“หือ?” คิ้วเข้มที่เริ่มมีสีขาวแซมประปรายเลิกสูง เมื่อเห็นอาการอึกอักของหลานสาว
“เอ่อ…เรื่องทำงาน ถ้าหนูจะขออนุญาตไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน…ได้ไหมคะ”
ในเมื่อธาวินพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนก็ดีเหมือนกัน เพราะไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดเรื่องหางานทำ แต่ที่ผ่านมาต้องคอยดูแลป้า และยังคอยจัดการเรื่องทุกอย่างในบ้านแทนภาณีตอนป่วย จึงไม่มีเวลาเหลือพอจะมาคิด
แต่ตอนนี้เธอไม่มีอะไรต้องห่วง และยิ่งลูกชายเจ้าของบ้านมาพูดใส่หน้าแบบนี้ ขืนยังนิ่งเฉย นั่งกินนอนกินรอความช่วยเหลือจากสมภพเหมือนเดิม คงไม่วายต้องมีเรื่องร้อนหูร้อนใจอีกเป็นแน่ สู้เธอออกไปทำงาน ทั้งได้เงินและไม่ต้องเจอหน้าเขา ยังจะดีเสียกว่า
“เรื่องที่เจ้าวินมันพูด ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจหรอก มีหน้าที่เรียนก็เรียนให้มันจบ”
“แต่คุณลุงคะ หนูอยากทำงาน”
“ไม่ต้อง ภาเค้าสั่งเสียไว้ก่อนตายแล้วว่าเป็นห่วงหนูมาก ฉะนั้นตั้งใจเรียน ส่วนเรื่องอื่นอย่าเพิ่งไปสนใจ”
“แต่…”
“ไม่มีแต่ เชื่อเถอะว่าภาณีเขาก็คิดเหมือนลุง”
“ค่ะคุณลุง”
“แล้วนี่ใกล้จบหรือยัง”
“เทอมหน้าพลอยก็จะฝึกงานแล้วค่ะ”
“อ้าวเหรอ อย่างงั้นก็ดีสิ ไปฝึกงานที่บริษัทละกัน เดี๋ยวลุงแจ้งฝ่ายบุคคลไว้ให้ จะได้เข้าไปเรียนรู้งานไว้แต่เนิ่นๆ จบมาจะได้เข้าทำงานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลา ดีๆ”
“แต่คุณลุงคะ...”
“หรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ...หนูเกรงใจ ต้องรบกวนคุณลุงทุกอย่าง”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ยังไงลุงก็รับปากภาไว้แล้วว่าจะดูแลหนูจนกว่าจะมีงานมีการทำ มีครอบครัวโน่นแหละ”
“แต่หนูกลัวว่าคุณวิน...เอ่อ...จะไม่พอใจ” ปัญหาชีวิตใหญ่ของเธอ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากข้องแวะใดๆ กับผู้ชายคนนี้
“ไม่ต้องไปสนใจ นี่มันบริษัทของลุง แค่รับหนูเข้าไปฝึกงานคนเดียวจะอะไรนักหนา ถ้ามันไม่พอใจกล้าขวางก็ลองดู” สมภพมีอาการฮึดฮัดขึ้นมาอีกเมื่อพูดถึงลูกชาย อารมณ์ที่กำลังเย็นลงก็คุกรุ่นมาอีกระลอก
“ค่ะคุณลุง” ดุจพลอยรีบตอบรับด้วยสีหน้าจืดเจื่อน เกรงจะไปกระตุ้นต่อมโทสะของผู้อาวุโสอีก
แต่ไม่ว่าจะเป็นการฝึกงานหรือทำงานจริง หากเป็นไปได้ เธอก็ไม่อยากเข้าไปข้องแวะกับทรัพย์สมบัติของตระกูลหิรัญเกียรติ เพราะถึงแม้สมภพผู้เป็นลุงเขยจะใจดีมีเมตตา แต่ตอนนี้ป้าของเธอก็เสียไปแล้ว จึงไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ลำบากใจ
และยิ่งตอนนี้ธาวินนั่งในตำแหน่งรองประธานบริษัท ถ้าเธอต้องไปทำงานที่นั่นทุกวัน เห็นหน้ากันแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แค่คิดก็รู้สึกขนลุก หายใจหายคอไม่ออกเหมือนจะตาย
ไม่ได้!! ยังไงเธอไม่มีทางเข้าไปทำงานที่นั่นเด็ดขาด
สายตาผู้สูงวัยเพ่งมองหลานสาวภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้ว ดุจพลอยไม่เคยทำตัวเสียหายให้เขากับภาณีต้องทุกข์ใจสักครั้ง ออกจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่มีปากมีเสียง ต่างจากลูกชายเขาราวฟ้ากับเหว แทนที่มันจะรักเอ็นดูเป็นพี่น้อง กลับหาเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน
ไม่ใช่ว่าสมภพจะหลับหูหลับตาไม่รู้เรื่องอะไร ที่ผ่านมารู้ตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่วันที่ภาณีกับหลานสาวย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ธาวินก็หาเรื่องกลั่นแกล้งสารพัด จิกหัวใช้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่เคยเกรงใจใคร จนกระทั่งเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับ ดุจพลอยจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เด็กน้อยวัยห้าขวบ ตัวเล็ก ผอมเก้งก้าง ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง มักจะไปนั่งเล่นบริเวณริมสระว่ายน้ำบ่อยๆ จนภาณีต้องออกปากเตือนว่ามันอันตราย ส่วนสมภพก็รู้สึกเอ็นดูเด็กน้อย เห็นมองตาแป๋วคงชอบ จึงคิดจะให้ช่างมาทำสระว่ายน้ำเด็กให้ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
ธาวินในวัยสิบเจ็ดปี รักแรงเกลียดแรง แม้แต่เด็กน้อยตัวเล็กๆ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ไม่เว้น บ่ายวันนั้นลูกชายเขาก็บังคับดุจพลอยให้ลงไปในสระว่ายน้ำ ทั้งที่สระลึกเกินกว่าเด็กห้าขวบจะลงเล่น และยังว่ายน้ำ ไม่เป็น จนเกือบจมน้ำเสียชีวิต ดีที่มีคนไปเห็นและช่วยเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นดุจพลอยก็คงกลายเป็นผีเฝ้าสระ ส่วนลูกชายเขาก็คงกลายเป็นฆาตกร
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้สมภพตัดสินใจส่งลูกชายไปเรียนต่างประเทศทันที แต่ธาวินกลับอาละวาดหนัก บ้านแทบลุกเป็นไฟ จนคนเป็นพ่อทนไม่ไหวต้องกำราบลูกชายอย่างจริงจัง แต่ก็เหมือน จะไม่ได้ผลนัก และยิ่งรู้ว่าผู้เป็นพ่อมอบอำนาจให้ภรรยาใหม่ดูแล ทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งเรื่องทรัพย์สินเงินทองด้วย ก็ยิ่งทำให้ธาวินโกรธแค้นทุกคน
แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อพ่อลูกคุยกันไม่ได้ ธาวินไม่ยอมไปเรียนต่อต่างประเทศ สมภพจึงเปลี่ยนเป้าหมาย หันมาทางดุจพลอย จะส่งเด็กสาวไปเรียนต่างประเทศแทนลูกชาย กลับมาจะได้ช่วยงานที่บริษัท และนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ธาวินทะเลาะกับสมภพอย่างหนัก
สุดท้ายลูกชายก็ต้องยอมหิ้วกระเป๋าเดินทางไปต่างประเทศ ไปพร้อมกับความแค้น ความเจ็บปวด และโกรธเกลียดอาฆาต ผู้หญิงสองคน โดยไม่เคยนึกสนใจเลยว่า เขาก็สร้างแผลในใจให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเช่นกัน เธอเกือบตายเพราะน้ำมือเขา
ดุจพลอยจดจำเหตุการณ์ครั้งนั้น กลายเป็นปมลึกฝังใจ แค่เห็นสระว่ายน้ำก็พาลนึกถึงวันที่ถูกธาวินผลักลงสระ ความรู้สึกหวาดกลัวหลอกหลอน ความทรมานของคนใกล้ตายมันเป็นยังไง เธอยังจำได้ดี
ถึงภาณีจะจ้างครูมาสอนว่ายนำ้ เด็กสาวก็ไม่เอา ร้องไห้หวาดกลัว แค่จะเดินผ่านสระว่ายน้ำก็ใจหวิวๆ ตัวสั่นพาลจะเป็นลม ถึงทุกวันนี้เธอก็ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้สระว่ายน้ำอีกเลย
เวลาผ่านไป กระทั่งธาวินเรียนจบ และทำงานต่อที่ต่างประเทศอีกหลายปี ก่อนจะเดินทางกลับมาที่ไทย สมภพก็หวังว่าทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิที่เติบโตขึ้น จะช่วยหล่อหลอมให้ลูกชายเปลี่ยนไปในทางที่ดี แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อธาวินกลับมาคราวนี้ กลายเป็นคนแข็งกระด้าง หัวแข็ง เชื่อมั่นตัวเองสูง ไม่ฟังเสียงใคร แม้กระทั่งคนเป็นพ่อ
...มีลูกชายคนเดียวก็ไม่ได้ดั่งใจ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ต่างคนต่างนั่งกินเงียบๆ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ไม่นานเจ้าของบ้านก็วางช้อนลง และยกแก้วน้ำขึ้นดื่มบ่งบอกว่าอิ่มแล้ว ทั้งที่ตักข้าวกินไปไม่ถึงสิบคำ อารมณ์โศกเศร้าจากการสูญเสียภรรยาที่รักยังไม่ทันจางหาย ก็ต้องมาขุ่นมัวเพราะลูกชายคนเดียวอีก ทำให้ตื้อจนพาลกินอะไรไม่ลง