Chapter 12 แค่อยากจูบ

1571 Words
โถงของโรงแรมที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตร โรงแรมชื่อดังแห่งนี้ที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้อย่างครบถ้วน ช้างแกะสลักลวดลายบนไม้สักแผ่นใหญ่เป็นของโบราณหายากติดอยู่บนผนังเชื่อมต่อกับทางเข้ามายังห้องจัดเลี้ยง ริ้วทางเดินที่ปูพรมสีแดงทอดลงตามแนวบันไดโค้งเหลือบทองเหลืองโบราญ ตรงมุมเสาทางขึ้นทั้งสองด้านมีช้างแกะสลักคู่ยืนอย่างสง่า ดวงไฟสีเหลืองนวลสาดสลัวให้มองเห็นความงามนุ่มนวล ชายหนุ่มใช้แขนเท้าเชิงราวบันได ทอดสายตามองโถงข้างล่างอย่างชื่นชม สายเลือดความเป็นไทยของเขาคงเข้มข้นมากพอ เพียงแค่มองเขาก็หลงรักลายไทยกนกอ่อนช้อยจนมองข้ามไปถึงอยากนำลายพวกนี้ไปรังสรรค์ลงบนเครื่องประดับชุดพิเศษสักชิ้น ในหัวของนักธุรกิจมือทองอย่างเขา แม้ความงามที่เพียงมองผ่านทางสายตาเพียงแวบเดียว เขาก็สามารถสร้างมันเป็นมูลค่ามหาศาลได้ ริมฝีปากหยักของเขายกขึ้น ยิ้มน้อยๆ ให้กับความคิดของตัวเอง โครงสร้างลาดลายในหัวของเขา ตอนนี้ทำให้เขานึกอยากมีกระดาษสักแผ่นกับดินสอสักแท่ง นั่งในมุมห้องกลางไฟสลัว สเก็ตร่างแบบออกมาคงมีความสุขมากกว่าอยู่ในงานที่วุ่นวาย หมดหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ ลลินก็เลี่ยงออกจากงานทันที ส้นสูงคู่สวยพาเจ้าของเดินโขยกเขยกมาถึงบันได สายตาของเจ้าของรองเท้าก็กวาดมองหาปานดาวไปด้วย ในเมื่อเธอบอกว่าจะรออยู่แถวนี้ มันก็ควรจะไม่อยู่ห่างจากตรงนี้มาก ปลายขาสั่นระริกเพราะความไม่คุ้นชิน กอรปกับเธอยืนนานทำให้เธอเซจะล้มลง มือเรียวของ ลลินรีบเกี่ยวราวบันไดเอาไว้ แต่หากพลาดเกี่ยวโดนผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ก่อน โดยที่ตอนเดินมาเธอยังมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ มือของหญิงสาวรูดลงกับลำตัวชายหนุ่ม “ขอโทษค่ะ” ลลินละล่ำละลักบอกอย่างที่ไม่ทันมองหน้าอีกคน ชายหนุ่มก้มลงมองตาม เธอคือผู้หญิงที่เขาแอบชื่นชมและยืนมองบนเวที เมื่อครู่ยังสง่างามราวรับนกหงส์หยก แต่ตอนนี้เขาแทบอยากหลุดขำ ใบหน้าของเธอทำให้เขาคิดถึงใบหน้าของแม่สาวเฉิ่มวันก่อนอย่างไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มจำเธอได้ชัดเจน ไม่ต่างจากเธอที่จำความเจ้าเล่ห์ของเขาได้อย่างแม่นยำ “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงนุ่ม ย่อตัวลงพยุงหญิงสาวลุกขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจของสุภาพบุรุษคนหนึ่ง มือหนาโอบรั้งนวลเนื้อนุ่ม สัมผัสกับแผ่นหลังเนียนของเธอพอดี ความรู้สึกครั้งเก่าของหญิงสาวถาโถม คำที่เธอเคยตราหน้าเขาเอาไว้ ทันทีที่ผิวเนื้อโดนแตะต้อง ความรู้สึกในวันวานก็ซัดโครมเขาหาตัว ผู้ชายที่จ้องลวนลามผู้หญิงตั้งแต่แรกเห็น ต่อให้อยู่ในพื้นที่สวยหรูมีระดับปานใด นิสัยและสันดานที่ติดตัวมาก็คงไม่สามารถลบเลือนออกได้เพียงข้ามวัน “บ้ากาม! ชีกอ ลวนลามผู้หญิง ช่วยด้ว...!” ลลินยกมือขึ้นผลักหน้าอกของเขาออก เงยหน้าต่อว่าเขา ร้องบอกให้คนช่วยเสียงดัง ทว่าเสียงของเธอก็ถูกปิดทับด้วยริมฝีปากอุ่นของเขา วินาทีที่ตั้งตัวไม่ทัน ไม่ต้องเสียเวลาคิด สิ่งที่เขาทำอยู่ในก้นบึ้งของความรู้สึกแรก ตั้งแต่เห็นปากกระจับของเธอเอื้อนเอ่ยบรรยายอยู่ก่อนหน้า ชายหนุ่มตั้งใจขยับวงแขนรัดร่างบางแน่นแนบอก ยกตัวหญิงสาวขึ้นพร้อมกดริมฝีปากหนักกว่าเดิม จากแรกแค่ต้องการปิดเสียง หากแต่ตอนหลังคงต้องการปิดรอยความรู้สึกตื่นตัวของเขาเอง ความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาจากความอยากทางร่างกาย ก่อนหน้าแค่อยากจูบ...แต่ตอนนี้มันมากกว่าแค่จูบ สิ่งที่เขาทำยิ่งตอกย้ำความเลวร้ายของเขาในความคิดหญิงสาวให้เพิ่มพูน จูบแรกของลลินกลับเป็นจูบที่โดนปล้น ผู้ชายที่เธอฝังรอยเกลียด ความโกรธของเธอยิ่งก่อพายุ ต่อให้ต้องจนมุมทุกหนทาง เธอต้องหาทางเอาคืนผู้ชายคนนี้ให้เผ็ดร้อน หญิงสาวออกแรงผลักเขาออกอย่างแรง เรียวมือสะบัดฟาดบนใบหน้าสากของเขาสามครั้งติด “สารเลว!” คำพูดของหญิงสาวเหมือนสาดน้ำมันลงกลางกองไฟสวาท ชายหนุ่มประทับริมฝีปากแน่นอีกครั้ง คราวนี้เขาพลิกตัวแม่สาวคนเก่งให้ขึ้นมาเกยอยู่บนตัก หากรสจูบครั้งนี้ก็ทำให้ตัวสั่นราวลูกนกเพิ่งกระเทาะเปลือก ชายหนุ่มย่ามใจ ดวงตาสีมรกตเปล่งประกายอย่างลิงโลด จากรอยจูบดุดันกลับกลายเป็นหยอกเย้า เขาแทรกลิ้นอุ่นเข้าไปดูดชิมความหวานข้างใน ความหวานที่เขาอยากฉกชิมต่ออย่างไม่รู้เบื่อ แต่เขาก็ต้องจำใจถอนริมฝีปากออกเมื่ออีกคนเลิกพยศ หากแต่กลับไม่เป็นดั่งใจคิด เมื่อเจ้าของร่างบางรอดพ้นพันธนาการ นกน้อยตัวสั่นเทิ้มที่เขามอบบทลงโทษให้เมื่อครู่กลับกลายเป็นนางสิงห์อีกครา หญิงสาวสะบัดร้องเท้าสีทองออกจากปลายเท้า ยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง ชายหนุ่มลุกตาม จังหวะที่เขายังไม่ทันระวังตัว หญิงสาวกลัวว่าจะโดนเขาปล้นจูบอีกรอบ สัญชาติญาณการปกป้องตัวเองสั่งให้เธอผลักเขาออก ตบให้ปากแตกอักสักแผล และออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะออกไปได้ หญิงสาวตั้งใจออกแรงตบสุดแรง หากคราวนี้มือของเธอเพียงสัมผัสกับอากาศ ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบก้าวถอยมาหนึ่ง แต่เพราะไม่รู้ว่าข้างหลังสุดเขตบันได ไม่รู้ว่าก้าวเดียวก้าวนั้นของเขาจะเป็นอากาศที่ไม่มีอะไรรองรับ เขาเสียจังหวะ เสียการทรงตัว ร่วงตกจากบันไดสูง “โอ๊ย!” “คุณ!” หญิงสาวปิดปากร้องอย่างตกใจ เธอไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น ที่ต้องการก็เพียงปกป้องตัวเอง แต่ก็สมควรกับผู้ชายบ้ากามอย่างเขาแล้ว “อลัน!” เสียงร้องอีกเสียงตรงประตูทางเข้าโรงแรม ฟิลิปวิ่งเข้ามาถึงตัวชายหนุ่มได้ก่อน เขาช้อนตัวเจ้านายขึ้น ศีรษะของเขามีรอยแตก เลือดสดๆ ไหลอาบข้างแก้มเขาลงมา ตรงนั้นคือสิ่งเดียวที่ทำให้คนยืนมองดูออกว่าเขาเจ็บตรงนั้น “โอ๊ย!” คนเจ็บร้องขึ้นอีกครั้ง “พยุงเบาๆ สิ เจ็บตรงไหนอลัน” เสียงของมาดามแห่งจีแอลกรุ๊ปร้องแหลมปรี๊ด ฟิลิปทำหน้างง เขาไม่ได้โดนส่วนที่เจ้านายเจ็บสักนิด และที่สำคัญเขาทำเบาที่สุดแล้ว คนที่อยู่เชิงบันไดทำหน้าเหรอหรา ทำตัวไม่ถูก เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะผลักเขาตกบันได เพียงแค่ป้องกันตัวเอง และเธอก็ยังไม่ได้แตะสัมผัสโดนเขาด้วยซ้ำ “เบาๆ” เสียงของนางอลันดาตังขึ้นกว่าเดิมอีก นั่นยิ่งเป็นจุดสนใจ นักข่าวที่รีบวิ่งกรูกันเข้ามาดู พอเห็นหน้าชายหนุ่มก็จำได้ กดชัตเตอร์รัวเก็บภาพเอาไว้ก่อน “หยุดเดี๋ยวนี้ ถ้ายังถ่ายอีก ฉันจะแจ้งความ” เสียงแหลมแหวขึ้นอีกรอบ ชี้นิ้วกราดสั่งบอร์ดี้การ์ดที่เดินตามนางเข้ามา พวกเขายังยืนนิ่งเพราะยังไม่รู้ว่าเจ้านายเจ็บมาก ดูจากภายนอกเขาแค่ศีรษะแตกให้เห็นเท่านั้น “มัวยืนทำอะไรอยู่ จะรอให้ฉันเรียกรถโรงพยาบาลเองใช่ไหม แมทซ์ไปไหน” นางอลันดาจ้องเรียงตัว ถามหาแมทซ์ที่ตามลูกชายมาคนเดียว แต่กลับไม่อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่อลันอยู่ในอันตราย ก่อนที่จะหันกลับมามองลูกชายด้วยความเป็นห่วง “เจ็บตรงไหนอลัน” “แขน” อลันตอบเสียงเข้ม เงยหน้ามองหญิงสาวบนเชิงบันไดอย่างคาดโทษและฝากรอยแค้นเอาไว้ จังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ของพยาบาลวิ่งเข้ามาพอดี คงจะมีใครสักคนไปแจ้ง หลังจากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อนางอลันดารู้ว่าลูกชายอาการเหมือนคนแขนหัก “อะไรนะ!” ภาษาไทยคำแรกที่หลุดออกมาจากปากของนาง นับตั้งแต่ก้าวย่างมาเมืองไทย “อาจจะแขนหัก แค่อาจครับ ยังไม่ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถึงแขนจะหักก็ไม่เป็นอันตรายครับ ผมปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แล้ว รอรถโรงพยาบาลสักครู่” บุรุษพยาบาลประจำโรงแรมบอกอย่างนอบน้อม เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเจ็บเป็นใคร แต่ด้วยหน้าที่เขาก็ต้องบริการให้ดีที่สุด “ใครบอกว่าไม่อันตราย” นางอลันตาเสียงเข้มขึ้น “แต่มันเป็นอุบัติเหตุนะครับ เราไม่สามารถรู้ได้ก่อน” “เธอเป็นใคร มีหน้าที่อะไรมาสั่งสอนฉัน” บุรุษพยาบาลไหว้ขอโทษ “ต้องขอประทานโทษด้วยนะครับถ้าทำให้คุณผู้หญิงไม่พอใจ ผมแค่อธิบายให้เข้าใจ” นางอลันดายกมือบอกเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องการฟังอะไร ก่อนที่นางจะหันไปสนใจลูกชาย “เจ็บมากมั้ยอลัน” ยังไม่มีใครได้ยินเสียงตอบของคนเจ็บ เขาเพียงนอนนิ่งๆ และกวาดสายตามองรอบๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD