Chapter 5
เสียงก้องตรงบันไดหนีไฟนี้คงจะมีแค่เสียงของเธอ...
หลายวันแล้วที่ต้องใจแข็งไล่คนเคยนอนเคียงข้างกอดกัน หนุนนอนแขนแข็ง ๆ แทนหมอน พูดคุยกันได้ทุกเรื่องไร้สาระ เสียงหัวเราะคิกคักของหล่อนยังดังอยู่โสตประสาท อาบน้ำด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน
พัสกรไม่ต่างจากผู้ชายตัวโต ๆ แต่กลับทำตัวไม่แมน เหมือนไม่ใช่คนด้วยซ้ำไป!
“ไอ้พัด... มึง... อย่ากลับมาอีกละกัน... ฮือ!”
หลายนานที่พร่ำด่าทอสาวหล่อวัยสามสิบปีว่าใจร้ายเท่าไร จู่ ๆ ดวงตาคู่สวยก็กลอกไปมา พยายามกดเสียงตัวเองให้เงียบลง...
ตึง... ตึง ๆ.. ตึง!
ทางหนีไฟอาจมีเสียงคนเดิน สำหรับผู้พักอาศัยบางคนที่ขี้เกียจรอลิฟต์หรือช่างซ่อมมาทำงาน นับเป็นเรื่องปกติ... ทว่าวันหยุดแล้วจะไม่มีใครนอกจากเธอ
เร็วกว่าความคิด ร่างบางลุกพรวดขึ้นไปเกาะราวบันไดมองไปทางข้างล่าง ทางวนเวียนละลานตา
ไม่มีใครนี่...
อันนาเกือบจะกลับไปนั่งที่เดิม ทว่าทันใดนั้นเอง ความรู้สึกเย็นวาบสัมผัสเข้าบนศีรษะของเธอจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง...
หยดน้ำ...?
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมือแตะหน้าผากลากผ่านมัน แบออกกว้างเพื่อดู น่าเสียดายที่เธอไม่ใช่คนกลัวผี ถึงหนังสยองขวัญชวนขนลุกสักเรื่องจะปรากฏภาพเป็นฉาก ๆ ราวกับว่าในหัวสมองของเธอเป็นม้วนฟิล์ม
“ใครน่ะ!?” ถามดัง สองขาด้วยรองเท้าส้นเตี้ยก้าววิ่งไปตามทาง เป็นวงกลมและก็เพิ่งจะเห็นหลังไว ๆ ที่ลับหายไป มือเปิดประตูตามในอีกชั้นหนึ่งส่ายคอมองซ้ายขวา...
นั่นใคร!?
เป็นโชคดีที่คลาดกันกับหญิงสาวได้พอดิบพอดี หลังจากที่เขายอมทนร้อนแอบมองเธอได้สักพักผ่านกระจกบานเล็ก ๆ ของประตู
มือกระตุกเสื้อเชิ้ตให้เข้าที่ ปาดเม็ดเหงื่อจากหน้าผาก ร่างสูงก้าวฉับ ๆ เดินไปในอีกฝั่งหนึ่งของคอนโดมิเนียมใหญ่โต มีลิฟต์มากกว่าหนึ่งตัว ตึกยังเชื่อมต่อกันด้วยสวนหย่อมกว้างขวาง
รอยยิ้มมุมปากปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา พร้อมกับแผนการหนึ่งที่เขาแน่ใจว่าจะใช้มันต่อรองกับเธอได้
ฮึ! อันนา... คราวนี้พี่ไม่ปล่อยเธอไปแน่!
“พวกยูสองคน...! บอกว่าไอเจอพี่อิฐเป็นพรหมลิขิตแป๊ะซะอะไรวะ ใช้สมองส่วนไหนคิดเนี่ย” เสียงประท้วงโวยวายดังเสียจนลูกค้าโต๊ะข้างกันยังต้องหันมอง
สาวสวยลูกครึ่งไทย-อังกฤษคือนับดาว ไลลา นั่งอยู่ในฝั่งตรงข้ามกับอันนาที่เป็นลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์
ทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่จบโรงเรียนนานาชาติย่านชานเมืองนนทบุรี จนเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเรียนที่เดียวกัน ถึงวันนี้ต่างคนจะแยกย้ายไปทำงานคนละที่กลางเมืองกรุง ไม่ไกลจากกันมากนักจึงนัดเม้าส์มอยกันได้บ่อย ๆ ตามร้านกาแฟ ยิ่งเวลาที่มีปัญหา
ส่วนใหญ่มักเป็นของปัญหาอันนา...
“หรือว่าจะเป็นแผนของพ่อแม่ยูวะอัน?” ไลลาถามขึ้นมา บางครั้งพวกหล่อนพูดไทยคำอังกฤษคำเป็นเรื่องปกติสังคมเด็กนานาชาติ
“ไอว่าไม่... ฝีมือบ้านนั้นมากกว่า คุณพ่อคุณแม่พี่หมอเขาอยากได้อันนาเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วจะเป็นใครไปได้”
นับดาวกำลังนึกถึงบ้านคุณหมอรูปหล่อพ่อรวย หล่อนจิบกาแฟเย็นพอชุ่มคอก่อนจะออกความเห็นในทางสนับสนุน
“พี่หมอยูก็ออกจะดีนะ โปรไฟล์เพรียบพร้อม เบ้าหน้าดีเลิศ ดีกว่าผัวทอมอ่ะ เลือกผิดเลือกใหม่เหอะ... ขอเลย”
“เออ... เลิกเอาอีทอมเจ้าชู้ เลิกกับมันไปได้ละ กลับไปคบกับพี่อิฐ ไม่ก็อยู่โสด ๆ สวย ๆ รวยเพื่อนไป ไอหวังดีนะ ถึงได้เตือนเพื่อน”
ความรักบางทีมันก็คงจะห้ามกันยาก อันนาก้มหน้าลงมองพื้นที่ว่างบนโต๊ะ นึกถึงวงหน้าหล่อเหลาเย็นชา คนอย่างเขาไม่เคยเห็นใครสายตา!
“ไม่อ่ะ ไม่เอา... I’m not Okay with him...” ในท่าทางเอาแต่ใจด้วยความเป็นลูกสาวคนเดียว ไลลากับนับดาวรู้ทุกเรื่องของเพื่อน วันที่ทั้งสองครอบครัวปรองดองกัน พวกหล่อนยังไปเป็นพยานงานหมั้นหมาย
“ถ้าคุณพ่อคุณแม่พี่หมอเกิดทวงเงินค่าสินสอดทองหมั้นเมื่อสิบปีที่แล้วขึ้นมาล่ะ ยูจะทำไง? มีปัญญาหามาเฉ่งเรอะ...”
“You told them that you were ok with it... หาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่ได้นะ ยูพูดเองจำได้เปล่า?” นับดาวประท้วงด้วยอีกคน
หญิงสาวก้มหน้างุด ๆ เบะปากพอได้มีคนทักเรื่องเงิน!
งานหมั้นหมายตอนอันนาอายุสิบห้า ครองภพเพิ่งเรียนจบเป็นนายแพทย์ใหม่ ๆ อายุย่างเข้ายี่สิบหกปี บ้านเวลเนอร์ล้มละลายค่อยมาเริ่มทำธุรกิจในเมืองไทยจนตั้งตัวได้ มีเหรอว่าเงินก้อนนั้นมันจะยังอยู่
หัวสมองพลันนึกถึงคุณหมอหนุ่มที่ทำร้ายเธอเอาไว้อย่างเจ็บแสบ แววตาคู่สวยสลดเศร้าฉายประกายเกรี้ยวกราดขึ้นมา
“ไอตัดสินใจไปแล้วป่ะตอนบอกเลิกพี่เขาอ่ะ ไม่เห็นมีใครว่าอะไร แล้วนี่... พวกยูเคยเจอคนที่แบบ... ปล่อยให้เส้นก๋วยเตี๋ยวอืดแล้วกินมันหลังจากนั้นอีกสามสิบนาทีมะ ลูกค้าต่อคิวยาวแค่ไหน พี่แกก็ไม่สน พี่ก้มหน้าก้มตาทำงานตลอดเวลา จนไออิ่มแล้วแกยังไม่เลิกกดหุ้น กดงานในมือถือ กดมันเข้าไปอ่ะ”
สองสาวมองหน้ากันนิ่งอึ้งกับเรื่องที่เคยได้ยินมา อันนาย้ำด้วยท่าทีเป็นตัวของตัวเองเต็มเปี่ยม ขณะทุบฝ่ามือเล็กลงบนโต๊ะ
“พูดจริง! ไม่ใช่แค่เส้นก๋วยเตี๋ยวนะ ราเมน ก๋วยจั๊บ ถ้าพี่เกิดงานเข้า สวมวิญญาณนักธุรกิจพันล้านขึ้นมา... อืด! จนแทบทะลักออกจากถ้วย แล้วแกกินหน้าตาเฉยมาก ส่วนตัวไอคือต้องนั่งรอเมื่อยก้นไปหมด... Life style ของพี่แกไม่มีอะไรไอเลยสักอย่างเดียว”
นับดาวส่ายหน้าไปมา “พี่เขาเป็นคนเงียบ ๆ แสดงออกไม่เก่งมากกว่า พวกไอสองคนเห็นสายตาพี่อิฐมองยู พอยูมองกลับ เขาชอบทำเป็นมองไปทางอื่น”
“yehh That’s him... ไม่เหมือนไอ้พัดมันชอบนอกใจยูจะตาย ติดโรคมาแล้วยังไม่ซึ้งอีกเหรอวะ? ต้องเป็นเอดส์ตายก่อนเหรอ”
“ผู้หญิงที่ไหนตีฉิ่งแล้วเป็นเอดส์ อีบ้า...!”
“ไว้ไอจะถามพี่หมอ คอยดูเหอะ... แต่ไอขอให้เลิก ไม่งั้นพวกไอสองคนนี่แหละจะเลิกคบกับยูแทน!” ไลลาย้ำชัดหนักแน่น ก่อนที่จะลดระดับเสียงลงด้วยไม่อยากให้ใครมาสนใจพวกหล่อนมากนัก ด้วยหน้าตาสะสวยและเสื้อผ้า...
ไลลา นับดาวเป็นคนขี้ร้อนก็บ่นว่าอยากใส่สายเดี่ยวหรือเสื้อกล้ามกางเกงยีนส์ มีเสื้อคลุมเล็ก ๆ ตัวไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไปในสังคมคนไทย ไม่เหมือนอันนาที่แต่งตัวคนละสไตล์หากว่าเป็นวันหยุด
วันนี้อันนาอยู่ในชุดคุณหนูเรียบหรูดูดีด้วยเดรสสีแดงเสื้อระบายงานซีทรู เผยให้เห็นต้นแขนและเนินอกขาวเนียน กระโปรงประเข่าออกแนวเด็กมัธยมน่ารัก ๆ ใส ๆ ทั้งที่ปีนี้อายุย่างเข้ายี่สิบหกปีแล้ว
ไปไหนมาไหน ดวงตาสุกใสกลมโตรับวงหน้าเรียวไข่ และความขาวสวยอึ๋ม! ในแบบสาวลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์
หนุ่มน้อยใหญ่ต้องเหลียวมองหลังคอแทบหลุดทุกราย ความมั่นใจของอันนาแน่ว่าเธอเป็นคนที่มี Sex Appeal สูงมากเว้นกับคนคนเดียว
“นี่พวกยูรู้ไหม? ไอเคยนอนแก้้ผ้าถ่างขาอยู่เพราะความเมาปริ้น ตอนเช้าตื่นมายังอยู่ท่านั้น... อ้าซ่า! ส่วนพี่หมอแกนอนข้าง ๆ ในท่าฤษี... ยูเคยเห็นฤษีนอนไหม?” ในน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายบอก ยังทำท่าให้คนในฝั่งตรงข้ามดูคือประสานมือไว้บนหน้าท้้อง พิงคอนอนมองเพดานไว้กับม้านั่งยาวด้วยสีหน้าเหมือนคนตาย! ก่อนจะลุกพรวดบอก
“ไอเคยไปรอถ่ายภาพศพตอนหมอชันสูตรคดีฆาตกรรม ยังไม่เคยเห็นใครแม่งเหมือนศพ! เท่าพี่หมออิฐเลย”
“บางทีพี่แกอาจจะดูจิ้มิ้มาเยอะจนชินชาก็ได้มั้ง วันหนึ่งแกต้องส่องช่องคลอดตั้งกี่อัน ส่องกันจนตาแฉะเลยไหม? พยายามเข้าใจพี่หมอหน่อยดิ” เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนสาวนั้นอันนาคงไม่ได้ขำไปด้วย
“คนเราคบกันมาตั้งหกเดือน พี่อิฐเห็นหน้าไอมาตั้งแต่เกิดนะ ถึงไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันตลอด มันควรจะมีน้ำใจ ควรต้องเอาผ้าห่ม ห่มให้กันบ้างป่ะ...?”
“หรือไม่ของยูมันคงไม่มีอะไรให้น่าดูแหละ...” ไลลาหัวเราะตาม พิงศีรษะไว้กับเพื่อนสาวข้างกายบนโต๊ะโซฟาตัวยาว ตรงข้ามกับอันนาที่นั่งอยู่คนเดียว กาแฟเย็นในแก้วพลาสติกแทบไม่ได้แตะเพราะมัวแต่พูด...
“ถ้าพี่แกจะเกิดอารมณ์เปลี่ยวอยากปลุกปล้ำผู้หญิงสวย ๆ มันยังพอเมคเซ้นส์... แต่นี่... นอนเป็นศพค่ะ”
“พี่หมอยูเป็นหุ่นยนต์ไซบอร์กปลอมตัวมารึเปล่า...? เหมือนในหนังเกาหลีไง”
“เออ... เป็นไปได้นะไลลา เกิดมาฉันยังไม่เคยเจอคนที่แม่งทำตัวได้เหมือนรูปปั้นฉาบปูนตราช้างเสริมโครงเหล็ก เหมือนศพมีชีวิตเท่าพี่หมออิฐ พระอิฐพระปูน... he's freaking like a walking dead!”
ไม่น่าเชื่อว่าอันนาสามารถสาธยายเรื่องราวของคุณหมอน้ำแข็งได้ไม่หยุดปาก ฝั่งสองสาวยังเถียงคอแข็งเชียร์คุณหมอเต็มที่ ต่อให้เขาเย็นชาเท่าไรบางครั้งยังชอบประชดโยนของของเธอทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี
คุยกันไปเพลิน ๆ พอเธอได้ยกฝ่ามือทั้งห้านิ้วขึ้น คงไม่ได้เห็นสีหน้าประหลาดของเพื่อนที่จู่ ๆ ก็อ้าปากทำตาค้าง
“เดี๋ยว ๆ อย่าเพิ่งตกใจ ยังเล่าไม่จบนะคะ ครั้งหนึ่งพี่แกบอกจะนอน อีกครั้งหนึ่งพี่แกบอกจะอ่านหนังสือ... แกคืออยู่ท่านั้นได้ถึงสิบชั่วโมง ถ้าไอหิว... ไอจะต้องนั่งแท็กซี่ออกไปหาของแดกเอง วันไหนอยากเที่ยว ไปเลย... นั่งรถเล่นถ่ายรูปรอบเมืองกรุง ชมทัศนียภาพอันแสนสวยงามเสร็จ พี่แกยังคงอยู่ท่านั้น ให้ไอเล่าเรื่องพี่อิฐ บอกเลยว่าสามวันไม่จบอ่ะ...”
“ให้โอกาสพี่ได้ไหม? อันนา...” คำถามที่ดังขึ้นในอากาศนั้นเธอแค่ตอบ “โอกาส? เหรอ... เฮอะ!”
ดวงตาคู่สวยเบิกโพล่งตะลึง หันหลังขวับมองหนุ่มหล่อที่กำลังพูดถึงข้างหลังทันที ด้วยสีหน้าตกใจกว่า
“พี่อิฐ!”