Chapter 6
พอได้ฟังคำพร่ำพูดยาวเหยียดเกี่ยวกับวีรกรรมมากมายของตัวเขา... ในทางไม่ดี
หากว่าเป็นเมื่อก่อนเขาจะเรียกเธอมาดุปรามไม่ก็ทำเฉยไปเสีย ค่อยหาจังหวะเหมาะ ๆ ทำประชดประชันกลั่นแกล้ง ทำร้ายจิตใจหญิงสาว ด้วยนิสัยของเด็กน้อย...
เมื่อเธอเสียใจและวิ่งหนีไป โลกทั้งใบจะกลับมาเงียบสงบ...
ทว่านานวันเข้ามันก็เงียบเสียจนเหงา... ยังคิดถึงใบหน้าหวานงามหมดจดของหญิงตรงหน้าเหลือเกิน
“มีอะไรคะ? พี่อิฐ อันนานั่งคุยกับเพื่อนอยู่ ไม่ว่างไปไหนกับพี่นะคะ พ่อก้อง แม่เนตร บอกให้อันไปไหนเหรอ? ไม่ได้โทรมานี่...” เสียงหวานประกาศจุดยืนชัดเจน หลังจากที่เธอยอมตามเขามาอย่างว่าง่าย เหมือนผ่าน ๆ มานั้นหากคนที่บ้านขอให้ไปไหนมาไหนกับเขา
ร่างสูงในเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คเข้ารูปสมส่วนหยุดยืนอยู่หน้าร้านกาแฟ ริมทางถนนร้อน ๆ มองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เราไม่ควรเผาพี่ให้เพื่อนฟัง...”
“สิทธิส่วนบุคคลค่ะ อันนาแค่เล่าให้เพื่อนฟังว่าพี่เป็นยังไง? อันนาเลยเลิกกับพี่ไง ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ไม่ได้เผา แล้วนี่... พี่รู้ได้ไงคะว่าอันอยู่สตาบัค?”
“แด้ดดี้บอกว่าเราชอบมาหาเพื่อนที่คอฟฟี่ช็อปสาขานี้” ปลายเสียงนั้นอ้างไปให้อีกคนได้คลายหายจากสีหน้าสงสัย กลายเป็นตะขิดตะขวงใจ
“อ้อ... อุตส่าห์มารอ... มีเรื่องอะไรกับอันนาหรือเปล่า?”
“จำเป็นต้องมีด้วยเหรอ? พี่เป็นคู่หมั้น...”
การที่เขาเอาเรื่องเก่า ๆ มาอ้างนั้นเธอคงไม่พอใจ สิบปีที่ผ่านมาหมั้นกันแม้แหวนที่เก็บเอาไว้ในลิ้นชักจนฝุ่นเกรอะกรัง อันนาไม่เคยหยิบมันมาใส่
“เลิกพูดเรื่องนี้ซะทีเถอะค่ะ พี่จะพูดมันขึ้นมาทำไม? วันก่อนพี่โทรมาหาอันนาก็บอกไปแล้วนี่นา”
เธอยังยืนยันคำเดิมว่าไม่อยากพบหน้าเขาอีก ขอให้เลิกแล้วต่อกันแยกทางกันไปจะดีกว่า หากพ่อแม่ไม่วานขอให้ไปซื้อของอะไรให้
ในความเงียบที่ดวงตาคู่คมฝังลึกลงไปบนใบหน้านวล พร้อมความเจ็บปวดระลอกหนึ่ง
เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนโลกส่วนตัวสูง นิสัยไม่ดีอย่างที่เธอพูดทุกอย่าง และถ้าถึงเวลาที่เธอจะต้องออกจากโลกของเธอ โบกมือลาเพื่อนสาวเพื่อมาสนทนากับเขา ไม่มีคำว่าไม่ได้
คำพูดของเขาคือคำขาด เป็นคำสั่งหากว่าเธอไม่ทำ เธอแค่ต้องดูแลตัวเองอยากไปไหนก็ไป...
ไม่ใช่ตอนนี้...
แม่เคยบอกกับเขาว่าคนเราจะเห็นคุณค่าของสิ่งสำคัญก็ต่อเมื่อสูญเสียมันไป...
“พี่ขอโทษ... ได้ไหม?”
“หืม... อะไรของพี่?” คำถามเต็มวงหน้าหวานราวกับว่าเธอน่าจะหูฝาด พี่หมออิฐปูนของเธอควรพูดคำว่า ‘เป็นเด็ก หัดสงบปากสงบคำ’ เสียมากกว่ามาขอโทษเธอ แต่เขากลับเอ่ยอีกรอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ขอ... โทษ... พูดแล้วไง”
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกโล่งใจ ยกมือขึ้นแนบหน้าอก “ตกใจหมดนะพี่หมอ ทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาลเหมือนเดิมแบบนี้ ถึงจะใช่หมออิฐ พระอิฐพระปูน โธ่... อย่ามาหลอกกันเล่นสิคะ”
แน่ล่ะว่าเขาไม่ได้หลอก... ความคิดของคุณหมอหนุ่มทอดผ่านแววตาคู่คมกริบ ก่อนที่เขาจะหยิบซองสีเขียวจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมา
“พี่ขอเวลาไม่นาน... ไม่เกินห้านาที มวนเดียว...”
ครองภพไม่เคยทำมัน หากว่าเขาอยากทำอะไรเขาก็ทำ เขาดันนึกถึงสิ่งที่เธอพูดตอนยืนฟังอยู่และได้ยินชัดทุกอย่าง
ไฟแช็กจุดติดม้วนห่อยาสูบด้วยกระดาษ มือที่ยกสูงปล่อยควันให้ลอยไปตามลม
คนเป็นหมอรู้ดีว่ามันอาจทำให้ตัวเขาทรมานและตายไวขึ้น แลกกับความผ่อนคลายเพียงชั่ววูบเดียว
“พี่... สูบบุหรี่ด้วยเหรอ?”
“สิทธิส่วนบุคคล...”
“ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ แค่ถาม...” เสียงหวานอ่อนบอกพลางเหลือบมองสีหน้าเย็นชาอย่างเป็นห่วง ขณะที่ชายหนุ่มยกบุหรี่ไว้เหนือศีรษะ ยังไม่ยืนต้นลมให้เธอต้องสูดดมควันพิษเข้าไปด้วย
นัยน์ตาคู่สว่างใสกวาดมองใบหน้าหล่อเหลาลงตัว ปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเข้ากับทรงผมเรียบเสยขึ้นอย่างเรียบร้อย
เธอไม่อยากเชื่อว่ามนุษย์อนามัย ดูแลตัวเองทุกกระเบียดนิ้วให้อยู่ในสภาพหล่อเหลาพร้อมคำพูดว่า ‘บุคลิกที่ดีคือการทำงานที่ดี’ ‘การออกกำลังกายเอาชนะโรคภัยไข้เจ็บ’
กระทั่งหุ่นกำยำเป็นล่ำสัน... ฟิตเปรี้ยะ! เพราะเข้าฟิตเนสทุกอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่าสองวัน คนอย่างเขาหรือจะยอมแตะต้องของทำร้าย ทำลายสุขภาพ
ตั้งแต่ที่เลิกรากันไปอย่างเป็นทางการ เธอไม่ค่อยจะได้ไปเที่ยวเล่นบ้านคุณพ่อก้องเกียรติ เขาดูซูบซีดลงเล็กน้อย
ครองภพใช้เวลาแค่สองถึงสามนาทีในการจัดการกับบุหรี่มวนเดียวในพื้นที่สูบบุหรี่ กดมันทิ้งลงในทรายแม้ว่ายังไม่หมดมวน ก่อนที่จะกลับมาสนทนากับเธอ
“กลับมาคบกับพี่... ขอเวลาแค่หกเดือน ถ้าเราไม่โอเคเหมือนที่เราบอกเลิก พี่จะเป็นฝ่ายไป ไม่ยุ่งวุ่นวายกับเราอีก...”
“ถ้าไม่ล่ะ...” เธอขัดขึ้นมาและไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องคอขาดบาดตาย!
“พี่จะบอกแด้ด มัม พร้อมใบรับรองแพทย์ เรื่องที่เรามีเซ็กส์กับทอมจนช่องคลอดติดเชื้อ อ้อ... เรื่องที่เราอยู่กินกับทอมด้วยคอนโดที่แด้ดดี้เป็นคนจ่ายเงินดาวน์ด้วย”
ท่าทีดื้อรั้นของอันนาหายไปราวกับว่าเป็นคนละคน กับเรื่องที่ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไง!
“เลิกกันไปแล้วป่ะ พี่อิฐจะมาอะไรอีกเนี่ย...” งึมงำบอกอย่างรู้สึกประหม่ากลัวกับท่าทางแปลก ๆ ของคนข้างกาย น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้นด้วยท่าทางขู่ให้กลัว
“อันนา... พี่ไม่ได้มาอ้อนวอน พี่ไม่ได้อยู่ในสถานะนั้นเลย”
“อืม ๆ ตามใจค่ะ”
“ไม่ใช่ตามใจ เต็มใจ... เราต้องเต็มใจคบกับพี่”
คำพูดของครองภพยังเป็นคนชอบสั่ง เธอรู้อีกด้วยว่าถ้าไม่ทำตามคำขอ เขาพร้อมจะวิ่งโร่ไปบอกพ่อและแม่เธออย่างไม่รีรอ เผลอ ๆ ว่าอาจมีการเอ่ยเรื่องสินสอดร่วมสิบล้าน! ซึ่งทางผู้ใหญ่กำชับเอาไว้ว่าถามแล้วนะเธอว่าจะหมั้นหรือไม่หมั้น ไม่บังคับ แต่ถ้าผิดสัญญาต้องคืนแก่ฝ่ายชายทั้งหมดตามธรรมเนียมหมั้นของไทย
ด้วยความเป็นเด็กสาวยอดกตัญญู เห็นว่าพ่อแม่กำลังล้มละลายต้องย้ายถิ่นฐานกลับมาพำนักเมืองไทย บ้านเก่าของแม่ เงินก้อนโตทำเอาเธอตาลุกวาว อันนายอมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างหากว่าเธอเกิดเปลี่ยนใจทีหลัง
“มีทางเลือกไหมล่ะ?”
“อันนา...” เสียงทุ้มแผ่วลงอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยพูด ไม่เคยอ้อนวอนขอร้องอะไรจากใครแม้สักอย่างเดียวในชีวิต
ดวงตาคู่คมเอ่อคลอจับจ้องนัยน์ตาคู่สวยสีฟ้าคราม...
ความรู้สึกเศร้าเสียดายนั้นอีกคนจะคิดอย่างเขาหรือเปล่า? เธอแค่มองเขานิ่ง ๆ และรอ...
อันนาเป็นคนเดียวที่ยอมอยู่กับเขา อดทนความงี่เง่า เอาแต่ใจตัวเอง อีโก้สูงปรี้ดติดเพดานของคนอย่างเขาได้ถึงหกเดือน รอเขาทานข้าวจนอิ่มได้ถึงสามสิบนาที โดยไม่มีใครรอได้แม้แต่พ่อแม่ของเขาเอง
ที่จริงแล้วก็เป็นฝีมือของแม่เขานั่นแหละพูดขึ้นมาว่า ‘ลองคบกันจริง ๆ จัง ๆ สิลูก’ เขาและเธอถึงได้เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน
แต่เขาก็เป็นอย่างนั้น เอาแต่ตัวเองเหมือนเดิม...
“พี่... ไม่มีข้อแก้ตัว... พี่นิสัยไม่ดี แต่พี่จะปรับปรุง... ตั้งแต่เราบอกเลิกพี่ไป พี่เครียดมาก... พี่ไม่มีความสุขเลย”
เสียงอึก ๆ อัก ๆ ของคุณหมอหนุ่มบอกว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน อันนาเองก็ไม่คิดว่าจะได้ยิน ไม่คิดมาก่อนว่าเขาอาจมาขอโอกาส... ที่คงเป็นไปไม่ได้
“จะให้ทำไง อันนาหมดใจให้พี่ไปนานแล้ว แต่ถ้าอยากคบก็คบเป็นเพื่อนเป็นพี่น้อง เป็นแบบเดิม คบ ๆ ไปอย่างที่พ่อแม่แฮปปี้นั่นแหละ”
ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายเย็นชากับเธอก่อน ไม่ได้ดูแลเธอเหมือนกับว่าเป็นแฟนจริง ๆ เลยสักนิด ท่าทางตัดพ้อของเขาบอกว่าเธอผิด...
“ที่พี่ยอมมาพูดเพราะพี่อยากพูดเอง... พ่อแม่พี่ไม่สบายใจตั้งแต่เราทำตัวหายหน้าหายตา แด้ดดี้ แม่ผกาชวนพ่อไปดินเนอร์ เราก็ไม่เคยไป”
“ไว้อันนาจะไปไหว้พ่อกับแม่นะ ขอโทษแล้วกันค่ะ...” เธอพูดมันมามากกว่าหนึ่งครั้ง ตั้งแต่วันที่ไม่ได้ไปไหนกับเขาอีก
ใบหน้าสดสวยคร่ำเครียดด้วยความหนักใจ เธอยังรักและเคารพคุณพ่อคุณแม่ของเขาเหมือนเป็นพ่อแม่แท้ ๆ ของเธอเอง คราวพ่อเธอล้มละลายหรือแม่เดือดร้อน ครอบครัวคุณหมอก็ยื่นมือมาช่วยเหลือ
การบอกเลิกพี่อิฐเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากทำแม้สักนิด...
“อีกเรื่องหนึ่ง... เลิกกับไอ้ทอมนั่นซะ พี่ไม่พูดซ้ำนะครับ” น้ำเสียงประกาศิต ความเย็นยะเยือกซึมลึกทั่วทั้งวงหน้าหล่อเหลา หญิงสาวก้มหน้าลงมองพื้นคอตกตอบเสียงอ่อน
“ก็ได้ค่ะ... พี่อิฐ”
“ไปขึ้นรถ...” สั่งแล้วเขาจึงเดินนำหน้า พาเธอไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างหน้าร้านกาแฟ