ตอนที่ 5
กลิ่นเดิม
เสียงทุ้มนุ่มหูของอาจารย์ใหม่ไฟแรงดังแว่วให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆ จากหน้าชั้นเรียน ท่ามกลางเสียงพูดคุยของกลุ่มนักศึกษาที่ต่างพูดคุยกันเกี่ยวกับตัวอาจารย์คนใหม่เป็นระยะ หากแต่ลดลงมาเป็นระดับกระซิบกระซาบแทน ด้วยเกรงว่าจะถูกอาจารย์รูปหล่อดุเอา
'หล่อ คนอะไรหล่อชิบ'
'นั้นอาจารย์เลยนะแก'
'จับอาจารย์ทำผัวก็ไม่เลวนะแก'
'ทะลึ่งจริงนะหล่อน แต่ถ้าเป็นฉัน...ก็เอาเหมือนกันแหละ'
เสียงหัวเราะคิกคักทั้งยังพูดคุยกันอย่างสนุกปาก ทำเอาคนได้ยิน ที่ไม่ได้อยากได้ยิน ส่ายหัวไปมาเล็กๆ ก่อนจะหันมาสนใจกับเนื้อหาการเรียนตรงหน้าแทน เพราะถึงแม้เขาจะผ่านอะไรพวกนี้ไปแล้ว แต่ด้วยความชอบในรายวิชาก็ทำให้วาโยตั้งใจและจดจ่อกับมัน อย่างที่ไม่ต้องแสดงเลยสักนิด
โดยที่เธอคงไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองกำลังตกอยู่ในการสายตาของใครบางคน ที่จ้องมองมาเป็นระยะ
'อาจารย์องศาอะไรนี่ ทำไมเอาแต่จ้องพี่โย หรือว่าสงสัยอะไร?'
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองที่นั่งเคียงข้างวาโย อดตั้งคำถามกับตัวเองในใจไม่ได้ เมื่อเริ่มสังเกตสายตาของอาจารย์มาใหม่ ลอบมองมายังวาโยอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยว่าที่ผ่านมาวานิมตัวจริงก็ไม่ได้สนิทกับเพื่อน หรืออาจารย์คนไหนเป็นพิเศษ นอกจากเขาและซาน ทั้งชายหนุ่มมาดดุที่หน้าชั้นเรียน ยังเป็นอาจารย์ใหม่ที่ไม่เคยเจอว่านิมมาก่อน ความคิดที่ว่าอาจารย์องศาคนนี้จะสงสัยในตัววานิมตัวปลอม ก็ถูกปัดตกไปทันที
'แต่ก็นะ ก็พี่โยเปล่งออร่าขนาดนี้ ไม่แปลกมั้ง' เด็กหนุ่มคิดกับตัวเองอย่างขบขัน แล้วเลิกสนใจอาจารย์หนุ่มไปโดยปริยาย
แต่แล้วดูเหมือนความคิดที่เพิ่งถูกตีตกไป จะถูกกลับมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง เมื่อหลังเลิกคลาสเรียนวันเดียวกันนั้น...
"เดี๋ยว คุณตรงนั้น อยู่ก่อน" เสียงเรียกที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้วาโยและเรอาที่กำลังจะเดินเคียงขนาบกันออกไปชะงัก แล้วหันมามองอาจารย์ใหม่ผู้เอ่ยเรียก
"อาจารย์หมายถึงผมเหรอครับ" เรอาว่าด้วยสีหน้างุนงง ทั้งยังชี้นิ้วเข้าใส่ตัวเองเป็นเชิงถาม
"ไม่ใช่คุณ แต่เป็นคุณต่างหาก" สายตาขององศาบ่งบอกได้ดีว่าคนที่เขาต้องการคุยด้วยเป็นวายโย คิ้วของเรอาและวาโยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย พลางมองสบตากันอย่างไม่ค่อยเข้าใจความต้องการของอีกฝ่ายนัก
"ผมอยากจะขอคุยเรื่องคะแนนของคุณหน่อย ไปเจอผมที่ห้องภาควิชาหน่อยนะ" คนตัวโตว่าแต่นั้นแล้วเดินออกไปทันที ท่ามกลางเครื่องหมายคำถามที่ปรากฏอยู่เต็มหน้าของสองคนด้านหลัง
"นี่เจ้านิมไปก่อเรื่องอะไรไว้รึเปล่า" เสียงกระซิบถามของคนพี่ดังลอดผ่านไรฟันทันที เมื่ออยู่กันตามลำพังกับหนุ่มรุ่นน้องคนเดิม ฝ่ายนั้นได้แต่ไหวไหล่กลับมา เป็นเชิงตอบว่าตนก็ไม่รู้เหมือนกัน
"ถ้าพี่ไม่สบายใจ ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมล่ะ"
"ไม่ต้องหรอก คงไม่มีอะไรหรอก กลับไปก่อนเถอะ" เมื่อคนพี่หน้าหวานต้องการแบบนั้น เรอาจึงได้แต่พยักหน้ารับแล้วทำได้แค่มองตามคนพี่ที่เดินตรงไปยังห้องนัดหมายเท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เข้ามาสิ" เสียงราบเรียบของคนภายในห้องดังลอดออกมา เมื่อวาโยเคาะส่งสัญญาณที่หน้าประตู ส่งให้คนด้านนอกรู้สึกประหม่าไม่น้อย
สองขาเรียวค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องตามคำสั่งช้าๆ ใบหน้าหวานยังคงนิ่งอยู่เพื่อรอดูว่าอาจารย์คนใหม่นี่ต้องการอะไรจากเธอ ไม่สิ ต้องการอะไรจากวานิมกันแน่
"เอ่อ อาจารย์เรียกฉัน...เอ่อ หนู มามีอะไรเหรอคะ" วาโยตัดสินใจเอ่ยถามออกไป เมื่อเข้ามายืนได้สักพักแล้วแต่คนเรียกมา กลับไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ นอกจากกอดอกยืนส่งสายตามองวาโยนิ่งอยู่แบบนั้น
"งั้นเอาไว้อาจารย์นึกเรื่องที่คุยกับหนูออกแล้วค่อยเรียกมาใหม่ดีมั้ยคะ"
"เดี๋ยวสิ"
เสียงทุ้มทรงอำนาจดังขึ้นเสียทีหลังจากนิ่งเงียบมานาน ขับให้สองขาที่กำลังจะก้าวกลับออกไปชะงักลง แล้วเดินกลับมายืนยังจุดเดิมเหมือนเก่า อาจารย์หนุ่มที่ยังคงทำหน้าเคร่งขรึมเริ่มสาวเท้าเข้ามาหานักศึกษาสวมรอยช้าๆ นัยน์ตาสีนิลยังคงจับจ้องอยู่เพียงวงหน้าของวาโยอยู่อย่างนั้น ไม่ละไปไหน
ร่างใหญ่ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนแทบประชิดตัวขับให้วาโยผงะถอยหลังตามคำสั่งของสมอง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่มีท่าทีคุกคามหยุดการกระทำลงแต่อย่างใด ยังคงก้าวเท้าตามติดคนตัวเล็กมาเรื่อยๆ จนแผ่นหลังของคนถูกต้อนไปชนกับผนังห้อง ทั้งฝ่ามือของคนตัวโตยังค้ำยันดักวาโยเอาไว้ทั้งสองข้าง จนไร้ทางจะหนีไปไหนได้อีก
"อะ อา อาจารย์จะทำอะไรคะ?"
คนหน้าเด็กพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นเวลาถามออกไป แค่อีกฝ่ายกับยังคงนิ่งเงียบเหมือนเคย ทั้งยังก้มลงมาประชิดใบหูของคนตัวเล็ก จนวาโยรู้สึกได้ความอุ่นร้อนจากลมหายใจของอีกฝ่ายได้อย่างไม่ยาก แต่นั่นคงไม่ทำให้ลูกสาวคนโตของตระกูลชวัลลักษณ์ รู้สึกหวาดกลัวได้เท่ากับลมหายใจจากปลายจมูกของอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังสูดดมกลิ่นกายของเธออยู่
"อืม กลิ่นเดิม"
"กะ กลิ่นเดิมอะไรกัน อะ อาจารย์ทำบ้าอะไรคะ! ถอยออกไปนะ ไม่อย่างนั้นหนูจะฟ้องผู้บริหาร" คนตัวเล็กกว่าพยายามจะทำเสียงขู่ออกไป ในใจทั้งกลัวแต่ว่าหมอนี่จะเคยรู้จักกับวานิมมาก่อน หรือว่ามีเหตุผลอะไรให้เขาต้องทำแบบนี้วาโยคิดไม่ตกส่งเสียงตะกุกตะกักถามออกไปซ้ำๆ
แต่เหมือนคนคุกคามจะไม่ใส่ใจนัก ถึงได้ยังยกยิ้มกริ่มออกมาแล้วเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาแผ่วเบา พอให้ได้ยินแค่สองคน
"หึ วาโย เป็นเธอนี่เอง"
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ทั้งยังหน้าซีดลงราวกับไก่ต้ม เมื่อได้ฟังคำพูดของคนตรงหน้า คำเรียกชื่อราวกับว่ารู้จักตัวจริงของหญิงสาว ตัวจริงที่ไม่ใช่ วานิม ชวัลลักษณ์ เหมือนที่กำลังสมบทบาทอยู่
***