บทที่ 9
แม้นั่นจะเป็นคำประชดประชันของหญิงสาวก่อนที่เธอจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนและไม่ได้อยู่ในอาการหลับสนิทเพราะร่างเล็กกระตุกอยู่ในอ้อมแขนของเขาเป็นครั้งคราวด้วยความเจ็บปวดแต่อเล็กซานเดอร์ก็ยังอุ่นใจว่าชาลิสาไม่ได้พยศถึงขนาดที่จะคิดหนีไปจากที่นี่
และสิ่งหนึ่งที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจของเขาตลอดค่ำคืนนั้นก็คือคำถามที่ว่า ถูกแล้วหรือที่เขาข่มเหงเธอเพื่อที่จะค้นพบความจริงอันน่าตระหนก นั่นคือชาลิสายังเป็นสาวบริสุทธิ์
แต่เขาก็ไม่ลืมเช่นเดียวกันว่าแดนเซอร์สาวผู้นี้คือต้นเหตุสำคัญที่กำลังจะทำให้ความรักของอดาลีนต้องล่มสลาย น้องสาวของเขายืนยันกับเขาตลอดเวลาที่เธอต้องทุกข์ใจว่าชาลิสากำลังจะแย่งโคลินไปจากเธอ
และเขาก็เป็นพี่ชายที่รักน้องสาว ไม่อยากให้เธอเสียใจเพราะผู้หญิงที่เขาคิดว่าไร้ค่าชอบแย่งผู้ชายจากคนอื่นอย่างหน้าด้าน ๆ อเล็กซานเดอร์คิดกลับไปกลับมาอยู่หลายตลบก็ไม่พบคำตอบที่แท้จริงว่าเหตุใด เขาถึงได้รู้สึกดีแทนที่จะสะใจเวลาได้กอดชาลิสาไว้แนบแน่นอย่างนี้
ชาลิสาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าวันใหม่หลังจากอยู่ในอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ ในอ้อมกอดของอเล็กซานเดอร์และยินเสียงคลื่นซึ่งเธอยังไม่เห็นว่าภายนอกของห้องที่เธอถูกพามากักตัวไว้เป็นเช่นไร
หญิงสาวพลิกตัวไปมาก่อนจะตื่นเต็มที่และรู้สึกว่าร่างกายของเธออยู่ใสสภาพเปล่าเปลือยใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่ที่ปกปิดตัวเธอไว้จนถึงคอ แต่ข้าง ๆ กลับไร้เงาของผู้ชายคนนั้น
อเล็กซานเดอร์ เคลย์ตัน
ผู้ชายร้ายกาจที่ข่มเหงร่างกยของเธอ ทำร้ายจิตใจเธอด้วยการกระทำป่าเถื่อนไม่สมกับที่เป็นนักธุรกิจใหญ่พี่ชายนักร้องสาวคนดังเลยแม้แต่น้อย ยิ่งคิดเธอก็ยยิ่งเจ็บแปลบและน้ำตาเจ้ากรรมก็พาลจะไหลออกมาให้อับอายตัวเองอีกครั้ง
ชาลิสากำผ้านวมไว้แน่น เธอยังจำได้ว่าประชดเขาออกไปเมื่อคืนด้วยการรับปากว่าจะอยู่ที่นี่...แต่อีกนานเท่าไหร่กันที่เขาจะปล่อยเธอกลับไปใช้ชีวิตดังเดิม
ไม่สิ...ชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างสำหรับเธอเปลี่ยนแปลงไปจนหมด เธอกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่าเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเพราะผู้ชายที่ติดอยู่กับความโกรธแค้นโดยไม่ฟังเหตุผลคนนั้น
“ชาล็อต”
เสียงที่ดังขึ้นพร้อมบานประตูที่เปิดออกทำให้ชาลิสาสะดุ้ง หญิงสาวตกใจและรีบกุมผ้านวมที่ห่อหุ้มร่างของเธอไว้ราวกับกลัวมันจะสูญหาย อเล็กซานเดอร์ในชุดลำลองก้าวเข้ามาในห้องนั้น ห้องที่ไม่มีหน้าต่างแต่แสงแดดที่ลอดช่องไม้เข้ามาอาบไล้ผิวสีแทนของเขาเป็นประกาย
ปฏิเสธได้ยากว่าอเล็กซานเดอร์เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาเข้าขั้น ใบหน้าของเขามีส่วนละม้ายคล้ายอดาลีนที่ก็สวยชนิดผู้ชายมองเหลียว แต่สองพี่น้องคงมียีนเหมือนกันไม่แตกต่าง นั่นคือความร้ายกาจ เลือดเย็นและไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใคร
“ตื่นแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำสิ”
เขากล่าวขณะนั่งลงที่ขอบเตียง ชาลิสาขยับตัวลุกนั่งหลังพิงหมอนและมองเขาอย่างไม่ไว้วางใจ
“ฉันอาบแน่แต่คุณต้องออกไปจากห้องนี้ก่อน”
เขาเลิกคิ้วสูง “สั่งผมได้ด้วยหรือชาล็อต ผมเป็นเจ้าของที่นี่นะ”
“แต่ฉันก็ต้องการความเป็นส่วนตัว...ฉันสัญญากับคุณแล้วว่าฉันจะไม่ไปไหน คุณก็ควรจะให้สิทธิ์ฉันบ้าง”
เขายักไหล่ “แต่การที่ผมจะอยู่หรือไม่อยู่ในห้องนี้มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเรานี่”
“ฉันไม่เคยตกลงกับคุณ” เถียงไม่ลดละ ดวงหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเมื่ออเล็กซานเดอร์กวนประสาทเธอ “ฉันแค่สัญญากับคุณเท่านั้น”
ชาลิสาหาเหตุผล แต่สายตาของเธอไม่อาจละไปจากกรอบใบหน้าคร้ามเข้มของอเลกซานเดอร์ได้เลย เธอเห็นเขาชัด ๆ ก็ตอนนี้ อเมริกันหนุ่มที่ตัวโตและเรือนร่างภายใต้ชุดลำลองของเขาสมบูรณ์แบบ
ต้องใช้คำนั้นเลยทีเดียว หญิงสาวอดที่จะคิดถึงรอยปากหยักหนาได้รูปที่ประทับจูบบนกลีบปากของเธอไม่ได้ จมูกของเขาโด่งเป็นสัน ดวงตาสีอำพันใต้ปื้นคิ้วหนาขับความคมเข้มของใบหน้าราวเทพสลัก
ทำไมเธอต้องมองเขา...ชาลิสาอยากจะหยิกตัวเองนัก เธอยังคิดถึงอ้อมแขนแข็งแรงนั่นที่ตระกองกอดเธอตลอดทั้งคืน เธอต้องบ้าไปแล้ว...ชาลิสา เธอคิดถึงเขาได้อย่างไรกัน ทั้งสัมผัสนั่นและลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดบนผิวของเธอ
และโดยที่เธอก็ไม่ทันได้สังเกตุเขาเช่นกันว่าดวงตาคมคู่นั้นก็จับจ้องผิวผ่องผาดของเธอบนไหล่เปลือยกลมกลึงที่โผล่พ้นผ้านวมออกมา อเล็กซานเดอร์กดเก็บความรุ่มร้อนที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก เขาอยากสัมผัสลูบไล้และทำอะไรต่อมิอะไรอย่างที่เขาทำเมื่อคืนกับแดนเซอร์สาวอีกหน
ชาลิสาเต็มตึง อวบอิ่มและนุ่มนิ่มไปทั้งตัว เขายังจำรสหอมหวานในริมฝีปากจิ้มลิ้มและกลิ่นละมุนจากตัวเธอที่ผสานกับกลิ่นจัสมินวานิลลาของดอกกล้วยไม้ที่ถูกนำมาตกแต่งภายในห้องนั้นได้
“ผมจะรอจนกว่าคุณจะอาบน้ำเสร็จก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนโดยเอามือสอดไว้ที่ท้ายทอยอย่างสบายใจ ชาลิสานิ่วหน้า
“ไม่เห็นจะต้อง...”
“ผมจะพาคุณออกไปกินอะไรข้างนอก หิวจะแย่...คุณหลับไปตั้งหลายชั่วโมงไม่หิวบ้างหรือยังไง”
เขาพูดและชำเลืองมองหญิงสาวซึ่งทำสีหน้าเหมือนรู้ตัวว่าเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายชั่วโมงอย่างเขาว่า เธอเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนโต้กลับ
“มันไม่ใช่ความผิดของฉัน คุณต่างหากที่พาฉันมาที่นี่”
“แต่คุณก็ต้องไม่ลืมสัญญาที่ให้กับผม...อยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”
“จนกว่าจะถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ?”
“จนกว่า...งานแต่งของอดาลีนกับโคลินจะผ่านพ้นไป”