สักวินาทีเดียวก็ยังดี...
หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะเป็นแฟนที่ดี เป็นคนรักที่ไม่ขัดใจเธอเลยแม้สักอย่างเดียว...
เสียงน้ำจากก๊อกกระทบลงในอ่างดังไม่ขาดสาย เช่นเดียวกับนัยน์ตาเรียวรีหรี่เล็กจนเหยียดตรง หากพอพยายามกล้ำกลืนก้อนแข็งลงคอ ความเจ็บปวดเหมือนในวันวานที่เขาเคยเผชิญมาครั้งหนึ่งราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ระหว่างรอคนไข้รายต่อไปและเตรียมอุปกรณ์ คุณหมอครองภพเกือบลืมไปแล้วว่ามีอีกคนอยู่ในห้องตรวจกับเขาด้วย
ดวงตาแดงก่ำและเสียงสูดลมเข้าจมูกลึกพร้อมหยดน้ำเค็มปะแล่มอยู่ในสายตาของพยาบาลสาว ที่มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจสุดขีด
“หมออิฐ! ร้องไห้เหรอคะเนี่ย!?”
คุณหมอหนุ่มสะบัดศีรษะแรง ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตากลับไป ก่อนหันไปบอกด้วยสีหน้านิ่งเฉยอันเป็นปกติของตัวเขา
“ผมจะร้องไห้ทำไม? ช่วยกลับไปทำงานสักทีนะครับ เลิกเผือก”
หกเดือนที่แล้ว...
“เราเลิกกันเถอะ...”
“ทำไม?” เสียงทุ้มสั่นเครือถาม ในความเจ็บปวดของเขาที่ไม่ใช่คนแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์เหมือนคนอื่น ๆ
มันเจ็บ... ไม่ต่างจากมีดกรีดลงบนเนื้อสด ๆ ทะลุไปถึงหัวใจ กับคำพูดนั้น... เขาไม่อยากได้ยินมันจากหญิงตรงหน้ามากที่สุด
“มันเป็นความต้องการของพ่อแม่พี่... พ่อแม่อันนา พวกเขาเป็นเพื่อนกัน คงจะฝันเฟื่องไปเรื่อย ความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ค่ะ”
“ไม่... เหตุผลที่เลิกมันไม่ใช่แค่นั้น...”
“มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ... มันหลาย ๆ อย่างรวมกัน สรุปคืออันนาคบพี่อิฐต่อไปไม่ไหว” เธอแทรกขึ้นมา ด้วยรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรเขามักมีเงื่อนไข ข้อตกลงอยู่เสมอ
ตลอดระยะเวลาหกเดือนหลังเริ่มคบหากันจริงจัง ในฐานะคู่หมั้นตามคำต้องการของผู้ใหญ่ ที่เห็นว่าเขาชอบน้องอันนามาตั้งนานแล้ว แต่เขากลับปิดกั้นหัวใจตัวเอง
ครองภพไม่ใช่คนพูดเยอะ ยังเป็นคนตายด้านชินชา และเขาเป็นหมอ...! คือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่คิดได้
“พี่ไม่ดีตรงไหน? พี่แน่ใจว่าไม่มีคุณสมบัติข้อไหน ไม่เหมาะสมกับอันนา” ทั้งน้ำเสียงและแววตาเคร่งขรึม
ชายหนุ่มยังพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่าเธออาจจะล้อเขาเล่น...
ตรงข้ามกับอีกคน อันนาคิดว่าเธอพยายามมามากพอ ๆ กับตัวเขา ที่น่าจะรู้เหตุผลดีที่สุดว่าเพราะอะไร
“ข้อแรกคือพี่อิฐ... เป็นคนน่าเบื่อค่ะ พี่เป็นผู้ชายตายด้านที่โคตรน่าเบื่อ ข้อสอง... มันไม่ได้เป็นความต้องการของอันนามาแต่แรกแล้ว อันนาไม่ได้อยากหมั้นกับพี่”
แววตาคู่สวยเอ่อคลอสบดวงตาเย็นชาไร้ความรู้สึก
กลางฤดูหนาวที่เย็นยะเยือกกว่าทุกปี หิมะโปรยปรายท่ามกลางบรรยากาศแสนหวานของเมืองหนาวอย่างสวิตเซอร์แลนด์ เธอตั้งใจชวนเขาออกมาพูดคุยกันตามลำพังหน้าบ้าน ขณะทุกคนกำลังฉลองปาร์ตี้ในคืนคริสมาสต์อีฟ รวมทั้งพ่อแม่ของคุณหมอหนุ่มที่มักติดสอยหอยตามมาเที่ยวด้วยกันประสาเพื่อนสนิท
หญิงสาวหวังว่าเขาจะฟังเหตุผลของเธอ ตามตกลงกันว่าขอแค่เท่านั้น...
“ข้อสุดท้าย... อันนาชอบผู้หญิง... คงทำใจชอบพี่ไม่ได้จริง ๆ ขอโทษนะ”
“อืม... งั้นก็... ขอให้โชคดีครับ” ทั้งน้ำเสียงและรอยยิ้มสุดจะฝืนกลั้นครั้งสุดท้ายที่เขาคงยิ้มให้เธอได้ เจ้าของร่างบางในเสื้อหนาวขนสัตว์ตัวหนาคลุมไว้ด้วยฮู้ดย่ำเท้าก้าวผ่านเกล็ดน้ำแข็งกองหนาเข้าบ้านไป
คุณหมอหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งงัน ท่ามกลางความเหน็บหนาวราวกับว่าโลกใบนี้คงจะเหลือเพียงแค่ตัวเขา
ไม่น่าเชื่อว่าสูตินรีแพทย์ชื่อดัง เบ้าหน้าหล่อเหลาลงตัวไร้ที่ติราวกับว่าพระเจ้าสรรค์สร้างปั้นแต่ง เพียบพร้อมด้วยฐานานุรูปยังร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง ด้วยความที่พ่อแม่ของเขาเองทำงานอยู่ในวงการแพทย์ จะมาถูกบอกเลิกอย่างไม่ใยดีจากผู้หญิงธรรมดา ๆ
ผู้หญิงคนเดียวที่พ่อแม่แนะนำให้รู้จัก... ตอนเขาอายุเพียงแปดขวบ
ตั้งแต่นั้นมา สายตาของเขาก็หยุดและสนใจอยู่ที่น้องอันนา ทั้งที่มันไม่ใช่นิสัยของตัวเขาเลย
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เขาเริ่มหลงใหลในรอยยิ้มหวาน ๆ นัยน์ตาสีฟ้าครามสดสวยเหมือนสีของท้องทะเล สุ้มเสียงแสนไพเราะออดอ้อนอยู่เสมอ
หากพอลองคิดตรึกตรองกับคำพูดอันเต็มไปด้วยเหตุผลว่าเขามันเป็นคนน่าเบื่อ จนเธอต้องขอยุติความสัมพันธ์ฉันคนรักลงอย่างไม่ใยดี...
เขาคงเป็นผู้ชายน่าเบื่อจริง ๆ...
“เป็นไงล่ะ? เรื่องน้องน่ะ...” พ่อถามอย่างเป็นห่วง พอลูกชายคนเดียวทำไม่พูดจา ทั้งที่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ลูกชายบ้านนี้พูดแทบนับคำได้ โดยเฉพาะบนโต๊ะรับประทานอาหาร
ในคฤหาสน์หลังใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะคุณพ่อที่เป็นศัลยแพทย์ชื่อดังของเมืองไทย
บ้านสไตล์ยุโรปโบราณหลังนี้ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นงานไม้ เน้นสีของประตูเป็นแบบเก่ามีกลอนและที่บิดสีดำสนิทเหมือนประตูบ้านฝรั่ง พื้นเงามันสลับกันไปกับพื้นหินอ่อนสีเทารองรับการตกแต่งแบบธรรมชาติ
ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านริมชานเขาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยความที่เจ้าของบ้านสร้างไว้เป็นเรือนหอ และคงอยากระลึกความหลังในสมัยแรกรักกันใหม่ ๆ
มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มทรงเครื่องฝีมือแม่บ้านคนเก่าแก่คือแม่อิ่ม ยังมีขนมปังฝรั่งเศส เค้กช็อกโกแลตดูน่ารับประทานของแม่ที่ไปเดินซูเปอร์มาเก็ตมาเมื่อวาน
จานของคุณหมอหนุ่มมีเพียงข้าวต้มทรงเครื่อง เขารับประทานมันอย่างเชื่องช้า มือปัดโทรศัพท์ดูข่าวสารบ้านเมือง ราคาหุ้นเหมือนทุกวัน
“ดีครับ...”
“ดี...? มันยังไงลูก คือเราจะกลับมาคบกัน... หรือว่าให้พ่อกับแม่ช่วยอะไรอีกไหม?” แม่วางช้อนลงถามอย่างเป็นห่วงพอกัน ปัญหาน่าหนักใจที่สุดเป็นปัญหาของลูกชาย
ครอบครัว ‘นันทพิวัฒน์’ มีพ่อแม่ที่วัน ๆ ทำแต่งาน ทิ้งลูกชายให้อยู่คนเดียวลำพังจนเกษียรแล้วต้องมานั่งกุมขมับเอาทีหลัง
“ลูกอิฐ... มีอะไรบอกพ่อกับแม่นะลูก... เราสองคนช่วยลูกได้นะ ช่วยได้ทุกเรื่องเลย” ทั้งแววตาและน้ำเสียงแสนอ่อนโยนของคุณแม่อ้อนวอนอย่างถึงที่สุด หล่อนเฝ้าโทษตัวเองว่าเป็นเพราะไม่มีเวลาให้ลูก และก็จนปัญญาเหลือเกิน
“ไว้มีแล้วผมจะบอก... ขอบคุณมากสำหรับเรื่องเมื่อวานนี้” สองมือรวบช้อนแล้วยกผ้าเช็ดปากอย่างสุภาพ สำหรับงานของคนไข้สาวที่ถูกจองคิวตรวจมาด้วยฝีมือของพ่อแม่เขาเอง
ใบหน้าหล่อเหลาเงยจากถ้วยข้าวต้มว่างเปล่าพอรับประทานมันจนอิ่ม ยกมือไหว้ประนมก้มศีรษะอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับพ่อ แม่... ผมไปทำงานแล้วนะครับ”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเขายังคงไร้อารมณ์ คุณหมอหนุ่มในเชิ้ตสีขาวสะอาดพร้อมทำงานหยัดกายลุกขึ้นสุดความสูง เก็บเก้าอี้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจากไปเงียบ ๆ
เรียกเสียงถอนหายใจหนักของคนข้างหลังที่มองแผ่นหลังของลูกชายไปจนลับตา คุณแม่คงรับประทานอาหารต่อไม่ลง วางช้อนลงบนจานเบา ๆ
“เนตรเป็นห่วงลูกจริง ๆ นะคะพี่ก้อง... ตั้งแต่เลิกกับอันนามา วัน ๆ ไม่พูดจากับใคร ทำแต่งานยังกับจะเป็นเจ้าของโรงพยาบาลซะเอง”
“เออ... นั่นสิ ไอ้ลูกชายฉัน นับวันมันทำตัวยังกับผีดิบเดินได้ พี่อิ่มว่างั้นไหม?” คุณพ่อหันไปถามหาความเห็นจากแม่บ้านสาววัยหกสิบห้าปี อายุมากสุดในบ้านที่เข้ามาเก็บถ้วยชาม เมื่อคืนนี้คนในบ้านเพิ่งจะนั่งดูหนังผีดิบกันเลยนึกขึ้นได้
“เหมือนค่ะคุณก้อง... ถ้าโลกนี้มีซอมบี้ขึ้นมา อีแก่อย่างพี่คงได้วิ่งหนีคุณอิฐคนแรก”
“เออ ดีนะ ดูหนังกันแล้วมามโนเป็นตุเป็นตะ เห็น ๆ อยู่ว่าคน ซอมบี้ที่ไหนจะหล่อขนาดนี้” คุณแม่ชมลูกไม่ขาดปากเป็นประจำ
บ้านใหญ่โตหลังนี้อยู่กันแค่หกคน มีพ่อแม่ ลูกชาย พ่อบ้านแม่บ้าน และคนขับรถยนต์ประจำตัวของนายแพทย์ก้องเกียรตินั้นอยู่ในบ้านหลังเล็กอีกฝั่งหนึ่ง ถัดจากสวนหลังบ้านไป
ยายอิ่มอยู่ในฐานะคนคอยช่วยเหลือดูแลบ้านให้สะอาดเรียบร้อยมากเสียกว่าคนใช้ ด้วยทำงานมาสามสิบปี เมื่อก่อนนี้ยังเป็นแม่นมคอยดูแลลูกชาย และลูกสาวเพื่อนสนิทเจ้าของบ้านให้เวลาทุกคนออกไปทำงาน นำเด็กน้อยมาฝากไว้กับแม่บ้าน