มิถุนายน พ.ศ. 2562
หมอกก้มลงมองชุดนักเรียนตัวใหม่ของตนเอง สีหน้ายิ้มแย้ม มีความสุขที่เปิดเทอมใหม่
เขารีบวิ่งไปที่ชั้นม.ห้าห้องสาม สายตามองหาใครบางคนด้วยความตื่นเต้น พลันมือข้างหนึ่งจับไหล่เขาจากข้างหลังจนเจ้าตัวสะดุ้ง
“พี่เขม” หมอกเผลอเรียกเขาเสียงสองจนอีกฝ่ายส่ายหน้าเอ็นดู
“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอที่ได้ย้ายโรงเรียนน่ะ” เขมกรไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากมาเรียนที่นี่นัก ทั้ง ๆ ที่การเรียนต่อมหาวิทยาลัยจะง่ายกว่ามากถ้าจบจากโรงเรียนเดิมของเขา
พอรู้ว่าหมอกตั้งใจย้ายโรงเรียน เขาเอ่ยปากบอกให้คิดทบทวนก่อนตัดสินใจ แต่หมอกยังยืนกรานว่าเรื่องเกรดไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่ว่าเขาจะเรียนจบจากโรงเรียนไหน เขาก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้สบาย
ไม่รู้ว่าเก่งจนมั่นใจหรือว่าอะไร ลึก ๆ ในใจแล้ว เขมกรคิดว่าเขาทำได้อย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะอยากทำอะไร นายทำได้อยู่แล้ว
ทั้งสองคนยืนพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง เสียงตะโกนเรียกเขมกรดังขึ้นจนต้องรีบหันกลับไปดู
ธาดากับมังกรเพื่อนซี้ของเขมกรกำลังเดินตรงรี่เข้ามาหาพวกเขาหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันหลายอาทิตย์ พลางมองรุ่นน้องม.สี่ด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใคร
ธาดากอดคอเขมกรกระซิบถามเบา ๆ ข้างหูถามว่า “รู้จักเหรอ” ท่าทางสนิทสนมของทั้งคู่ทำให้ใครบางคนไม่ชอบใจเล็กน้อย
“อ่อ นี่หมอก เด็กน้อยที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังไง” เขมกรแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน
“ดี ๆ ไว้วันหลังชวนนายไปเที่ยวน่าจะสนุกดี” ธาดาเอ่ยปากชวนพลางมองหน้าเพื่อนทั้งสองอย่างรู้กัน
ครั้นพักเที่ยง
หมอกรีบออกจากห้องเรียนเพื่อมารอเขมกรหน้าห้องเรียนคาบสุดท้าย
“เขม น้องชายนายมารอรับไปกินข้าวแล้ว” มังกรแซวเพื่อน
แต่ไหนแต่ไรมาช่วงไม่กี่เดือนที่แล้ว เขาพอได้ยินเรื่องของหมอกมาบ้าง ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย แต่พอมาลองรู้จักดูแล้ว กลายเป็นว่าหมอกเข้ากับเขมกรได้เพียงคนเดียว
ครั้นธาดากอดคอเขมกรตามประสาเพื่อน หมอกจะเดินเข้ามาแทรกกลางพวกเขาแล้วรีบดึงแขนคนเป็นพี่ไปโรงอาหารโดยไม่สนสายตาใคร
“พี่เขม ผมหิวข้าวแล้ว รีบไปกันดีกว่า” เขาเอ่ยปาก สายตาจริงจัง รีบพาเขมกรเดินหนีจากกลุ่มฝูงชนที่แออัด
“แปลก ๆ นะ นายว่าไหม” มังกรพึมพำกับธาดา
อีกฝ่ายหรี่ตามองดูความสนิทสนมของพวกเขาทั้งคู่ บอกปัดไปว่า “เขมก็สนิทกับทุกคนนั่นแหละ”
หลังจากได้เรียนโรงเรียนเดียวกันแล้ว จึงทำให้พวกเขาทั้งคู่ได้เจอหน้ากันบ่อยขึ้น ความสนิทเพิ่มพูนไปตามกาลเวลา ความรู้สึกเย็นชาของหมอกถูกละลายหายไปเพราะเขมกร
บางครั้ง หมอกไปค้างที่บ้านของเขมกรเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องราววุ่นวายในบ้านใหญ่ อย่างเช่นในวันนี้
ช่วงเลิกเรียน พวกเขาเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อด้วยกัน หมอกนั่งทำการบ้านและสรุปเนื้อหาที่เรียนมาในแต่ละวันให้เขมกรที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานพิเศษในร้าน
รอจนเขาเลิกงานแล้วกลับบ้านพร้อมกัน ในห้องของเขมกรมีข้าวของเครื่องใช้หมอกมาวางไว้ทีละนิด เสื้อผ้าชุดลำลองและชุดนักเรียนแขวนไว้ในตู้ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง
ความรู้สึกที่ว่าอยู่กับเขมกรมีความสุขมากกว่าอยู่บ้านใหญ่ที่มีแต่คนคอยรังแก จิกหัวใช้ เป็นที่รองรับอารมณ์ของแม่เลี้ยงและคู่แฝด ทำให้หมอกเลือกที่จะทำแบบนี้
“กลับมากันแล้วเหรอ” เสียงหญิงชราเอ่ยทักทายทั้งสองคนยามดึก
“ยาย ทำไมยังไม่นอน” เขมกรเดินเข้ามากอดเธออย่างเคย
“ดูหนังเพิ่งจบ กำลังจะง่วงพอดี” ยายมุกดาลูบหัวหลานชาย “ยายไปนอนก่อนนะ” เธอพูดจบแล้วยิ้มให้หมอกก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง
แม้หมอกจะได้รู้จักกับยายมุกดาไม่นานเท่าไหร่ แต่เขากลับให้ความเคารพเหมือนกับเป็นยายของตัวเอง อีกฝ่ายก็เหมือนกับได้หลานเพิ่มมาอีกคน ทำให้บ้านหลังน้อยมีเสียงหัวเราะครึกครื้นขึ้นมาอีกนิดหน่อย
“พี่ พรุ่งนี้วันหยุดไปเที่ยวกันไหม” หมอกถามคนที่นอนอยู่ข้างบนเตียง
เขมกรลุกขึ้นมาตอบคนที่ปูผ้านอนบนพื้นว่า “นายอยากทำอะไรล่ะ”
“ไม่รู้สิ นั่งเล่นในสวนริมแม่น้ำ ขี่จักรยาน กินข้าวนอกบ้าน วาดรูป” เขาเงยหน้ามองคนเป็นพี่ แล้วยื่นข้อความในโทรศัพท์ให้เขาดู “พ่อโอนเงินมาให้ เดี๋ยวผมเลี้ยงพี่เอง แล้วก็พายายไปด้วย พวกเราสามคน”
“อื้ม งั้นรีบนอนกัน พรุ่งนี้จะได้ไปปลุกยายแต่เช้า คงจะตื่นเต้นน่าดูที่ได้ไปเที่ยว” เขมกรเองตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่ได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านนานมากแล้ว
เช้าวันต่อมา
“เขมมมม” เสียงทักทายยามเช้าดังมาจากมังกรที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน ข้าง ๆ มีธาดาถือของกินพะรุงพะรัง
หมอกหันไปมองหน้าเขมกรแล้วถอนหายใจอีกครั้ง ทำใจนิ่งสงบเพื่อรับมือกับความวุ่นวายจากเพื่อนทั้งสองของเขา
ช่วงกลางดึก มังกรส่งข้อความมาหาเขมกรเพื่อชวนไปเล่นเกมที่ร้านตามประสา หากแต่เขาบอกว่ามีนัดกับหมอกแล้ว มังกรจึงนึกสนุกอยากไปด้วยแล้วรีบโทรไปเล่าให้ธาดาฟัง
จากนั้น เขมกรจึงต้องสารภาพกับหมอกไปว่าเพื่อนทั้งสองคนขอไปเที่ยวด้วย
“ไม่เอา” หมอกส่ายหน้าเพราะไม่อยากได้ยินเสียงโหวกเหวกของมังกรแล้วก็ไม่อยากเห็นธาดามาอยู่ใกล้ ๆ คนเป็นพี่
“เถอะนะ” พอได้ยินเสียงอ้อนของอีกฝ่ายแล้ว หมอกก็ใจอ่อนยวบในทันที โดยไม่ต้องร้องขออีกเป็นครั้งที่สอง
“ครับ” เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย
สวนสาธารณะแห่งหนึ่งนอกตัวเมือง
“ยาย อากาศสดชื่นดีไหม” เขมกรเดินจูงมือยายมุกดา
“อื้ม” รอยยิ้มของยายทำให้เขารู้สึกสบายใจ อย่างน้อยเวลานี้ยายก็ดูมีความสุขดี สุขภาพแข็งแรง
พวกเขาเลือกมุมสงบใต้ต้นไม้ ก่อนจะปูเสื่อผืนใหญ่ไว้รองนั่ง หมอกและอีกสองคนที่เหลือ ค่อย ๆ วางสัมภาระลงแล้วนั่งพักผ่อนอยู่ข้างกัน
“สดชื่นนนนน” เสียงของมังกรดังขึ้นอีกครั้ง จนธาดาต้องรีบเอามือมาปิดปากเพราะกลัวว่ากลุ่มวัยรุ่นข้าง ๆ จะเขม่นเอาได้
วันนี้สภาพอากาศฟ้าโปร่ง มีเมฆบางล่องลอยอย่างช้า ๆ สายลมพัดเอื่อยให้ความรู้สึกเย็นสบาย เบื้องหน้าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำสายใหญ่ สายน้ำเล็ก ๆ ทอดยาวเข้ามาด้านในสวนเกิดเป็นเวิ้งน้ำใหญ่ ภายในสวนเองมีทางลาดที่ทำไว้สำหรับให้ขี่จักรยาน
ยายมุกดาเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสี่คนตื่นเต้นที่ได้มาเที่ยววันหยุดจึงบอกไปว่า “ยายจะนอนเล่นอยู่ตรงนี้ อยากไปเล่นอะไรก็ไปเถอะ”
“...” ทั้งสี่คนไม่พูดอะไรเพราะไม่อยากปล่อยให้ยายนอนเล่นคนเดียว
“โอ๊ย ไปเถอะ ถ้าอยู่กันหลายคน ยายไม่ได้นอนกลางวันพอดี โดยเฉพาะเจ้ามังกร ไม่รู้ว่านั่นปากหรือโทรโข่ง” ยายมุกดามองหน้ามลพิษทางเสียงที่กำลังจะอ้าปากร้องเพลง
“ถ้างั้น เดี๋ยวพวกผมมานะ” เขมกรเอ่ยปาก
ยายมุกดาปัดมือพลางทำท่าทางบอกว่าไปเถอะ ๆ รออยู่อย่างสงบคนเดียวไม่ไหวแล้ว
“พวกนายจะทำอะไร ขี่จักรยานหรือว่าพายเรือ” ธาดาถามคนที่เหลือพลางชี้ให้ดูข้างหน้า
“พี่เขม ไปพายเรือกับผมไหม” หมอกทำสายตาอ้อนเขาแล้วเกาะแขนอีกฝ่ายไว้แน่นเตรียมจะลากไปทางนั้นในทันที
“ก็ดีนะ ตรงกลางมีเกาะนกด้วย” เขมกรหรี่ตามองเกาะตรงกลางเวิ้งน้ำ แล้วพยักหน้า
“งั้นเราไปด้วย” มังกรดึงแขนของธาดาเดินนำลิ่วไปที่เช่าเรือพายในทันที
เรือน้อยสองลำล่องไปเรื่อย ๆ ตามทาง บนท้องฟ้ามีนกบินข้ามไปที่เกาะเล็กใจกลางเวิ้งน้ำ
ทั้งสี่คนต่างพากันถ่ายรูปตอนพายเรือโดยไม่ทันได้สังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัว ขณะที่เรือพายกำลังจะเข้าเทียบฝั่งเกาะนก หางตาของมังกรเหลือบเห็นอะไรบางอย่างผลุบ ๆ โผล่ ๆ ที่ชายฝั่ง
“เอ๋?” ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองมองไม่ชัดจึงปล่อยผ่านไป แต่แล้วก็ได้ยินเสียงกระโจนลงไปในน้ำจึงหันขวับกลับมาดู
“เหี้ย!!!” เสียงที่ดังเป็นทุนเดิมดังมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาตกอยู่ในอาการตกใจ
อีกสามคนที่เหลือจึงหันหน้ามาดูทางต้นเสียงแล้วก็พบว่า
“เหี้ย! เหี้ยตัวโคตรใหญ่เลย” มังกรแหกปากลั่นจนเรือพายที่อยู่ไกล ๆ ก็ได้ยินเสียงของเขา
ราวกับว่าต่างฝ่ายต่างตกใจ ตัวเงินตัวทองตัวใหญ่ตัวนั้นก็เลยหันหน้ามามองเขาพลางแลบลิ้นแผล็บ ๆ
“ไอ้ธาดา หนีเร็ว มันจ้องจะกินฉันแล้ว” ด้วยความที่เขาอยู่ใกล้กับตัวเงินตัวทองมากที่สุดจึงกลัวสุดขีด
“ใจเย็นก่อน มันไม่ทำอะไรหรอก” ธาดาพยายามปลอบเขา
“หุบปาก จ้วง! จ้วงเร็วเข้า” มังกรตะโกนโหวกเหวก
แต่ไม่ว่าจะเสียงดังมากเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้เรือลอยไปได้เร็วเสียหน่อย ตัวเงินตัวทองจึงว่ายเข้ามาใกล้กว่าที่เคยราวกับเป็นสวนสัตว์เปิด
อาการของคนสิ้นหวังท้อแท้ทำให้มังกรนึกถึงหน้าแม่ “แม่จ๋า ช่วยผมด้วย ถ้ารอดไปได้ ผมจะไม่ดื้อไม่ซน”
เขมกรกับหมอกที่อยู่บนเรือพายไกล ๆ ต่างพากันมองภาพเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ และช่วยลุ้นในใจ
ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของมังกร ทั้งคู่ก็ตกใจไม่แพ้กันแต่มือไม้ไม่มีแรงพายเรือหนีจึงนิ่งงันอยู่กับที่ กลายเป็นว่าตัวเงินตัวทองว่ายน้ำตามมังกรไปเสียอย่างนั้น เลยรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด
แต่แล้วคำขอของมังกรคงจะได้ผล ตัวเงินตัวทองลอยขนาบข้างเรือพายแล้วหันมามองหน้าเขาพลางแลบลิ้นให้อีกครั้ง ก่อนจะว่ายน้ำเลยไปอีกทางเหมือนแค่แวะมาทักทายเพื่อนฝูงเท่านั้น
“เกือบไปแล้ว” ธาดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วถามเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลัง “มังกร ไหวไหมวะ”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลที่เขาเรียก
ธาดาจึงหันกลับมาดูด้านหลังแล้วตะโกนบอกเขมกร
“ไอ้เขม! มังกรมันเป็นลมไปแล้วววว”