Chapter 8
ความโดดเดี่ยวลำพังตลอดหลายเดือนมานี้ของเขาสลายหายไปกับอากาศ มันเต็มไปด้วยความสุขล้นหลังอารมณ์โมโหระลอกใหญ่สิ้นสุดลง เพียงสมองรับรู้ว่าเธอเป็นของใครมาก่อน ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตาม เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรหรือจะเกิดผีเข้าอย่างที่เธอว่า...
บีเอ็มดับบลิวสีดำสนิทแล่นไหลไป ช้า ๆ ท่ามกลางแสงไฟนวลอ่อนจากภายนอกตัวรถ กระทบลงบนใบหน้าหวานหมดจด เส้นผมนุ่มหอมสีน้ำตาลสลวยลู่ไปกับเรือนกายอรชร จมูกรับรู้และเคยได้กลิ่นผ่านแชมพูขวดเดียวกัน คราวหญิงสาวมานอนเล่นบ้านเขาเป็นประจำ
ทุกครั้งที่อันนากลับบ้าน หัวใจด้านชามันแทบกระเด็นออกมานอกอกอย่างไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน
แม้ในวินาทีที่เขาเห็นแฟนสาวเธอและคิดว่าตัวเองควรตัดใจได้ แต่ไม่เลย... มันทรมานเหมือนหายใจทิ้งไปวัน ๆ
เขาได้เธอคืนมาแล้วสินะ...
“อันนา...” เสียงพึมพำเรียกเบา ๆ ทว่าอีกคนคงไม่มีปฏิกิริยาตอบ เสียงผ่อนลมหายใจของร่างบางในเดรสตัวสวยสีแดงบนที่นั่งข้างกันบอกว่าเธอคงหลับสนิทดี
ระยะเวลารถติดนั้นเขาไม่ลืมหยิบเสื้อตัวโตข้างหลังมาคลุมไว้ให้ เพราะกลัวบางคนจะหาว่าเขาไร้น้ำใจอีก ทั้งที่วันนั้นเขาออกไปข้างนอก กลับมาเบิกตาค้างตกใจพอดีกับที่เธอตื่น เลยแกล้งทำเป็นหลับ... ท่าฤษี อย่างที่เธอว่า
สูตินรีแพทย์อย่างเขาเห็นมาไม่รู้กี่ร้อยพัน ดันตื่นตะลึงกับช่องคลอดอันเดียว และที่มาเจอเธอในห้องตรวจ... บอกเลยว่าเขาแทบบ้า!
พูดไม่ค่อยเก่ง... แต่รักหมดใจ...
เสียงทุ้มนุ่มละมุนหูของนักร้องหนุ่มทอดอารมณ์ผ่านท่วงทำนอง คลอไปกับอากาศเย็นฉ่ำในรถตอนนี้ อีกคนก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่รับรู้... เหมือนตัวเขาที่ไม่สามารถเปิดใจให้ใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว
กระทั่งวันที่เธอหันหลังให้เขา และเดินจากไปท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บเย็นจับใจ
ต่อไปนี้เขาคงจะทำให้อันนาทุกอย่าง...
“พี่จะไม่ให้เราไปไหนอีกแล้วนะ อันนา...” ในน้ำเสียงแสนอ่อนโยนแกมเจ้าเล่ห์ ครองภพพูดกับคนหลับได้ ราวกับว่าโลกส่วนตัวอันแสนกว้างใหญ่ใบนี้มีอีกคนเข้ามาอยู่ด้วยเสียแล้ว
ไม่นานก็ถึงบ้านริมชานเมืองในเขตปริมณฑล บรรยากาศโครงการเงียบสงบ โอบล้อมด้วยธรรมชาติเดินทางเข้าเมืองสะดวก ถึงประมาณรถหนาแน่นเป็นปกติเวลาเร่งด่วน การจราจรติดขัดทั่วทั้งกรุงเทพรอบในและรอบนอก
คุณลุงสารถีประจำบ้านมารอหน้าประตูบ้าน หลังจากที่เขาโทรบอกล่วงหน้าว่าอันนาขนของมา จะกลับมาอยู่ห้องเดิมบ่อย ๆ
“ลุงยกของเข้าบ้านครับ ผมดูน้องเอง”
นั่นทำให้สารถีวัยหกสิบ อยู่บ้านหลังนี้มานานถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะตอบ “ครับคุณอิฐ เดี๋ยวลุงยกของไปไว้ห้องคุณอันนาให้ครับ”
“ขอบคุณครับ”
ความสุภาพของคุณหมอหนุ่มมีให้กับทุกคนในบ้าน แม้เป็นคนขับรถหรือพ่อบ้านแม่บ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกันมานาน
ทุกคนรู้ว่าอย่างหนึ่งที่เขาไม่ชอบคือการถูกเนื้อต้องตัวใคร โดยเฉพาะผู้หญิงด้วยวันหนึ่งก็เห็นจนตาลาย บางวันเลิกงานมาพาลปวดหัวด้วยอีกต่างหาก กับการโหมงานหนักตลอดวัน แม้เป็นโรงพยาบาลเอกชน ด้วยความที่เขาเป็นหมอใช้ทุนเรียนจบไปในช่วงแรก ๆ ตอนนี้ก็เป็นวัยเก็บเงิน
พร้อมด้วยสัญญาทาสหนึ่งใบของโรงพยาบาลที่พ่อเป็นหุ้นส่วนใหญ่ อาจจะติดตัวเขาไปจนตายบนกองเงินกองทอง!
เป็นเรื่องยอมรับกันว่าหมอรายได้ดี... เป็นสาเหตุหนึ่งที่เขาเลือกตั้งใจเรียนตามพ่อแม่
ต่างจากอันนา เธอเลือกเรียนตามสาขาวิชาตามใจตัวเองล้วน ๆ ระหว่างเรียนเธอยังไปเข้าคอร์สถ่ายรูปเพราะชอบเล่นกล้องด้วยอีก
ประตูเปิดออกกว้างด้วยมือหนาชะงักนิ่งอยู่ในท่านั้น ขณะดวงตาคู่คมพิจารณาคนหลับบนรถว่าควรทำอย่างไรดี โดยที่เขาไม่ต้องปลุกเธอ...
ก็ต้องเป็นเจ้าหญิงของพี่อิฐสินะ...
วงหน้าหล่อเหลาระรื่นความสุขบาง ๆ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอดีต
เขายังจำได้ว่าสักประมาณสิบสามขวบ มีเด็กสาวตัวน้อยมาชวนเล่นเจ้าหญิงเจ้าชาย ไม่แปลกที่เธอจะโดนไล่ให้รับบทนางซินเดอเรลล่า ไปเก็บกวาดบ้านเป็นคนรับใช้แทน...
อันนายอมทำตามใจเขาทุกอย่าง หยิบจับไม้กวาด กวาดฝุ่นในห้องหนังสือทั้งน้ำตา เพราะอยากจะเล่นกับเขาที่ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากหนังสือ...
วันหนึ่งสายตาของเขามันก็สั้นและพร่าเลือนจนต้องใส่แว่นหนาเตอะ หากพอโตขึ้นเขาเลือกที่จะดูแลตัวเองให้ดูดีในสายตาอันนาด้วยการใส่คอนแทคเลนส์
ไม่รู้จะใส่ไปทำไม... ในเมื่อเขายังเป็นคนตาบอดมองไม่เห็นความเอาใจใส่ของเธอสักครั้ง
“คุณอิฐ... เอ่อ ของหมดแล้วนะครับ มีอะไรอีกไหม?” คุณลุงเอี่ยมทักคนที่ไม่ปิดประตูรถสักที ยังยิ้มน่ากลัวประหลาด
“หมดแล้วครับ” เขาหันไปบอกชายสูงวัย กวาดตามองสัมภาระหลายชิ้น จึงค่อยโน้มตัวลงปลดเข็มขัดนิรภัย ประคองศีรษะน้อยไม่ให้ร่วงหล่น
ทว่าพอเส้นผมนุ่มหอมสีน้ำตาลสวยลู่ไหลลงบนบ่า ปลายจมูกโด่งเป็นสันคมจรดอยู่ตรงนั้น... บนหน้าผากเนียนที่ทำให้แทบอดใจไม่ไหว วงแขนสอดประคองเอวคอดกิ่วผ่านเดรสตัวสวยกระชับเธอเข้าหาอ้อมแขน ก็คงหลุบมองเห็นหน้าอกคับแน่นผ่านช่วงอกที่เป็นผ้าชีฟองมองทะลุถึงข้างใน
เนื้อตัวและเส้นผมกรุ่นกลิ่นธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้นึกเสียดายอยู่ว่าแม่คนตัวเล็กเอวบาง ทั้งนุ่มทั้งหอมขนาดนี้... อดใจมาได้ยังไงไหวตั้งสามสิบสองปี!
ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคอ สลัดอารมณ์ฟุ้งซ่านออกจากหัวสมอง รวบข้อพับขาวเนียนขึ้นอุ้มอย่างระวังมือพร้อมเสื้อคลุมตัวโต เขาทำมันได้ดีโดยคนตัวเล็กไม่สะดุ้งตื่น
เสียงผ่อนลมหายใจเข้า-ออกช้า ๆ ของร่างเบาหวิวในอ้อมแขน ทุกก้าวย่างเดินเหยียบผืนหญ้าผ่านสวนหน้าบ้านไป ทั้งสารถีและคุณพ่อก็คงจะเห็น หรือแม่บ้านสักคนนี่แหละตัวดี คงวิ่งไปส่งข่าวอย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าม้าเร็วส่งสาร
“อิฐ... ลูก...?” คุณพ่อทักอย่างสงสัย พอมานั่งรออยู่ในห้องรับแขกหลังไปทำธุระประปรังข้างนอกมาเหมือนทุกวัน
“สวัสดีครับพ่อ...” ในน้ำเสียงนิ่งเรียบ คงยากกับการยกมือไหว้เขาจึงพยักหน้าให้พ่อแทน ก่อนเดินไปโดยไม่สนใจคนข้างหลังที่ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก ยังกดโทรศัพท์อย่างไม่ต้องเดาเลยว่าคงจะโทรไปรายงานคุณนาย
เหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าเข้าบ้านมา ไม่ใช่ลูกชายบ้านนี้ที่ควรบอกสารถีว่า ‘ลุง... ปลุกเธอให้เดินเข้าบ้านไป ปัดเบาะบนรถให้ด้วยอย่าให้มีเส้นผม’ ซ้ำยังปิดประตูใส่หน้า นั่นคือที่คนรอบกายเห็นมาตลอด
บ้านสามชั้น ห้าห้องนอน ที่จอดรถ และพื้นที่ใช้สอยของพ่อบ้านแม่บ้านอีกต่างหากเหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ห้องนอนแขกนั้นอยู่ในชั้นสอง ถัดจากห้องนอนของเขา
ชายหนุ่มก้าวขึ้นบันไดโดยไม่ลำบากอะไร กับการอุ้มคนตัวเล็กที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว จนถึงประตูไม้สลักมีสติ๊กเกอร์ดอกไม้ติดอยู่ มันเก่ามากเสียจนไม่ต้องบอกเลยว่าเป็นฝีมือเด็กน้อยเมื่อนานมาแล้ว
เสียงเปิดประตูดังแกร๊ก... พาเปลือกตาขาวปรือขึ้นลงเบา ๆ ก่อนที่คนสะลึมสะลือจะตื่นเต็มตาเพราะผู้ชายที่อุ้้มเธอ!
“พี่... อิฐ...?” ในคำถามเต็มวงหน้าหวาน เธอรู้สึกว่ากำลังอยู่ในความฝัน มือเล็กสั่นเทาบนแผงอกกว้าง ขณะที่เขาไม่ได้ตอบอะไร วางเธอลงบนที่นอนอย่างเบามือ นั่งลงข้างกันแล้วจึงค่อยถาม
“หิว... ไหม? กินอะไรมาหรือยัง?”
“เอ่อ... กินกาแฟมาแล้วค่ะ”
“ตกขาวหายหรือยัง?” ในน้ำเสียงสุขุม เขาไม่พอใจตั้งแต่วันนั้นและก็เสียใจอย่างไม่อยากจะให้อภัยตัวเอง
แสงแดดอ่อนรำไรของยามเย็นส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องที่มีแค่เธอและเขา หญิงสาวก้มหน้าลงบอกเสียงแผ่ว
“หายแล้วค่ะ”
“ไหนมา...”
“ไม่เอา! พี่อิฐ...” ร่างบางขยับถอยพรวดหลังชนหัวเตียง แก้มขาวนวลแดงซ่านพอนึกถึงวันที่นอนแหกให้คุณหมอแปลกหน้าตรวจ!
ถ้ารู้ว่าเป็นเขาแน่ล่ะว่าไม่มีวันที่เธอจะยอมขึ้นเตียงขาหยั่ง
“ไม่ต้องมาดู... หมดเวลางานพี่แล้วไม่ต้องมายุ่งกับจิ้มิ้อันนา...”
เห็นมาหมดแล้วเนี่ยนะ... จะมาอายอะไร?
เพราะไม่ได้พูดไปจึงยกมุมปากอย่างอารมณ์ดี หญิงสาวกลัวอยู่แล้วยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ นั่งตัวงอบนเตียงขนาดคิงไซส์ ในห้องนอนกว้างขวางตกแต่งเป็นอย่างดี
“รีบนอนล่ะ... อย่าให้เห็นว่าเล่นโทรศัพท์แชทกับไอ้ทอมนั่น”
“ร้อยวันพันปีไม่เห็นมาวุ่นวายเรื่องส่วนตัว อันนาจะคบใคร ไม่เห็นเกี่ยวกับที่พี่ขอกลับมาคบกันเลย”
น้อยครั้งนักที่เธอจะกล้ามีข้อโต้แย้งกับเขา ด้วยความดุ! ชายหนุ่มยังมักเอาความเป็นผู้ใหญ่เข้าข่มขู่เสมอ
“พี่เป็นคู่หมั้น มีสิทธิ์สั่งมาตั้งนานแล้ว... ที่ไม่พูดเพราะคิดว่าจะฉลาดคิดได้เองว่าพี่ไม่ชอบ” พูดแล้วเขาจึงลุกขึ้นยืนสุดความสูง เหลือบตาลงมองคนโดนต่อว่าคอพับคออ่อน เบะปากเป็นเด็กน้อย
ในความคิดของครองภพนั้น การที่อันนากลับมาว่านอนสอนง่ายเป็นเรื่องดีกับเขาอยู่ ทว่าสีหน้าท่าทางทำตัวลีบเล็กเหมือนเห็นเขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนสักตัว เป็นอะไรที่เขาไม่ชอบ...
ใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยมาตลอดจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ ไร้ความอดทนโดยสิ้นเชิง
“พรุ่งนี้เจอกัน พี่จะโทรบอก แด้ด มัม มาทานอาหารที่บ้านตอนเช้า”
พ่อแม่ของอันนานับได้ว่าเป็นพ่อแม่ของเขาด้วยเช่นกัน เขาเรียกแบบนั้นมาตั้งนานแล้วก่อนเธอจะเกิดเสียอีก
แต่ในสีหน้าของคนที่ทั้งกลัวทั้งงุนงง หญิงสาวชักไม่แน่ใจว่าเขาใช่คุณหมออิฐปูนคนเดิมของเธอหรือเปล่า หากพอมองแผ่นหลังแกร่งของเจ้าของร่างสูงที่เดินจากไป ปิดประตูลงเบา ๆ เธอคงได้แต่หวังว่าความสัมพันธ์ของคำว่า ‘แฟน’ ในความหมายของเขาจะยังคงเป็นเหมือนเดิมคือต่างคนต่างอยู่...