที่เธอเป็นตาเดียวกัน ดุจพลอยเป็นคนหน้าตาสะสวย ดูจากสายตาทุกคนคงเชื่อไปแล้วว่าเป็นเรื่องจริง เธอได้แต่ยืนหน้าซีดบื้อใบ้ไร้คำตอบโต้ อายจนหน้าชา หัวสมองมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมธาวินถึงพูดกับเธอแบบนี้
แต่พอเงยหน้าขึ้นสบตาคมปลาบคู่นั้น ถึงรู้ตัวว่าโง่ ที่เชื่อว่าคนแบบเขาจะเปลี่ยนไป แววตาเหยียดหยามสะใจ รอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลานั้นทำเอาเธอชาวาบไปทั้งกาย